ศูนย์ราชการ 24 เม.ย.- สคบ.ปฏิเสธเกี่ยวข้องกับกรณีซินแสโชกุน ยันเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ต้องดำเนินคดีเด็ดขาดฐานฉ้อโกงประชาชน ย้ำเร่งตรวจ สอบธุรกิจผิดกฎหมายขายตรงเพื่อเป็นหลักประกันในการดูแลประชาชน
พลตำรวจตรีประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมด้วยตัวแทนสมาคมธุรกิจขายตรง หลายสมาคม ร่วมแถลงข่าวเตือนภัยธุรกิจขายตรง และธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หลังจากกรณี นางสาวพสิษฐ์ อาริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประ ชาชน จัดทัวร์ญี่ปุ่นแต่ลอยแพผู้เสียหายนับพันคนที่สนามบินสุวรรณภูมิเลขาธิการสคบ. ยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้น เพราะเป็นความผิดฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ และไม่ได้จดทะเบียนกับสคบ. และสคบ.มีหน้าที่ดูแลธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรงเท่า นั้น โดยมีมาตรการควบคุมดูแลชัดเจน โดยให้ผู้ประกอบการต้องมาจดทะเบียน และตรวจสอบการดำเนินธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ หลังเกิดเหตุได้เพิ่มความเข้มงวดในการรับจดทะเบียนบริษัท ต้องมีการตรวจสอบราย ละเอียดทุกขั้นตอน รวมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ตั้งสำนักงาน เพื่อป้องกันตั้งแต่ขั้นต้น ขณะเดียวกัน ได้ขึ้นบัญชีเฝ้าระวัง และขึ้นบัญชีดำ บริษัทที่ตรวจพบความไม่โปร่งใส ล่าสุดปี2560 ได้ยกเลิกทะเบียนบริษัทขายตรงที่จดทะเบียนกับสคบ.แล้ว 2 ราย รวมตั้งแต่ปี2546ถึงปัจจุบัน รวม8ราย พร้อมยืนยันไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆจากการจดทะ เบียนบริษัท
ด้านพันตำรวจเอกประทีป เจริญกัลป์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ยืนยันว่าสคบ.ไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับซินแสโชกุนและจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ สคบ. หรือผู้เกี่ยว ข้องหากมีการแอบอ้างเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 1 ราย ที่อ้างชื่อเลขาธิการ สคบ.เรียกรับเงิน 3 แสนบาทที่สถานีตำรวจภูธรหันคา จังหวัดชัยนาท พร้อมเตือนผู้ที่อยู่ในอัพไลน์หรือส่วนยอดของธุรกิจที่ทำผิด พ.ร.บ. ขายตรง หรือแชร์ลูกโซ่จะถูกดำเนินคดีด้วย
ทั้งนี้ สคบ.แนะให้ประชาชนตั้งข้อสังเกตธุรกิจแชร์ลูกโซ่ไว้ 10 ประเด็น ได้แก่ บริษัทไม่ได้จดทะเบียน สถานประกอบการไม่น่าเชื่อถือ ผู้ประกอบ การประวัติไม่ดี ขายสินค้าต้องห้าม เน้นขายพ่วงหรือเพิ่มเครือข่ายมากว่ายอดขาย ค่าธรรมเนียมสูง สมาชิก 1 คนมีรหัสมากกว่า 1 รหัส ระดมทุนซื้อตำแหน่ง โฆษณาเกินจริงชักจูงด้วยเงินก้อนจ่ายค่าตอบแทนรายวัน จ่ายค่าตอยแทนสูงเกินจริง และเน้นจัดแคมเปญรับสมาชิกมากกว่าให้ความรู้ในการขายสินค้า.-สำนักข่าวไทย
