เลขาฯ นายกฯ ชี้แจงคำสั่งลงโทษธาริตไล่ออกจากราชการ

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  ชี้แจง คำสั่งลงโทษไล่ “ธาริต” ออกจากราชการ ว่าเป็นไปในฐานะผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นผู้ออกคำสั่ง หลัง ป.ป.ช.มีมติชี้มูล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่งหนังสือชี้แจงมายังสื่อมวลชน ถึงกรณีการมีคำสั่งลงโทษไล่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกจากราชการ หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลว่านายธาริตร่ำรวยผิดปกติ 

ในหนังสือมีใจความว่า เรื่องนี้เป็นการดำเนินการ ตามที่ประธานกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งว่าคณะกรรมการป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ร่ำรวยผิดปกติเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงผิดปกติรวมมูลค่า 346,652,588 บาท ซึ่งเป็นกรณีการดำเนินการตามมาตรา 80(4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่าเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติแล้ว ให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการสั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่


แต่เดิม นายธาริต เพ็งดิษฐ์  ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่อมาเมื่อ 24 พ.ค. 57 คสช. ได้มีคำสั่งให้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี และเมื่อ 27 มิ.ย.57 จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ เรื่องนี้จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นผู้ออกคำสั่ง

สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับเรื่องดังกล่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. ในช่วงที่ผ่านมา และได้ตรวจสอบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการกรณีดังกล่าว โดยได้มีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ช. สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาโดยตลอด ความชัดเจนในข้อกฎหมาย และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา 

ทั้งนี้ หน่วยงานดังกล่าวข้างต้นได้ให้ความเห็นสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันว่า กรณีนี้เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาในการพิจารณาลงโทษตามที่กำหนดในมาตรา 80(4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2542 โดยไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอื่น ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ว่า การทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 60 ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย       


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

ซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติฯ สุดตระการตา รับประเพณียี่เป็ง

ยามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยแสงไฟรับประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนถนนท่าแพ มีการสร้างซุ้มประดับไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 14 ซุ้ม ยาวกว่า 200 เมตร.

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมรีดทรัพย์ รับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพื่อขายงาน

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากดิไอคอน ยอมรับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพราะต้องการขายงาน

คุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง เจ้าตัวเงียบรีบเดินขึ้นรถตู้

ตำรวจกองปราบคุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง ผู้ต้องหาปัดตอบสื่อ ด้านพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี