กรุงเทพฯ 8 พ.ย. –บมจ.บางจากปิโตรเลียมทบทวนแผนเพิ่มกำลังกลั่นจากสูงสุด 120,000บาร์เรล/วันเป็น 140,000 บาร์เรล/วัน และลงทุนเพิ่มแหล่งกาล็อค เพื่อลดผลกระทบกำลังผลิตที่เริ่มลดลง คาดปีหน้าอีบิทด้าจะเพิ่มขึ้นเพราะโรงกลั่นฯไม่มีแผนชัตดาวน์
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากฯกำลังทบทวนว่า จะลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นฯเพื่อเพิ่มกำลังกลั่นจากสูงสุด 120,000 บาร์เรล/วัน เป็น 140,000 บาร์เรล/วัน ตามแผนเดิมหรือไม่ โดยต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งการลงทุนนั้นอยู่ในแผนเดิมที่มีการลงทุนทุกด้าน 90,000 ล้านบาทในปี 2558-2563
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ในแหล่งกาล็อค ประเทศฟิลิปปินส์นั้น ในปีนี้ต้องมีการลงทุนเพิ่ม เพื่อเพิ่มกำลังผลิต โดยลงทุนเจาะผลิตในหลุมมิดกาล็อค อีก 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตามแผนคาดว่าจะเพิ่มกลังผลิตจาก 4,000-5,000 บาร์เรล/วันเป็น 10,000 บาร์เรล/วันใน 6-7 ปีข้างหน้า โดยเบื้องต้นจะเริ่มผลิตได้บางส่วนในปี 2562 และอีกหนึ่งสาเหตุที่ต้องลงทุนเพิ่มเนื่องจากแหล่งกาล้อค ผลิตมาแล้ว 7-8 ปีกำลังผลิตเริ่มลดลง โดยปีนี้ผลิตได้รวม 1 ล้านบาร์เรล จากปี 2558ผลิตได้ 2 ล้านบาร์เรล และคาดว่าปี 2560 กำลังผลิตรวมทั้งปีจะเหลือ 800,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15 ขณะที่จุดคุ้มทุนอยู่ที่ 38 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้ต้นทุนเพิ่มแต่ก็ยังมีกำไร หากราคาน้ำมันปีหน้ายังไม่ต่ำลงไปอีก โดยในปีนี้มีราคาขายได้ที่ประมาณ 45-46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
“ บางจากฯยังสนใจจะลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมในอาเซียน และในไทยหากสามารถซื้อในราคาที่เหมาะสม ภาพรวมแล้ว อีบิทด้า (EBITDA) หรือ กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ไม่น่าจะต่ำกว่าเป้าหมาย ที่ 12,600 ล้านบาท แม้ว่าจะมีการปิดซ่อมโรงกลั่น 45 วันแต่จากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงนี้ไม่ต่ำกว่า สิงคโปร์ที่ 8-9 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ยอดขายหน้าปั๊มดีขึ้นจากการปรับสูตรน้ำมัน และยังเดินหน้าลงทุนพลังงานทดแทนตามเป้าหมาย ซึ่งในส่วนกำลังกลั่นเฉลี่ยปีนี้อาจะเพิ่มเป็น 100,000 บาร์เรลต่อวันจากคาดการณ์เดิม 90,000 บาร์เรล/วัน “นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในปีหน้าอีบิทด้าคาดว่าจะดีกว่าปีนี้ เพราะ ปีหน้าโรงกลั่นฯไม่มีแผนปิดซ่อม ส่วนการทำตลาดน้ำมันใสยังเชื่อว่าจะเป็นไปได้ดี นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรใหม่ “ SPA” ร้านค้าสะดวกซื้อจากเนเธอร์แลนด์ที่เริ่มเปิดตัวแล้ว ในปั๊มบางจากฯย่านถนนราชพฤกษ์ ขณะที่การลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนก็ยังเป็นไปตามแผน ส่วนโครงการลงทุนแหล่งแร่ลิเธียม ในอาร์เจนตินาเป็นไปตามแผนจะเริ่มผลิตเฟสแรก 25,000 ตันในปลายปี 2561 และหลังจากนั้นจะขยายเฟส 2 อีก 25,000 ตัน โครงการนี้ บางจากฯถือหุ้นร้อยละ 7 และตามสัญญาสามารถเพิ่มเป็นร้อยละ20 ได้ โดยราคาลิเธียมขณะนี้เพิ่มเป็น 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จากปีที่แล้วอยู่ที่ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งการที่ราคาเพิ่มขึ้น เพราะอัตราการเติบโตของรถไฟฟ้า โดยเฉพาะในจีน ที่ทำให้ลิเธียม แบตเตอรี่เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น-สำนักข่าวไทย