ก.เกษตรฯเดินหน้าส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่

กรุงเทพฯ 16 เม.ย.-กระทรวงเกษตรฯ เผยคืบหน้าผลการดำเนินงาน “5 ประสาน สืบสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ถวายในหลวง” เดือน มี.ค.60 ปรับแนวคิด สร้างแรงบันดาลใจ พร้อมหนุนเกษตรกรจัดทำแผนการผลิตแล้วกว่าร้อยละ 81 จากกลุ่มเป้าหมายแรก 21,000 ราย เดินหน้าแผนเดือน เม.ย.60 ต่อเนื่อง เน้นให้เกษตรกรลงมือทำตามแผนการผลิตในแปลงตนเอง ควบคู่ส่งเสริมจัดทำบัญชีครัวเรือน/บัญชีฟาร์ม ในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน


นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำโครงการ “5 ประสาน สืบสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ถวายในหลวง”เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเผยแพร่พระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอดทั้งเป็นการเผยแพร่แนวพระราชดำริเกษตรทฤษฎีใหม่ไปสู่สาธารณชน โดยส่งเสริมให้เกษตรกรที่มีความสมัครใจจาก 882 อำเภอ รวม 70,000 ราย ได้น้อมนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองอย่างเหมาะสม ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ของเกษตรกร โดยมุ่งหวังจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ อันเกิดจากการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยการสร้างอาชีพอย่างเหมาะสมกับทรัพยากรและปัจจัยการผลิตที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า โดยได้คัดเลือกเกษตรกรที่มีความพร้อมเพื่อดำเนินการในปี 2560 จำนวน 70,000 ราย

ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินงานโครงการ “5 ประสาน สืบสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ถวายในหลวง” จะเริ่มต้นจากเกษตรกรกลุ่มแรกที่มีความพร้อมมาก และยังไม่เคยทำเกษตรกรทฤษฎีใหม่มาก่อน 21,000 ราย ในเดือน ก.พ.- เม.ย.60 ส่งเสริมในกลุ่มเกษตรกรที่มีความพร้อมปานกลาง 42,000 ราย ในเดือน พ.ค.- ก.ย. 60 และส่งเสริมในกลุ่มเกษตรกรที่มีความพร้อม 7,000 ราย หรือมากกว่า ในเดือน ต.ค.- ธ.ค.60 โดยแบ่งแผนปฏิบัติงานออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 (ม.ค. – ก.พ.60) โดยกำหนดผู้ร่วมบูรณาการ 5 ประสาน (เกษตรกร ปราชญ์เกษตรกร เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา) มาพบปะสร้างการรับรู้แนวทางของโครงการฯ และสร้างกิจกรรมการมีส่วนร่วมระดับประเทศ ระยะที่ 2  (มี.ค.- เม.ย.60) เกษตรกรปรับ/เปลี่ยนพัฒนาตนเอง โดยปราชญ์เกษตรช่วยเพิ่มพูนองค์ความรู้เชิงปฏิบัติการตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ การวิเคราะห์ตนเอง และวางแผนการผลิตตามศักยภาพ ระยะที่ 3 (พ.ค.- ส.ค.60) ขับเคลื่อนการดำเนินงานในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน โดยดำเนินการกิจกรรมตามแผนการผลิต โดยมีภาคเอกชนสนับสนุนการจัดหาปัจจัยการผลิตตามแผนที่เกษตรกรวางไว้ตามความเหมาะสม ส่งเสริมการดำเนินกิจกรรมการผลิตที่หลากหลายให้เกษตรกรตามศักยภาพฐานะตนเอง รวมทั้งวางแผนการตลาด และ ระยะที่ 4  (ก.ย.- ธ.ค.60) ติดตาม/เยี่ยมเยียน/ประเมินผล โดยเยี่ยมเยียนเกษตรกร อย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือน รวมทั้งประเมินความสำเร็จเพื่อปรับแผนปฏิบัติงานให้มีความเหมาะสมสำหรับเกษตรกรแต่ละราย เพื่อให้เกษตรกรสามารถขับเคลื่อนไปด้วยตนเองได้ในระยะยาว     


 สำหรับความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการฯ ประจำเดือนมีนาคม 2560 ที่ดำเนินการในกลุ่มเป้าหมายแรก21,000 ราย แบ่งเป็น 4 กิจกรรม ดังนี้ (1) การจัดพบปะ 5 ประสานในพื้นที่ โดยพบปะหารือระดับตำบลหรืออำเภอ (เกษตรกร/ปราชญ์เกษตรกร/หน่วยงานภาครัฐ) ดำเนินการแล้ว 52 จังหวัด จากเป้าหมาย 77 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 67.53 ส่วนการพบปะหารือระดับอำเภอหรือจังหวัด (ภาคเอกชน/สถาบันการศึกษา/ภาครัฐ) ดำเนินการแล้ว 49 จังหวัด จากเป้าหมาย 77 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 63.64 (2) การปรับแนวคิด เปลี่ยนวิธีทำ สร้างแรงบันดาลใจแก่เกษตรกร โดยสร้างแรงบันดาลใจในการปรับแนวคิด เปลี่ยนวิธีทำ และสร้างแนวบันดาลใจให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการมาปรับทำการเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ แล้ว 18,413 ราย จากเป้าหมาย 21,113 ราย คิดเป็นร้อยละ 87.21 (3) จัดทำแผนการผลิตและสนับสนุนปัจจัยการผลิต เกษตรกรมีการจัดทำแผนการผลิตแล้ว 17,156 ราย จากเป้าหมาย 21,113 ราย      คิดเป็นร้อยละ 81.26 และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ได้ดำเนินการรวบรวมความต้องการตามแผนการผลิตของเกษตรกรแต่ละราย เพื่อขอรับการสนับสนุนจากในพื้นที่แล้ว 9,815 ราย จากเป้าหมาย 21,113 ราย    คิดเป็นร้อยละ 46.54 และ (4) เกษตรกรลงมือตามแผนการผลิตในแปลงตนเอง โดยปราชญ์เกษตรกรและหน่วยงานรับผิดชอบดูแลให้คำแนะนำในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน ซึ่งดำเนินการแล้ว 12,960 ราย จากเป้าหมาย 21,113 ราย คิดเป็นร้อยละ 61.38 ปราชญ์เกษตรและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ติดตามเยี่ยมเยียน เพื่อเป็นที่ปรึกษาในลักษณะเพื่อนเกษตรกร ดำเนินการแล้ว 10,523 ราย จากเป้าหมาย 21,113 ราย คิดเป็นร้อยละ 49.84

 ส่วนแผนปฏิบัติงาน “5 ประสาน สืบสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ถวายในหลวง”ในเดือนเมษายน 2560            จะขับเคลื่อนในเกษตรกรกลุ่มพร้อมมาก 21,000 ราย เหมือนเช่นเดือน มี.ค.60 ให้ต่อเนื่องและครบตามเป้าหมาย แต่ในเดือนนี้จะเน้นให้เกษตรกรได้ลงมือทำตามแผนการผลิตในแปลงของตนเอง ประกอบด้วย 5 กิจกรรม ดังนี้ (1)เกษตรกรลงมือทำตามแผนการผลิตในแปลงตนเอง (1 – 30 เม.ย.60) โดยเกษตรกรลงมือทำตามแผนการผลิตในแปลงตนเอง หรือเพิ่มกิจกรรมในแปลงให้หลากหลายขึ้น โดยปราชญ์เกษตร และหน่วยงานรับผิดชอบดูแล ให้คำแนะนำในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน (2)การส่งเสริมการจัดทำบัญชีครัวเรือน / บัญชีฟาร์ม (1 – 30 เม.ย.60) หน่วยงานที่รับผิดชอบ ร่วมกับครูบัญชีอาสา ส่งเสริมการบันทึกบัญชีครัวเรือน /บัญชีฟาร์ม ให้มีคุณภาพเพื่อใช้วิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงในระยะต่อไป

 (3) ติดตาม / เยี่ยมเยียนเกษตรกร (1 – 30 เม.ย.60) โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) หน่วยงานที่รับผิดชอบ ปราชญ์เกษตร เอกชน และสถาบันการศึกษา ลงพื้นที่ติดตาม เยี่ยมเยียน ให้คำแนะนำ คำปรึกษา รวมทั้งแก้ไขปัญหาในการดำเนินกิจกรรมในแปลงเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจประสบปัญหาภัยแล้ง (4) สำรวจเพื่อกำหนดเป้าหมายเกษตรกร กลุ่ม Cell แตกตัว (1 – 25 เม.ย.60) โดย Single Command และหน่วยงานที่รับผิดชอบ เริ่มสำรวจหาเกษตรกรกลุ่มพร้อมปานกลาง ซึ่งจะเป็น Cell แตกตัวครั้งที่ 1 จำนวน 42,000 ราย โดยเกษตรกรที่เป็น Cell แตกตัวตามเป้าหมาย อาจอยู่ใกล้เคียงกับเกษตรกรต้นกำเนิดในหมู่บ้านหรืออำเภอเดียวกัน อาจจะเป็นเกษตรกรสมัครใหม่ หรือเป็นเกษตรกรที่คัดเลือกไว้แล้ว และอาจมีการจัดหาปราชญ์เกษตร หรือเกษตรกรต้นแบบ ที่มีจิตอาสามาเป็นตัวช่วยเกษตรกรตามความเหมาะสม โดยเกษตรกรที่เป็น Cell แตกตัว ครั้งที่ 1 จะมาเรียนรู้กับปราชญ์เกษตร หรือเกษตรกรต้นแบบ ร่วมกับเกษตรกร cell ต้นกำเนิด ในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน และ(5) รายงานผล (23 – 30 เม.ย. 60) โดยรายงานผลความก้าวหน้าประจำเดือน เม.ย.60 ภายในวันที่ 28 เม.ย.60-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]