กทม. 13 เม.ย.-ซินแสโชกุนเปิดใจครั้งแรก หลังถูกจับกุมคดีหลอกขายทัวร์ไปญี่ปุ่น แต่กลับลอยแพลูกทัวร์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยืนยันไม่ได้ฉ้อโกงประชาชน ตำรวจยังเค้นสอบ และเลื่อนฝากขังเป็นวันพรุ่งนี้
ความคืบหน้าคดีการจับกุมนางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิส หรือซินแสโชกุน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลอกลวงประชาชนให้สมัครสมาชิกบริษัทขายอาหารเสริม แถมทริปเดินทางไปญี่ปุ่นในราคา 10,000 บาท ระหว่างวันที่ 11-16 เมษายน แต่กลับลอยแพลูกทัวร์กว่า 1,000 คน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยซินแสโชกุนถูกควบคุมตัวจากวัดป่าชัยมงคล อำเภอเมืองระนอง มาแถลงที่กองปราบปรามเมื่อคืนที่ผ่านมา
ล่าสุด พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ระบุอยู่ระหว่างการติดตามทรัพย์สินของซินแสโชกุน ตรวจสอบพบมีเงินสด 3 ล้านบาท พร้อมประสานให้ ปปง. ตรวจสอบและอายัดบัญชีและทรัพย์ของซินแสโซกุน ก่อนนำเงินทยอยคืนให้กับผู้ที่เสียหายทั้งหมด แต่อาจได้ไม่เต็มจำนวน นอก
จากนี้ยังเตรียมเรียกแม่ข่ายในทีมรวม 30 คน มาสอบปากคำ และวันพรุ่งนี้จะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความที่กองปราบปรามอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งญาติของซินแสโชกุนที่เดินทางมาเยี่ยมด้วย
ด้านซินแสโชกุนแถลงเปิดใจเป็นครั้งแรกไม่ได้ฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากธุรกิจของตนไม่ใช่การขายทัวร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการตลาด เพื่อตอบแทนผู้ที่จ่ายค่าสมัครสมาชิกมาร่วมขายอาหารเสริมโดยการพาไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่มีหัวหน้าทีมบางรายไปโฆษณาว่าเป็นทริปทัวร์ ทำให้เข้าใจผิด สำหรับทริปไปญี่ปุ่นที่มีกำหนดเดินทางเมื่อวันที่ 11 เมษายน เกิดปัญหาการจัดการรายชื่อที่ล่าช้า ต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน เดินทางแบบแยกกลุ่ม ไม่ใช่เช่าเหมาลำ ทำให้การคอนเฟิร์มตั๋วโดยสารจากสปอนเซอร์ที่ฮ่องกงล่าช้าไปด้วย จึงเกิดความวุ่นวาย
ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายต้องการยกเลิกธุรกิจ และขอคืนเงิน ซินแสโชกุนให้ติดต่อกับหัวหน้าทีมเพื่อตรวจสอบเอกสารก่อน เนื่องจากเงินได้จ่ายเป็นค่าสินค้าไปเกือบหมดแล้ว ทำให้ตัวแทนผู้เสียหายไม่พอใจลุกขึ้นตะโกนด่า และเดินออกจากห้องประชุมทันที เนื่องจากไม่สามารถติดต่อหัวหน้าทีมที่ชักชวนมาสมัครได้
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีกับซินแสโชกุนได้ในคดีอาญาเท่านั้น ส่วนคดีแอบอ้างเบื้องสูงอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและคลิปเสียง ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเข้าข่ายตามมาตรา 112 หรือไม่ และผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับซินแสโชกุนได้เอง
สำหรับคดีนี้ตำรวจได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ควบคุมตัวเครือข่ายของซินแสโชกุนมาสอบสวนที่ มทบ.11 และในวันนี้จะมีการส่งตัวเครือข่ายมาสอบสวนที่กองปราบปรามเพิ่มอีก 5 คน.-สำนักข่าวไทย