กกร.ห่วงเครื่องใช้ไฟฟ้า-อาหารอาจถูกสหรัฐตอบโต้


กรุงเทพฯ10 เม.ย.-กกร.เร่งสรุปรายการสินค้าที่อาจถูกสหรัฐตอบโต้ทางการค้าให้กระทรวงพาณิชย์ทราบ

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการ กกร. ประจำเดือน เม.ย.60 ว่า ที่ประชุม กกร. มีความเห็นว่า การประกาศคำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Executive Orders) เรื่องการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งมีไทยเป็นหนึ่งใน 16 ประเทศที่ถูกระบุว่าเกินดุลกับสหรัฐฯ นั้น เป็นเรื่องที่สำคัญแม้ไทยจะส่งไปเพียงร้อยละ 10 ของยอดการส่งออกในภาพรวมทั้งหมดก็ตาม เพราะการตอบโต้ของสหรัฐ อาจจะสร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางการค้าและการลงทุนในระยะข้างหน้าได้ แม้ ณ ขณะนี้จะยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนก็ตาม


 โดยจากการประเมินผลกระทบในเบื้องต้นต่อไทยนั้น มีรายการสินค้าส่งออกที่อาจจะเข้าข่ายได้รับผลกระทบทางตรง อาทิ จากประเด็นมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและมาตรการตอบโต้การอุดหนุน (AD/CVD) รวมทั้งสินค้าส่งออกที่ไทยใช้สิทธิ GSP ของสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ อาจจะพิจารณาทบทวน ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า, กลุ่มอาหาร, เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์, ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น นอกจากนี้ สินค้าส่งออกของไทยในบางหมวดก็ยังอาจจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตในกรณีที่ประเทศคู่ค้าอย่างญี่ปุ่นและจีนถูกตอบโต้ทางการค้าจากสหรัฐฯ ด้วย

อย่างไรก็ดี ขนาดของผลกระทบคงจะขึ้นอยู่กับระดับของมาตรการที่สหรัฐฯ จะนำออกมาใช้ ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามกันต่อไป โดยขณะนี้ ส.อ.ท.หารือกับทีมของนายสมคิดด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีแล้ว และอยู่ระหว่างรวบรวมรายการสินค้าที่มีแนวโน้มอาจได้รับผลกระทบเพื่อส่งให้กับกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังเตรียมตัวด้วยการหาตลาดใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย และหากเรื่องใดที่รัฐบาลไทยดำเนินการ เป็นรูปธรรมและมีความพร้อมก็ให้ดำเนินการเชิงรุกโดยเชิญให้ฝ่ายสหรัฐเข้ามาตรวจสอบได้ 

นอกจากประเด็นด้านการค้ากับสหรัฐฯ แล้ว ยังคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งส่วนหนึ่งจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในยุโรป หลังจากช่วงที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และตลาดเริ่มไม่แน่ใจต่อการผลักดันนโยบายของนายทรัมป์ ทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ดังกล่าว ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็วในเดือนมีนาคม ซึ่งการออกมาตรการของ ธปท. น่าจะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทไว้ได้บ้าง แต่อัตราแลกเปลี่ยนยังคงมีแนวโน้มที่จะผันผวนสูง ทำให้ผู้ประกอบการยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป 


สำหรับค่าเงินบาทแข็งตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน แข็งค่าขึ้นร้อยละ 3.7 มากที่สุดในภูมิภาค แข็งค่ารองจากเงินเยนญี่ปุ่นที่แข็งค่าร้อยละ 5.4 ดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าร้อยละ 3.4 เงินริงกิต มาเลเซียแข็งค่าร้อยละ 1.2  เงินอินโดนีเซีย แข็งค่าร้อยละ 1.1 และเงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้นร้อยละ  0.7 อย่างไรก็ตาม เงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาดไม่ได้เป็นการแทรกแซงจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) 

ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นที่ซีเรียและสถานการณ์เกาหลีเหนือล่าสุด ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย

ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังมีความไม่แน่นอน แต่ กกร. เห็นว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะยังทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2560 โดยมีการใช้จ่ายของภาครัฐ การขยายตัวของการท่องเที่ยว และการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ ดังนั้น กกร. จึงยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ไว้ที่ร้อยละ 3.5 – 4.0 และคาดว่าการส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 1.0 – 3.0 ตามเดิม จากการที่กรมศุลกากรได้ตราพระราชบัญญัติศุลกากรขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ได้บังคับใช้มาเป็นเวลานาน เพื่อให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีการพัฒนาและขยายตัวมากขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยร่างพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. …. ได้ผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ซึ่งกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนตุลาคม 2560 โดยร่าง พ.ร.บ.ศุลกากรฉบับใหม่มีสาระสำคัญที่ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ตัวอย่างเช่น การกำหนดความผิดต่างๆ และบทลงโทษสำหรับแต่ละความผิดให้เหมาะสมและทันสมัย ลดอัตราสินบนและเงินรางวัลลงมา และกำหนดสินบนเงินสูงสุดของสินบนและเงินรางวัล กำหนดระยะเวลาตรวจสอบและประเมินอากรย้อนหลังให้ชัดเจน กำหนดเรื่องการถ่ายลำและการผ่านแดนให้ชัดเจนเหมาะสม เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็น Logistic hub ของภูมิภาค

นอกจากนี้ กกร. จะจัดสัมมนาเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจต่อร่าง พ.ร.บ.ศุลกากรฉบับใหม่ ให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ในเดือนพฤษภาคม 2560-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย