สหรัฐชี้ “มัสก์” โจมตี “นพ. เฟาชี” เป็นเรื่องไม่เหมาะสม

วอชิงตัน 13 ธ.ค. – ทำเนียบขาวสหรัฐระบุว่า การที่ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันและเจ้าของกิจการทวิตเตอร์คนใหม่ ใช้ถ้อยคำโจมตี นพ. แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคิดเชื้อและภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐ เป็นการกระทำที่อันตรายและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐ เผยเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า การที่มัสก์ใช้ถ้อยคำโจมตีบุคคลเป็นการกระทำที่อันตรายและไม่ควรปฏิบัติตาม พฤติกรรมของมัสก์เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งและไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งยังระบุว่า นพ. เฟาชี ได้เข้ารับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของสหรัฐภายใต้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตถึง 7 คน ความมุ่งมั่นในการทำงานด้านโรคติดเชื้อ ตั้งแต่เชื้อเอชไอวีไปจนถึงเชื้อโควิด-19 ของ นพ. เฟาชี เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าช่วยรักษาชีวิตชาวอเมริกันนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ นพ. เฟาชี ยังอุทิศชีวิตเพื่อการทำงานด้วยความเชี่ยวชาญอย่างไร้ที่ติเพื่อระบบสาธารณสุขของสหรัฐอีกด้วย ก่อนหน้านี้ มัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการทวิตเตอร์และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของเทสลา ระบุผ่านทวิตเตอร์ในช่วงสุดสัปดาห์ว่า คำสรรพนามของเขาคือ ดำเนินคดี/เฟาชี (My pronouns are Prosecute/Fauci) จนทำให้ทวีตดังกล่าวกลายเป็นกระแสไวรัลในสื่อโซเชียลมีเดีย จากนั้น มัสก์ก็เข้าไปตอบข้อความในโพสต์ดังกล่าวว่า ความจริงดังกึกก้อง (Truth resonates) […]

สหรัฐลดเวลากักโรคคนติดโควิดไม่มีอาการเหลือ 5 วัน

วอชิงตัน 28 ธ.ค.- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐหรือซีดีซี (CDC) ลดระยะเวลากักโรคที่แนะนำสำหรับชาวอเมริกันที่ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยไม่แสดงอาการจาก 10 วัน ลงเหลือ 5 วัน ซีดีซีแนะนำว่า ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการควรสวมหน้ากากอนามัยต่อไปอีก 5 วันหลังจากกักโรคเมื่อต้องพบปะกับผู้อื่น นอกจากนี้ยังแนะนำให้กักโรค 5 วันและสวมหน้ากากอนามัยต่อไปอีก 5 วัน สำหรับผู้สัมผัสเชื้อที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) เข็มที่ 2 เกินกว่า 6 เดือน หรือฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเข็มเดียวเกินกว่า 2 เดือนและยังไม่ได้รับการฉีดเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ส่วนผู้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วไม่จำเป็นต้องกักโรคหลังสัมผัสเชื้อ แต่ควรสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลา 10 วัน ซีดีซีชี้แจงว่า การกักโรคจะช่วยแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ยังไม่ติดเชื้อ และช่วยแยกผู้สัมผัสเชื้อเพื่อดูอาการว่าจะติดเชื้อหรือไม่ นพ.แอนโทนี เฟาชี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีสหรัฐให้ความเห็นกับซีเอ็นเอ็น (CNN) เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า การลดเวลากักโรคลงจาก 10 วันจะช่วยให้ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการสามารถกลับไปดำเนินชีวิตประจำวันโดยใช้มาตรการป้องกันอย่างเหมาะสม ซีดีซีแจ้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ผู้ติดเชื้อในสหรัฐขณะนี้เป็นสายพันธุ์โอไมครอนถึงร้อยละ 73 ผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายรายเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว บางคนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว แต่ดูเหมือนผู้ติดเชื้อจะมีอาการไม่รุนแรง […]

หมอใหญ่สหรัฐเตือนโอไมครอนระบาดช่วงคริสต์มาส

วอชิงตัน 20 ธ.ค. – นพ. แอนโทนี เฟาชี ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐ เตือนว่า การเดินทางในช่วงเทศกาลคริสต์มาสจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้น แม้กระทั่งในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบโดส นพ. เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐและหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผยผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีของสหรัฐเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้านี้และกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก ระบบสาธารณสุขของสหรัฐอาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของเชื้อดังกล่าว ประชาชนทุกคนยังจำเป็นต้องระมัดระวังตัวไว้ก่อน เช่น การสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม นพ. เฟาชี ยังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยระบุว่า มีความแตกต่างอย่างมากในด้านความเสี่ยงต่ออาการป่วยรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสและฉีดวัคซีนเข็มที่สามกับผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ก่อนหน้านี้ เขาเคยแถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ว่า ผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิดเสี่ยงต่ออาการป่วยหนักและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงมาก ทั้งนี้ คำเตือนดังกล่าวของ นพ. เฟาชี มีขึ้นในขณะที่สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐพรรคเดโมแครต 2 คนคือ เอลิซาเบธ วอร์เรน วัย 72 ปี และคอรี บูเกอร์ วัย 52 ปี มีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ระบุว่า มีชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกเกือบร้อยละ 73 และฉีดวัคซีนเข็มที่สามเกือบร้อยละ 30 โดยพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนร้อยละ […]

สหรัฐพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดโอไมครอนรายแรกแล้ว

วอชิงตัน 2 ธ.ค. – สหรัฐพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน และมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกในวันที่ 29 พฤศจิกายน นพ. แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ แถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐยังไม่ได้ประกาศใช้คำสั่งระงับการเดินทาง และมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกในวันที่ 29 พฤศจิกายน ขณะนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการกักตัวเอง ส่วนผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบ ทั้งยังระบุว่า ผู้ป่วยคนนี้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดส มีอาการป่วยเล็กน้อย และกำลังมีอาการดีขึ้น ขณะที่ นพ. แกรนท์ โคลแฟกซ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขของเมืองซานฟรานซิสโกกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ในขณะเดียวกัน หน่วยงานสาธารณสุขเมืองซานฟรานซิสโกและรัฐแคลิฟอร์เนียยืนยันว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนหลังได้รับผลการจัดลำดับพันธุกรรมจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ตั้งอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าผู้ป่วยคนนี้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน.-สำนักข่าวไทย

คาดสหรัฐจะฉีดวัคซีนโควิดให้เด็ก 5-11 ปีต้นเดือนหน้า

สหรัฐอาจเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้เด็กอายุ 5-11 ปีในช่วงครึ่งแรกของเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะทำให้เด็กจำนวนมากได้รับวัคซีนครบโดสก่อนสิ้นปีนี้

“เฟาชี” เรียกร้องจีนเผยข้อมูลการแพทย์เพื่อหาที่มาโควิด

นพ. แอนโทนี เฟาชี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐเรียกร้องให้จีนเปิดเผยข้อมูลทางการแพทย์ของชาวจีน 9 คนที่มีอาการป่วย ซึ่งอาจเป็นเบาะแสสำคัญว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาดครั้งแรกจากการรั่วไหลที่ห้องปฏิบัติการทดลองในเมืองอู่ฮั่นของจีนหรือไม่

สหรัฐมียอดตายโควิดใกล้แตะ 500,000 คนแล้ว

วอชิงตัน 22 ก.พ. – สหรัฐมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ใกล้แตะ 500,000 คนนับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศเมื่อหนึ่งปีก่อน ยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มสูงมีขึ้นในขณะที่สหรัฐกำลังมีความหวังหลังจากที่ประชาชนหลายล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อในช่วงฤดูหนาวลดลง อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเตือนเมื่อเดือนก่อนว่า สหรัฐอาจมียอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 600,000 คน นายแอนโทนี เฟาชี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีไบเดนกล่าวกับบรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งชาติหรือเอ็นบีซีของสหรัฐว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐเป็นเรื่องน่ากลัวและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ไม่เคยมีชาวอเมริกันเสียชีวิตมากเท่าระดับนี้มาก่อนในรอบกว่าร้อยปีนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2461 ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดเป็นเรื่องที่น่าตกใจและแทบไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เป็นความจริง เขายังตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อลดลงอย่างมากหลังมีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงในเดือนที่แล้ว แต่ระบุว่า การกลับไปใช้ชีวิตปกติอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน ข้อมูลบนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ของสหรัฐระบุว่า สหรัฐมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั้งหมด 498,879 คน ส่วนทั่วโลกมียอดผู้เสียชีวิตเกือบ 2.5 ล้านคน สหรัฐพบผู้เสียชีวิตรายแรกในเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน ใช้เวลา 3 เดือนจึงจะมีผู้เสียชีวิตแตะ 100,000 คน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดระลอกแรกอย่างรุนแรงในนครนิวยอร์ก แต่หลังจากนั้นโรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ และทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นเป็น 400,000 คนภายในเวลาเดือนกว่าเท่านั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการรวมตัวสังสรรค์กันในช่วงวันหยุด […]

...