ผู้เสียชีวิตในเมียนมาจากไซโคลน “โมคา” เพิ่มเป็น 145 ราย
คณะโฆษกของรัฐบาลทหารเมียนมากล่าววันนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตในเมียนมาจากพายุไซโคลน “โมคา” เพิ่มเป็น 145 รายแล้ว หลังจากพายุลูกนี้พัดกระหน่ำสร้างความเสียหายแก่เมียนมาเมื่อ 5 วันก่อน
คณะโฆษกของรัฐบาลทหารเมียนมากล่าววันนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตในเมียนมาจากพายุไซโคลน “โมคา” เพิ่มเป็น 145 รายแล้ว หลังจากพายุลูกนี้พัดกระหน่ำสร้างความเสียหายแก่เมียนมาเมื่อ 5 วันก่อน
หลังจากพายุไซโคลน “โมคา” พัดถล่มเมียนมา ยังไม่มียอดผู้เสียชีวิตจากทางการ แต่คนในท้องถิ่นรายงานว่าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 คนแล้ว ส่วนผู้รอดชีวิตต้องลำบากหนัก ความช่วยเหลือเข้าไปน้อยมาก
ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (UN) เผยว่า กองทัพเมียนมาได้นำเข้าอาวุธมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34,297 ล้านบาท) นับตั้งแต่รัฐประหารในปี 2564 และนำอาวุธเหล่านี้มาสร้างความโหดร้ายและใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชน
ประชาชนในเมืองชิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ของเมียนมาที่ประสบภัยจากพายุไซโคลน “โมคา” เข้าคิวรอรับแจกอาหารและน้ำดื่มเมื่อวานนี้ ในขณะที่สหประชาชาติพยายามเจรจากับรัฐบาลทหารเมียนมา เพื่อเปิดทางให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุไซโคลน
ผู้นำท้องถิ่นในหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลน “โมคา” กล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตในรัฐยะไข่ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 41 รายแล้วในวันอังคาร
ครม.อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา จากเหตุพายุไซโคลนโมคา
ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไซโคลน “โมคา” ที่พัดกระหน่ำพื้นที่บริเวณอ่าวเบงกอล เพิ่มขึ้นเป็น 29 รายแล้ว ในขณะที่ระบบการสื่อสารเริ่มค่อย ๆ กลับมาใช้งานได้อย่างช้า ๆ หลังจากพายุทำให้ต้องตัดการติดต่อสื่อสารและเส้นทางคมนาคม
เมียนมา 16 พ.ค. – รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศให้รัฐยะไข่ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติธรรมชาติ หลังพายุไซโคลน “โมคา” พัดถล่ม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย พายุไซโคลน “โมคา” ซึ่งเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดในอ่าวเบงกอลในรอบกว่า 1 ทศวรรษ ขึ้นฝั่งเมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ บริเวณระหว่างเมืองค็อกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศ ซึ่งมีค่ายผู้ลี้ภัยที่มีชาวโรฮีนจาอาศัยอยู่เกือบ 1 ล้านคน กับเมืองซิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมา ล่าสุดทางการเมียนมารายงานความเสียหาย ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย ถนนหนทางมีต้นไม้ล้มขวางจำนวนมาก รวมถึงเสาไฟฟ้าหักโค่น ทำให้เส้นทางลำเลียงความช่วยเหลือไปยังเมืองซิตตเว ซึ่งมีประชากรอยู่ราว 150,000 คน ติดขัดเป็นแถวยาว ผู้คนต้องเดินเท้าหรือใช้รถจักรยานยนต์แทน สื่อของรัฐบาลเมียนมา รายงานด้วยว่า สถานีเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เสียหายในรัฐยะไข่ พร้อมระบุว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ประกาศให้รัฐแห่งนี้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมสิ่งของบรรเทาทุกข์ เพื่อขนส่งทางอากาศไปให้ผู้ประสบภัย ส่วนที่บังกลาเทศ พายุไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรง แม้จะเกิดดินถล่มและน้ำท่วมหลายจุด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานพบผู้เสียชีวิต […]
ประชาชนนับแสนคนในเมืองซิตตเว เมืองท่าและเมืองหลักของรัฐยะไข่ของเมียนมา ถูกตัดขาดจากการติดต่อในวันนี้หลังจากที่พายุไซโคลน “โมคา” พัดถล่มทางตะวันตกของเมียนมาและบังกลาเทศ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกัน
พายุไซโคลนโมคา พัดถล่มเมียนมาและบังกลาเทศ วานนี้ สร้างความเสียหายไม่มากนัก แต่ สตอร์มเซิร์จ ทำระบบสื่อสารถูกตัดขาดเป็นวงกว้าง
เทคนาฟ 14 พ.ค.- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาบังกลาเทศแจ้งว่า ไซโคลนโมคา (Mocha) ได้ขึ้นฝั่งพรมแดนบังกลาเทศ-เมียนมาแล้วในวันนี้ ทำให้ต้นไม้ล้มและมีฝนตกในพื้นที่ที่มีผู้ลี้ภัยโรฮีนจาอาศัยอยู่ร่วมล้านคน สำนักงานฯ แจ้งว่า ไซโคลนมีความเร็วลมสูงสุด 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นฝั่งในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างเมืองค็อกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศกับเมืองซิตตเว รัฐยะไข่ของเมียนมา ก่อนหน้านี้ศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่นร่วมสหรัฐแจ้งว่า ไซโคลนมีความเร็วลมสูงสุด 140 นอตหรือ 259 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 5 ชายชาวโรฮีนจาวัย 28 ปีที่ลี้ภัยอยู่ในบังกลาเทศเผยว่า ที่พักในค่ายผู้ลี้ภัยสร้างด้วยผ้าใบกันน้ำและไม้ไผ่ เพียงแค่ถูกลมพัดเบา ๆ ก็เสียหายแล้ว ส่วนโรงเรียนที่ใช้เป็นที่หลบภัยไซโคลนก็ไม่แข็งแรงมากพอที่จะต้านทานแรงลมได้ ทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว ด้านชาวโรฮีนจาที่อยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นในเมืองซิตตเวเผยว่า เริ่มมีลมพัดแรงตั้งแต่เช้าและแรงขึ้นเรื่อย ๆ บ้านพักในค่ายพังเสียหาย หลังคาของที่หลบภัยซึ่งสร้างโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ถูกลมพัดปลิวหาย บังกลาเทศเคยถูกไซโคลนซิดร์ (Sidr) พัดถล่มทางตอนใต้ในเดือนพฤศจิกายน 2550 คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 9,000 คน สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล ขณะที่เมียนมาเคยถูกไซโคลนนาร์กิส (Nargis) พัดถล่มบริเวณสันดอนแม่น้ำอิรวดีในปี 2551 คร่าชีวิตคนไปมากถึง 138,000 คน.-สำนักข่าวไทย
ประชาชนตามแนวชายฝั่งทะเลของเมียนมาและบังกลาเทศนับแสนคนเร่งอพยพหาที่หลบภัย หลังคาดว่าอิทธิพลของพายุโมคาจะทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมพัดแรง และดินถล่ม