Myanmar security forces

ยูเอ็นเปิดรายงานเมียนมาทรมานอย่างเป็นระบบ

เจนีวา 12 ส.ค.- คณะสอบสวนของสหประชาชาติหรือยูเอ็นเปิดเผยรายงานที่ระบุว่า พบหลักฐานว่ากองกำลังรักษาความมั่นคงเมียนมามีการทรมานคนอย่างเป็นระบบ และมีรายชื่อผู้กระทำผิดระดับสูงบางคนรวมอยู่ด้วย นายนิโคลัส คูมเจียน หัวหน้ากลไกสืบสวนอิสระเพื่อเมียนมาของยูเอ็นหรือไอไอเอ็มเอ็ม (IIMM) ที่ตั้งขึ้นในปี 2561 เพื่อวิเคราะห์การละเมิดกฎหมายสากลอย่างร้ายแรงในเมียนมาแถลงวันนี้พร้อมกับรายงานหนา 16 หน้าว่า พบหลักฐานสำคัญ รวมถึงคำให้การของผู้เห็นเหตุการณ์ ที่แสดงให้เห็นถึงการทรมานอย่างเป็นระบบตามสถานกักขังของเมียนมา มีทั้งการทุบตี การใช้กระแสไฟฟ้าช็อต การรัดคอให้หายใจไม่ออก และการทรมานในรูปแบบอื่น เช่น ถอดเล็บ การทรมานบางครั้งทำให้เหยื่อเสียชีวิต โดยมีเด็กที่ถูกกักขังอย่างผิดกฎหมายแทนพ่อแม่ที่หายตัวไปตกเป็นเหยื่อการทรมานด้วย รายงานระบุว่า ทีมสืบสวนได้ติดต่อขอข้อมูลเรื่องอาชญากรรมเหล่านี้จากรัฐบาลเมียนมามากกว่ายี่สิบครั้งและขอเข้าไปในเมียนมา แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง หลักฐานในรายงานฉบับนี้อ้างอิงจากข้อมูลมากกว่า 1,300 แหล่ง ครอบคลุมถึงคำให้การของผู้เห็นเหตุการณ์หลายร้อยคน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เอกสาร และภาพถ่าย ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2567 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายนปีนี้ รายงานได้ระบุรายชื่อผู้กระทำผิดที่มีผู้บังคับการระดับสูงรวมอยู่ด้วย แต่โฆษกไอไอเอ็มเอ็มไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากการสืบสวนยังไม่แล้วเสร็จ จึงไม่ต้องการให้ผู้กระทำผิดไหวตัวทัน นอกจากนี้รายงานระบุด้วยว่า ทั้งกองกำลังรักษาความมั่นคงของเมียนมาและกลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านล้วนใช้การประหารชีวิตแบบรวบรัด (summary execution) และได้ระบุตัวผู้กระทำผิดเหล่านี้ด้วย ไอไอเอ็มเอ็มเปิดเผยว่า กำลังสืบสวนการก่ออาชญากรรมในเมียนมาย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2554 […]

Malaysia Prime Minister Anwar Ibrahim and Bangladesh Chief Advisor of government in press conference

หลายชาติรวมทั้งไทยจะส่งคณะไปเมียนมาเรื่องโรฮีนจา

ปุตราจายา 12 ส.ค.- นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเปิดเผยว่า มาเลเซีย และหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งไทยจะส่งคณะผู้แทนร่วมไปยังเมียนมา เพื่อผลักดันเรื่องสันติภาพและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา เว็บไซต์สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซียรายงานว่า นายอันวาร์แถลงข่าวขณะให้การต้อนรับนายมูฮัมหมัด ยูนุส หัวหน้าที่ปรึกษารัฐบาลบังกลาเทศที่มาเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วันตั้งแต่วันที่ 11-13 สิงหาคมว่า การทำให้เกิดสันติภาพและแก้ไขวิกฤตผู้ลี้ภัยในเมียนมาเป็นหนึ่งในสิ่งที่มาเลเซียให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการสนับสนุนบังกลาเทศ ซึ่งได้แบกรับภาระการดูแลผู้พลัดถิ่นจำนวนมากมาหลายปี การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยทันทีจะต้องขยายให้ครอบคลุมถึงผู้ลี้ภัยและผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะเดียวกันจะต้องสร้างหลักประกันว่าความพยายามแก้ไขวิกฤตในเมียนมายังคงเป็นภารกิจสำคัญของความร่วมมือในภูมิภาค นายอันวาร์ในฐานะที่มาเลเซียเป็นประธานสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนกล่าวด้วยว่า นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียจะจัดตั้งทีมร่วมอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ไปเยือนเมียนมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่ามีการสร้างสันติภาพ ขณะที่การใช้ความโหดร้ายกับชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มและประชาชนชาวเมียนมาจะสามารถแก้ไขได้อย่างฉันมิตร  ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียกล่าวว่า จะนำคณะผู้แทนที่ประกอบด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศจากไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียไปเมียนมาในวันที่ 19 กันยายน เพื่อประเมินสถานการณ์ล่าสุดในเมียนมาภายใต้รัฐบาลใหม่ หลังการยกเลิกรัฐบาลทหารและการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน สหประชาชาติระบุว่า ความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นและการใช้ความรุนแรงมุ่งเป้าหมายไปที่ชาวโรฮีนจา ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมา ได้บีบให้ชาวโรฮีนจาอพยพหนีไปยังบังกลาเทศประมาณ 150,000 คน ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา.-814.-สำนักข่าวไทย

มาเลเซียจะขอความชัดเจนจากเมียนมาเรื่องการเลือกตั้ง

กัวลาลัมเปอร์ 8 ส.ค. – นายโมฮาหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย จะนำคณะผู้แทนจาก 4 ชาติเดินทางไปยังเมียนมาในเดือนหน้า เพื่อขอรายละเอียดจากผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในปลายปีนี้ สำนักข่าวเบอร์นามา ของทางการมาเลเซียรายงานวันนี้ว่า นายโมฮาหมัดกล่าวว่า เขาต้องการที่จะมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเมียนมา เพื่อนำเสนอต่อผู้นำอาเซียนที่จะประชุมสุดยอดร่วมกันในเดือนตุลาคมนี้ เบอร์นามารายงานด้วยว่า นายโมฮาหมัดซึ่งจะเดินทางไปเมียนมาพร้อมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียในวันที่ 19 กันยายน ต้องการความชัดเจนว่าเมียนมาจะจัดการเลือกตั้งอย่างครอบคลุมหรือไม่ เมื่อเดือนที่แล้ว นายโมฮาหมัดกล่าวว่า อาเซียนเห็นพ้องว่าการเลือกตั้งในเมียนมาไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารยึดมั่นใน “ฉันทามติ 5 ข้อ” เพื่อสันติภาพของกลุ่มแทน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทหารได้ยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศและถ่ายโอนอำนาจให้แก่รัฐบาลที่นำโดยพลเรือนอย่างเป็นทางการก่อนการเลือกตั้ง แม้ว่าผู้นำรัฐบาลทหารจะยังคงเป็นผู้บริหารประเทศในตำแหน่งรักษาการในตำแหน่งประธานาธิบดีก็ตาม สื่อของรัฐบาลเมียนมารายงานว่า จะมีการประกาศกฎอัยการศึกและภาวะฉุกเฉินในกว่า 60 เมืองทั่ว 9 ภูมิภาคและรัฐ โดยจะมีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในเดือนธันวาคมและมกราคม.-813.-สำนักข่าวไทย

เมียนมายกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน-เตรียมเลือกตั้ง

ย่างกุ้ง 1 ส.ค. – รัฐบาลทหารเมียนมายกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เพื่อเตรียมการเลือกตั้งปลายปีนี้ ขณะเดียวกันได้มีการประกาศกฎอัยการศึกใน 63 เมืองในหลายรัฐเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยก่อนการเลือกตั้ง โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาแถลงวานนี้ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่บังคับใช้มาตั้งแต่การทำรัฐประการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งการบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินครั้งล่าสุดได้ครบกำหนดลงแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากที่มีการขยายเวลามาถึง 7 ครั้ง ขณะเดียวกันพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารได้ปรับโฉมรัฐบาลใหม่ โดยมีการถ่ายโอนอำนาจจากรัฐบาลทหารไปยังรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยพลเรือน ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ว่าจะต้องถ่ายโอนอำนาจให้รัฐบาลพลเรือนเป็นเวลา 6 เดือนก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ได้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งนายโน ซอว์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของตัวเองและเป็นผู้ที่ดูแลธุรกิจต่างๆ ให้กับตระกูลของมิน อ่อง หล่าย เป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลเฉพาะกาลขณะพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ยังคงอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดต่อไป และทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีด้วย เมื่อวานนี้รัฐบาลเมียนมาได้ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 11 คน นำโดยพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย เพื่อกำกับดูแลเรื่องการเลือกตั้ง รัฐบาลทหารประกาศว่าจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมปีนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินได้ไม่นาน เมื่อวานนี้สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติได้ประกาศกฎอัยการศึกใน 63 เมือง ซึ่งกระจายอยู่ในหลายรัฐ ได้แก่ ในรัฐกะฉิ่น กะยา […]

เมียนมายกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉิน-เปิดทางสู่การเลือกตั้ง

ย่างกุ้ง 31 ก.ค. – ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมายกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว หลังจากก่อรัฐประหารยึดอำนาจมานานกว่าสี่ปี ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับการจัดการเลือกตั้งในปลายปี 2025 รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินหลังการประชุมสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ ภายใต้รัฐธรรมนูญของเมียนมาฉบับปี 2008 การยกเลิกกฎภาวะฉุกเฉินถือเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นก่อนที่จะมีการเลือกตั้งได้ ซึ่งรัฐบาลทหารเคยให้คำมั่นว่าจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำก่อรัฐประหาร ยังได้ประกาศจัดตั้งรัฐบาลแห่งสหภาพที่มีสมาชิก 30 คน โดยแต่งตั้งนายญอ ซอ (Nyo Saw) ที่ปรึกษาของเขาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม สภาฯ ได้ตัดสินใจขยายภาวะฉุกเฉินออกไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม โดยให้เหตุผลในขณะนั้นว่า “จำเป็นต้องมีเสถียรภาพเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปที่เสรีและเป็นธรรม” เมื่อต้นสัปดาห์นี้ กองทัพได้ออกกฎหมายที่ระบุว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องกระบวนการเลือกตั้งจากการ “ก่อวินาศกรรม” โดยมีบทลงโทษรวมถึงโทษประหารชีวิตสำหรับผู้ที่ขัดขวางการเลือกตั้ง.-813.-สำนักข่าวไทย

เมียนมาตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดการเลือกตั้ง

ย่างกุ้ง 31 ก.ค. – สื่อของทางการเมียนมา รายงานวันนี้ว่า รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศจัดตั้งคณะกรรมการจำนวน 11 คน ซึ่งนำโดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งในประเทศ โทรทัศน์เอ็มอาร์ทีวี ของทางการเมียนมา รายงานว่า รัฐบาลทหารยังไม่ได้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง แต่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย จะยังคงมีอำนาจในการบริหารประเทศต่อไปในฐานะประธานาธิบดีชั่วคราวที่จะกำกับดูแลการเลือกทั่วไปในครั้งนี้ การเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ยืนยันในวันพุธว่าจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม จะเป็นการเลือกตั้งระดับชาติครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารในปี 2564 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองและทำให้เมียนมาตกอยู่ในสถานการณ์ความวุ่นวาย รายงานข่าวระบุด้วยว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย จะยังคงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราว.-813.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐยกเลิกคว่ำบาตรพันธมิตรของรัฐบาลทหารเมียนมา

วอชิงตัน 24 ก.ค. – สหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตรกลุ่มบุคคลที่เป็นพันธมิตรกับนายทหารในรัฐบาลทหารเมียนมาเมื่อวานนี้ หลังจากเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ผู้นำรัฐบาลทหารได้กล่าวชื่นชมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และเรียกร้องให้ผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรในจดหมายตอบไปยังสหรัฐที่เตือนเรื่องมาตรการภาษี กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมน ไรท์ วอทช์” (Human Rights Watch) เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า “น่ากังวลอย่างยิ่ง” และระบุว่าเป็นการบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนโยบายของสหรัฐต่อกองทัพเมียนมา ซึ่งได้โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในปี 2564 และถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ประกาศจากกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า บริษัท เคที เซอร์วิสเซส แอนด์ โลจิสติกส์ (KT Services & Logistics) และผู้ก่อตั้งคือ โจนาทาน เมียว จ่อ ต่อง (Jonathan Myo Kyaw Thaung) กลุ่มบริษัท เอ็มซีเอ็ม กรุ้ป (MCM Group) และเจ้าของคือ อ่อง หล่าย อู (Aung Hlaing Oo) และบริษัท […]

เชียงรายเฝ้าระวังฝนตกหนักในเมียนมา

เชียงราย 22 ก.ค. – ชายแดนแม่สาย จ.เชียงราย นอกจากอยู่ในทิศทางของพายุวิภาแล้ว ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักในเมียนมา ต้นน้ำสาย ที่อาจทำให้น้ำทะลักท่วมใหญ่เหมือนปีที่แล้ว ชาวบ้านเฝ้าระวังและเตรียมรับมือฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ชายแดนแม่สาย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 อิทธิพลของพายุวิภาทำให้มีฝนโปรยปรายลงมาต่อเนื่อง หนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป ขณะนี้ทหารช่างกำลังเร่งเสริมความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำสาย เพื่อป้องกันน้ำท่วมให้ได้มากที่สุด แข่งกับเวลาที่พายุวิภาเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าลำน้ำสายที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมา ตอนนี้จะยังคงต่ำกว่าท้องสะพานกว่า 2 เมตร ตอนนี้แนวป้องกันริมน้ำสายทั้งคันดินและพนังกั้นแม่น้ำสายสร้างเสร็จไปร้อยละ 90 แต่ยังมีบางจุดที่เป็นฟันหลอและจุดเสี่ยง จำเป็นต้องเร่งวางแนวบิ๊กแบ็กให้พร้อมรับมือน้ำสายที่อาจเพิ่มขึ้น ชาวบ้านตามชุมชนต่างๆ และพ่อค้าแม่ค้าตลาดสายลมจอย ต่างปิดร้าน ขนย้ายสินค้าไปไว้ในที่ปลอดภัย รวมทั้งชาวบ้านในชุมชนถ้ำผาจม จุดแรกที่จะรับน้ำสาย และเคยถูกน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ต่างเร่งเก็บข้าวของขึ้นที่สูง เตรียมรับมือพายุวิภา โดยมีเจ้าหน้าที่คอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังเข้ามาช่วยชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ ซึ่งได้เตรียมจุดอพยพเพื่อรับสถานการณ์ไว้แล้ว นอกจากนี้ยังเร่งให้ความรู้ชาวบ้านในการตรวจสอบระดับน้ำสายจากแอปพลิเคชันไทยวอเตอร์ เพื่อประเมินสถานการณ์ด้วยตนเองด้วย.-สำนักข่าวไทย

ครม. รับทราบข้อเสนอแนะคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจากปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน

ทำนียบ 15 ก.ค.-ครม. รับทราบข้อเสนอแนะมาตรการ หรือแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจากปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน กรณีการปนเปื้อนมลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จากเมียนมา มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลการดำเนินการภาพรวม ให้สำนักเลขาธิการ ครม.ภายใน 30 วัน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.พิจารณาข้อเสนอแนะมาตรการ หรือแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจากปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน กรณีการปนเปื้อนมลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายจากประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 247 (3) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 26 (3) และมาตรา 42 ตามที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เสนอ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สถานการณ์การปนเปื้อนมลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีสาเหตุหลักจากการทำเหมืองแร่ทองคำและแร่แรร์เอิร์ธของบริษัทเอกชนที่ไม่ทราบสัญชาติบริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสายในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา มีการสกัดแร่ด้วยสารเคมีอันตราย ทำให้ดินและกากแร่ปนเปื้อนโลหะหนัก (สารหนู แคดเมี่ยม ปรอท) ชะล้างลงสู่แม่น้ำสายหลัก และไหลเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลสู่ปัญหาร้ายแรงทางสุขภาพ โดย กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการละเมิดสิทธิของบุคคลที่ดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่สะอาด […]

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

ASEAN agrees Myanmar election is not a priority, Malaysia says

อาเซียนเห็นพ้องเลือกตั้งเมียนมาไม่ใช่เรื่องด่วน

กัวลาลัมเปอร์ 11 ก.ค.- สมาชิกอาเซียนมีความเห็นตรงกันว่า การเลือกตั้งในเมียนมาไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือ การยุติความรุนแรงทั้งหมด เพื่อให้ทุกฝ่ายหันมาเจรจาหาทางออกร่วมกัน นายโมฮาหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนให้สัมภาษณ์สื่อ นอกรอบการประชุมอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันนี้ว่า ชาติสมาชิกอาเซียนมีความเห็นพ้องกันว่า การเลือกตั้งในเมียนมาไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในเวลานี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ จะต้องยุติความรุนแรงทั้งหมดลงก่อน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันเจรจาหาทางออกของปัญหาทางการเมือง และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ซึ่งเป็นแผนสันติภาพที่ผู้นำทหารเมียนมาเคยตกลงไว้เมื่อเดือนเมษายน 2564 หลังจากเกิดการทำรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซู จีในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน นายโมฮาหมัดกล่าวว่า การเลือกตั้งในเมียนมาไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนสันติภาพ 5 ข้อ และอาเซียนได้แนะนำเมียนมาแล้วว่า การเลือกไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ เพราะสถานการณ์ที่ยังเต็มไปด้วยความรุนแรง และการปราบปรามกลุ่มที่เห็นต่างกับรัฐบาลทหาร การเลือกตั้งที่ไร้พรรคฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพจะไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้ มีแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก และอาเซียนจะไม่ยอมรับการเลือกตั้งในเมียนมาที่ไม่มีพรรคการเมืองเข้าร่วมทุกพรรค นอกจากนี้อาเซียนยังต้องการให้เมียนมาขยายเวลาหยุดยิงออกไปอีก หลังจากที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านประกาศหยุดยิงหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา  แต่ก็ยังมีรายงานว่าฝ่ายรัฐบาลยังคงยิงปืนใหญ่และใช้การโจมตีทางอากาศต่อฝ่ายต่อต้านอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลทหารเมียนมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว ขณะที่การสู้รบภายในประเทศหลังเกิดรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 7,000 คน ประชาชนมากกว่า 3 ล้าน 5 แสนคนต้องไร้ที่อยู่.-816(814).-สำนักข่าวไทย

Philippines Foreign Minister gives interview in Malaysia

เมียนมา-ฟิลิปปินส์จะเจรจาภาษีกับสหรัฐ

เนปิดอว์ 11 ก.ค.- เมียนมาพร้อมส่งทีมไปเจรจากับสหรัฐ ให้ลดภาษีศุลกากรที่ถูกสหรัฐเรียกเก็บร้อยละ 40 ขณะที่ผู้นำฟิลิปปินส์จะไปพบผู้นำสหรัฐ ในเดือนนี้ หลังจากถูกเรียกเก็บเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 17 เป็นร้อยละ 20 โดยไม่มีคำอธิบาย สื่อทางการเมียนมารายงานว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เรียกร้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้ลดภาษี หลังจากนายทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าของเมียนมาร้อยละ 40 และเมียนมาพร้อมส่งทีมไปเจรจาที่สหรัฐหากจำเป็น ผู้นำเมียนมายังเสนอให้สหรัฐลดภาษีเมียนมาลงเหลือร้อยละ 10-20 โดยที่เมียนมาจะลดภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐเป็นร้อยละ 0-10 สื่อรัฐบาลเมียนมา รายงานด้วยว่า ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาชื่นชมความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้วยจิตวิญญาณความรักชาติโดยแท้จริง ด้านนางเธเรซา ลาซาโร รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมอาเซียนที่มาเลเซียว่า นายเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์จะพบปะกับประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐในเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้ง 2 คนได้พบกัน เพื่อเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรที่ฟิลิปปินส์ถูกสหรัฐเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 20 โดยไม่มีคำอธิบาย จากเดิมที่สหรัฐประกาศไว้ที่ร้อยละ 17 ในวันปลดแอก 2 เมษายน ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การพบปะของผู้นำทั้งสองจะมีขึ้นในวันที่ 22 กรกฎาคม ขณะที่สำนักงานของประธานาธิบดีมาร์กอสระบุว่า นายมาร์กอสมีกำหนดเยือนสหรัฐระหว่างวันที่ […]

1 2 3 149
...