นายกฯ เยอรมนีไปยูเครน-รัสเซียหวังคลี่คลายสถานการณ์

เบอร์ลิน 13 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนีออกเดินทางไปยูเครนและรัสเซียแล้ว หวังช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียด หลังจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของตะวันตกเตือนว่า รัสเซียเตรียมบุกยูเครนในเร็ว ๆ นี้ นายกรัฐมนตรีชอลซ์จะเดินทางถึงกรุงเคียฟของยูเครนในวันจันทร์และกรุงมอสโกของรัสเซียในวันอังคารเพื่อพบกับผู้นำของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ดี ก่อนออกเดินทางเขาได้เตือนรัสเซียด้วยการแถลงต่อวุฒิสภาเยอรมนีเมื่อวันศุกร์ว่า เยอรมนีมีหน้าที่สร้างความมั่นใจว่าจะสามารถป้องกันการเกิดสงครามในยุโรป จึงได้ส่งสารชัดเจนไปยังรัสเซียแล้วว่า การรุกรานทางทหารใด ๆ จะมีผลใหญ่หลวงต่อรัสเซีย เยอรมนีมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพันธมิตร และขณะเดียวกันก็จะใช้โอกาสทั้งหมดเพื่อการเจรจาและทำให้เกิดความคืบหน้า นายกรัฐมนตรีชอลซ์ย้ำมาโดยตลอดเรื่องรัสเซียจะต้อง “จ่ายราคาแพง” หากรุกรานยูเครน แต่รัฐบาลของเขาปฏิเสธคำขอให้ส่งอาวุธร้ายแรงไปยังยูเครน และไม่เคยระบุชัดเจนว่าจะสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในเรื่องใด ทำให้ถูกวิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศว่ามีความมุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับรัสเซียหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ความลังเลของเยอรมนีส่วนหนึ่งอาจมาจากบทเรียนเมื่อครั้งเยอรมนีรุกรานยุโรปในสงครามโลกทั้งสองครั้ง ทำให้ผู้นำเยอรมนีหลังสงครามทุกคนเลือกใช้การตอบโต้ทางทหารเป็นทางเลือกสุดท้าย นอกจากนี้เยอรมนียังมีท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 2 เป็นเดิมพันสำคัญ เพราะสหรัฐขู่เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า หากรัสเซียรุกรานยูเครน รัสเซียจะไม่สามารถส่งออกก๊าซธรรมชาติผ่านท่อนี้ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ยังไม่เปิดดำเนินการ มาตรการนี้จะทำให้รัสเซียสูญเสียทางเศรษฐกิจ และจะทำให้เยอรมนีขาดแคลนก๊าซไปด้วย ขณะที่ประเทศอื่นในยุโรปไม่ได้รับผลกระทบมากนักเพราะมีแหล่งก๊าซจากที่อื่น.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำบราซิลจะเยือนรัสเซียอังคารนี้

รีโอเดจาเนโร 13 ก.พ.- ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูของบราซิลจะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่รัสเซียกำลังมีความตึงเครียดกับชาติตะวันตกเรื่องยูเครน ประธานาธิบดีโบลโซนารูตัดสินใจไปพบประธานาธิบดีวาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย โดยให้เหตุผลว่าไปสร้างสัมพันธ์ทางการค้า เขาจะพบหารือกับประธานาธิบดีปูตินในวันพุธ จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังฮังการีในวันพฤหัสบดีเพื่อพบกับประธานาธิบดีวิกตอร์ ออร์บาน ที่เป็นผู้นำขวาจัดเช่นเดียวกับเขา โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของสหรัฐและคนในคณะรัฐมนตรีบราซิลที่เกรงว่า ผู้นำรัสเซียอาจใช้การเยือนนี้อ้างว่า บราซิลซึ่งเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกาและเป็นสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) สนับสนุนรัสเซียในเรื่องยูเครน รัสเซียเชิญผู้นำบราซิลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ความตึงเครียดกำลังก่อตัว เพราะรัสเซียเริ่มระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปประชิดพรมแดนยูเครน นักวิเคราะห์การเมืองในบราซิลมองว่า เป็นการเยือนในช่วงเวลาที่ยุ่งยาก และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะสถานการณ์บริเวรพรมแดนรัสเซีย-ยูเครนกำลังทวีความตึงเครียด สหรัฐกดดันให้บราซิลยกเลิกการเยือน แต่หากทำตามบราซิลก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของสหรัฐ และอาจทำให้รัสเซียไม่พอใจ อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่า เหตุผลหลักที่ประธานาธิบดีโบลโซนารู วัย 66 ปี ตัดสินใจไปเยือนรัสเซียเป็นเรื่องการเมืองในประเทศ เพราะคะแนนนิยมของเขาตกต่ำแตะระดับต่ำที่สุด ตามหลังอดีตประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา วัย 76 ปี ที่จะลงเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับเขาในเดือนตุลาคมปีนี้.-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียอพยพคนออกจากสถานทูตในยูเครน

แคนเบอร์รา 13 ก.พ.- ออสเตรเลียเผยว่ากำลังอพยพคนออกจากสถานทูตในกรุงเคียฟของยูเครน เนื่องจากสถานการณ์บริเวณพรมแดนยูเครน-รัสเซียตึงเครียดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเรียกร้องจีนอย่านิ่งเงียบต่อวิกฤตนี้ นางมารีส เพย์น รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียแถลงวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตออสเตรเลียในกรุงเคียฟได้รับคำสั่งให้ย้ายไปยังสำนักงานชั่วคราวในเมืองลวิฟ ทางตะวันตกของยูเครนที่อยู่ห่างจากพรมแดนด้านโปแลนด์ประมาณ 70 กิโลเมตร ส่วนพลเรือนชาวออสเตรเลีย กระทรวงขอให้เดินทางออกจากยูเครนด้วยยานพาหนะทางพาณิชย์โดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียแถลงว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถึงจุดที่อันตรายอย่างยิ่งแล้ว การกระทำเผด็จการแต่ฝ่ายเดียวของรัสเซียที่กำลังข่มขู่และรังแกยูเครนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิงและอย่างเด็ดขาด ออสเตรเลียขอเรียกร้องให้จีนแสดงตัวเพื่อยูเครน เพราะจีนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลออสเตรเลียเรื่องรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย สหรัฐ ญี่ปุ่นและอินเดียประชุมหารือที่ออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่กลับยังคงนิ่งเงียบต่อเรื่องที่รัสเซียระดมกำลังพลบริเวณชายแดนยูเครน พร้อมกับยืนยันว่า ออสเตรเลียไม่เคยนิ่งเฉยต่อพันธมิตรเผด็จการที่หาทางรังแกประเทศอื่น.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐจะส่งทหารอีก 3,000 นายไปยังโปแลนด์

รัฐมนตรีกลาโหมโปแลนด์กล่าวยืนยันวานนี้ว่า สหรัฐจะส่งทหารอีก 3,000 นาย ไปยังโปแลนด์ ในขณะที่รัสเซียจัดการซ้อมรบทั้งในเบลารุส ทะเลดำและคาบสมุทรไครเมีย หลังจากระดมกำลังทหารจำนวนมากใกล้ชายแดนติดกับยูเครน

ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ประกาศให้พลเมืองรีบเดินทางออกจากยูเครน

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ออกประกาศให้พลเมืองออสเตรเลียรีบเดินทางออกจากยูเครนโดยเร็วที่สุด เนื่องจากสถานการณ์ในยูเครนส่อเค้ารุนแรง ขณะเดียวกันกระทรวงต่างประเทศนิวซีแลนด์ประกาศให้ชาวนิวซีแลนด์ในยูเครนรีบเดินทางออกจากยูเครนโดยเร็วเช่นกัน

“ไบเดน” และ “ปูติน” จะคุยกันกรณียูเครน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียน จะพุดคุยกันในวันนี้ ในขณะที่หลายชาติตะวันตกเตือนว่า สงครามในยูเครนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

สหรัฐและประเทศพันธมิตรแจ้งพลเมืองให้ออกจากยูเครน

สหรัฐและบรรดาประเทศพันธมิตร เรียกร้องให้พลเมืองของตนเดินทางออกจากยูเครนในทันที เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อรัสเซียบุกยูเครน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการโจมตีทางอากาศ ในยูเครนที่ทางรัฐบาลวอชิงตันกล่าวในวันศุกร์ว่า อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาในขณะนี้

สหรัฐฯ ส่งมอบอาวุธให้ ยูเครน

สหรัฐฯ ส่งมอบอาวุธมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปยังยูเครน ด้านรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาจากชาติตะวันตกที่ว่ารัสเซียอาจมีแผนบุกยูเครน

“ไบเดน” เตือนพลเมืองอเมริกันให้ออกจากยูเครนทันที

วอชิงตัน 11 ก.พ. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เตือนว่า พลเมืองอเมริกันทุกคนที่อยู่ในยูเครนควรเดินทางออกจากประเทศทันที เนื่องจากรัสเซียยังคงข่มขู่ว่าจะบุกรุกยูเครนในเร็ว ๆ นี้ ประธานาธิบดีไบเดนให้สัมภาษณ์ในรายการข่าว ‘เอ็นบีซี นิวส์’ เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า พลเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ในยูเครนควรเดินทางออกจากประเทศทันที สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่การรับมือกับกลุ่มก่อการร้าย แต่เป็นประเทศหนึ่งที่มีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และสถานการณ์อาจพลิกผันได้อย่างรวดเร็ว ผู้นำสหรัฐยังระบุว่า สหรัฐจะไม่ส่งกองทัพเข้าไปช่วยอพยพลเมืองอเมริกันออกจากยูเครน เพราะการกระทำเช่นนั้นจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อเกิดสงครามโลกโดยที่สหรัฐหรือรัสเซียเริ่มเปิดฉากยิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เขากล่าวด้วยว่า โลกปัจจุบันนั้นแตกต่างจากอดีตที่เคยเป็น ในขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุในแถลงการณ์แยกอีกฉบับที่ระบุว่า สหรัฐไม่สามารถช่วยอพยพพลเมืองอเมริกันที่อยู่ในยูเครนภายใต้สถานการณ์ที่คาดว่ารัสเซียจะส่งกองทัพบุกยูเครนได้ พร้อมทั้งเตือนว่า งานบริการด้านสถานกงสุลในยูเครน เช่น การช่วยเหลือพลเมืองสหรัฐให้เดินทางออกนอกประเทศ จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐและหน่วยข่าวกรองสหรัฐระบุว่า กองทัพรัสเซียอาจเปิดฉากบุกรุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบภายใน 48 ชั่วโมง ด้วยการใช้รถถังที่สามารถเดินทางถึงกรุงเคียฟของยูเครนได้.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นจะส่งแอลเอ็นจีบางส่วนให้ยุโรป

โตเกียว 9 ก.พ.- แหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นเผยว่า ญี่ปุ่นจะจัดส่งก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี (LNG) สำรองบางส่วนให้แก่ยุโรป เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับตะวันตกเรื่องยูเครน ทำให้เกิดความกังวลต่อความมั่นคงด้านพลังงานในยุโรป แหล่งข่าวเผยว่า ญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำเข้าแอลเอ็นจีรายใหญ่จะต้องมีแอลเอ็นจีเพียงพอต่อการใช้งานในประเทศก่อน จึงจะช่วยเหลือประเทศในยุโรปที่นำเข้าแอลเอ็นจีจากรัสเซียถึงร้อยละ 40 และเสี่ยงถูกกระทบในกรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน รัฐบาลอาจจะขอความร่วมมือจากบริษัทญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับแอลเอ็นจี ในระหว่างที่กำลังหารือเรื่องปริมาณและกรอบเวลาจัดส่งแอลเอ็นจีให้แก่ยุโรป ด้านแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมพลังงานชี้ว่า แม้ญี่ปุ่นจะมีแอลเอ็นจีสำรองในฤดูหนาวปีนี้มากกว่าฤดูหนาวปีก่อน แต่คงยากที่จะจัดส่งให้ยุโรปได้ในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่มักมีความต้องการใช้งานมากกว่าปริมาณสำรอง แหล่งข่าวเผยเรื่องนี้หลังจากสหรัฐขอให้ญี่ปุ่นเพิ่มการช่วยเหลือเพื่อให้ยุโรปมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอในช่วงฤดูหนาว และเตือนว่า จะใช้มาตรการลงโทษรัสเซียหากรุกรานยูเครน ทำให้เกิดความวิตกว่ารัสเซียอาจจำกัดการส่งออกแอลเอ็นจีให้ยุโรป เพื่อตอบโต้ที่ถูกตะวันตกลงโทษ นายโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) กล่าวในการประชุมด้านพลังงานกับสหรัฐเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า เชื่อว่ารัสเซียไม่ลังเลที่จะใช้การส่งออกแอลเอ็นจีให้ยุโรปเป็นอาวุธเพื่อให้ได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ เพราะราคาพลังงานทั่วโลกกำลังปรับสูงขึ้น ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเผยว่า บริษัทของรัฐในรัสเซียกำลังกักตุนแอลเอ็นจีเอาไว้.-สำนักข่าวไทย

“มาครง” เยือนรัสเซียหารือ “ปูติน” แก้วิกฤตยูเครน

มอสโก 8 ก.พ. – ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ระบุว่า เขาหวังว่าจะเริ่มต้นกระบวนการเพื่อลดความตึงเครียดในยูเครนได้ ในขณะที่ผู้นำฝรั่งเศสเดินทางเยือนกรุงมอสโกเพื่อหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีมาครงและประธานาธิบดีปูตินได้นั่งหารือร่วมกันบนโต๊ะยาวโดยที่ทั้งสองผู้นำนั่งอยู่กันคนละฟาก ประธานาธิบดีมาครง กล่าวว่า การหารือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในทิศทางที่ฝรั่งเศสต้องการ ซึ่งก็คือการลดความตึงเครียดในยูเครน ผู้นำฝรั่งเศสยังเรียกร้องถึงคำตอบที่เป็นประโยชน์ต่อรัสเซียและประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรปอีกด้วย ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวต้อนรับประธานาธิบดีมาครงด้วยท่าทีเป็นมิตร โดยระบุว่า รัสเซียกับฝรั่งเศสมีข้อวิตกกังวลที่ตรงกันเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงในยุโรป และกล่าวชื่นชมความเป็นผู้นำของฝรั่งเศสในการพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมาครงถือเป็นผู้นำจากชาติตะวันตกคนแรกที่เดินทางเข้าพบประธานาธิบดีปูตินนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน โดยที่รัสเซียได้สั่งกองทหารหลายหมื่นนายไปประจำการอยู่บริเวณพรมแดนติดยูเครน ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีมาครง ซึ่งมีกำหนดเดินทางเยือนกรุงเคียฟของยูเครนในวันนี้ต่อจากรัสเซียเพื่อหารือกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยกับผู้สื่อข่าวก่อนเดินทางออกจากฝรั่งเศสว่า เขาคาดว่าการเจรจากับผู้นำของรัสเซียและยูเครนจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ไม่ได้หวังว่าการแก้ปัญหานี้จะจบลงภายในเวลาอันสั้น.-สำนักข่าวไทย

1 135 136 137 138 139 151
...