ตำรวจ

ซิดนีย์ 29 พ.ย.- ตำรวจออสเตรเลียที่ถูกกล่าวหาว่า ใช้ปืนไฟฟ้าช็อตสตรีวัย 95 ปีทำให้เธอล้มและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในอีก 1 สัปดาห์ ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตาย แคลร์ นาวแลนด์ ผู้ป่วยสมองเสื่อมวัย 95 ปี เสียชีวิตในวันที่ 24 พฤษภาคม 2566  หลังเกิดเหตุเผชิญหน้ากับตำรวจที่กลายเป็นข่าวใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากบ้านพักคนชราในรัฐนิวเซาท์เวลส์ในวันที่ 17 พฤษภาคมว่า เธอแสดงอาการไม่ปกติตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่และมีมีดอยู่ในมือ ตำรวจวัย 33 ปีซึ่งไปถึงที่เกิดเหตุบอกให้เธอหยุดเดิน แต่เธอยังคงเดินหาเขาอย่างช้า ๆ ด้วยวอล์กเกอร์ช่วยเดิน โดยที่มือข้างหนึ่งถือมีดหั่นเนื้อไว้ด้วย ตำรวจนายนี้ถูกกล่าวหาว่า กล่าวคำสบถก่อนยิงปืนไฟฟ้าใส่ ทำให้นางนาวแลนด์ซึ่งมีน้ำหนักตัวเพียง 43 กิโลกรัมล้มลง กระโหลกศีรษะแตก และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา เดิมตำรวจนายนี้ถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายหลายกระทง ต่อมาอัยการได้ตั้งข้อหาเพิ่มในวันนี้ เป็นข้อหาฆ่าคนตาย นางนาวแลนด์มีหลาน 24 คน และเหลน 31 คน.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 25 พ.ย.- สื่อในสหรัฐรายงานว่า อดีตตำรวจที่จุดกระแสรณรงค์ต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับคนผิวดำในสหรัฐหรือแบล็กไลฟส์แมตเทอร์ (Black Lives Matter) ขึ้นมาอีกครั้งในปี 2563 ถูกแทงในห้องขังเมื่อวันศุกร์ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อว่า นายเดเรค เชาวิน ที่จุดกระแสประท้วงใหญ่ทั่วสหรัฐในปี 2563 ถูกแทงในห้องขังแต่ไม่เสียชีวิต ขณะที่สำนักงานเรือนจำกลางสหรัฐยืนยันว่า เกิดเหตุทำร้ายในห้องขังแต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อผู้บาดเจ็บ โดยแถลงว่ามีผู้ต้องขังถูกทำร้ายในเรือนจำทูซอน รัฐแอริโซนา ทางตะวันตกเฉียงใต้ เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการกู้ชีพในเบื้องต้น และจะส่งผู้ต้องขังที่บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลท้องถิ่น เพื่อรับการรักษาและประเมินต่อไป นายเชาวิน วัย 47 ปี ในปัจจุบันใช้เข่ากดคอนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปีในปี 2563 บนถนนสายหนึ่งในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา เขตมิดเวสต์ โดยกดอยู่นานกว่า 9 นาทีทั้งที่นายฟลอยด์ร้องบอกว่าหายใจไม่ออก จนนายฟลอยด์เสียชีวิต นายเชาวินถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา (second-degree murder) ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเพราะไม่ระมัดระวัง (third-degree murder) และความผิดฐานการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (second-degree manslaughter) ถูกตัดสินจำคุก 22 ปี 6 […]

ดับลิน 25 พ.ย. – ไอร์แลนด์ส่งกำลังตำรวจประจำการทั่วกรุงดับลินในคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ป้องกันการเกิดเหตุจลาจลซ้ำ หลังจากเกิดเหตุจลาจลที่มีสาเหตุจากเหตุคนร้ายใช้มีดทำร้ายคนหน้าโรงเรียนที่ทำให้มีเด็กบาดเจ็บ สำนักงานตำรวจและความมั่นคงแห่งชาติของไอร์แลนด์โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า สถานการณ์โดยรวมมีเสถียรภาพ ใจกลางกรุงดับลินเปิดทำธุรกิจตามปกติ ประชาชนสามารถเข้ามาได้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพราะตำรวจได้เพิ่มการลาดตระเวนตั้งแต่ช่วงเย็นวันศุกร์ และเตรียมพร้อมรถฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อใช้ในกรณีที่เกิดความวุ่นวาย ก่อนหน้านี้ช่วงคืนวันพฤหัสบดี กลุ่มเยาวชนได้รวมตัวกันบนถนนโอคอนเนลล์ ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของไอร์แลนด์ แล้วเริ่มก่อความรุนแรง วางเพลิงยวดยาน และปล้นชิงข้าวของตามร้านค้า นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ระบุว่า เป็นเหตุรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ทำให้ประเทศอับอาย เขาจะใช้กฎหมายลงโทษผู้ก่อจลาจลสถานหนัก และจะผ่านร่างกฎหมายที่จะทำให้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดสามารถใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น ขณะที่ตำรวจโทษว่า เป็นการกระทำของกลุ่มเสียสติที่มีแนวคิดขวาจัด และได้จับกุมผู้ก่อจลาจลไปจำนวนหนึ่ง เหตุจลาจลเกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุเด็ก 3 คน ผู้ใหญ่ 2 คน ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายใช้มีดทำร้ายคนหน้าโรงเรียนที่ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมือง เด็กหญิงวัย 5 ขวบคนหนึ่งอาการสาหัส จากนั้นมีข่าวลือแพร่สะพัดในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับสัญชาติของคนร้าย ทั้งที่ตำรวจระบุเพียงว่าเป็นชายวัย 50 ปีเศษเท่านั้น ฝูงชนฝ่าแนวกั้นจุดเกิดเหตุของตำรวจ ตามด้วยการวางเพลิงรถโดยสารและรถราง และการปล้นชิงข้าวของตามร้านค้า.-สำนักข่าวไทย