ตำรวจ

โตเกียว 16 พ.ย.- สื่อในญี่ปุ่นรายงานว่า ตำรวจได้จับกุมชายคนหนึ่งที่ขับรถพุ่งชนใกล้สถานทูตอิสราเอลในกรุงโตเกียวในวันนี้ คลิปภาพเห็นรถคันหนึ่งชนกับรั้วกั้นบริเวณสี่แยกที่อยู่ห่างจากสถานทูตอิสราเอลเพียง 100 เมตร บรรษัทแพร่ภาพกระจายแห่งญี่ปุ่นหรือเอ็นเอชเค (NHK) รายงานอ้างตำรวจว่า เหตุเกิดก่อนเวลา 11:00 น.ตามเวลาญี่ปุ่น ตรงกับก่อนเวลา 09:00 น.ตามเวลาไทย มีตำรวจ 1 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตำรวจได้จับกุมคนขับที่เป็นชายอายุ 50 ปีเศษ และเป็นสมาชิกกลุ่มฝ่ายขวา ด้านโฆษกหน่วยดับเพลิงเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินขอรถพยาบาลเมื่อเวลา 11:57 น..-สำนักข่าวไทย

ลอนดอน 11 พ.ย.- ตำรวจกรุงลอนดอนของอังกฤษเกือบ 2,000 นายจะเตรียมพร้อมในวันนี้ เพื่อรับมือกับขบวนผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ที่คาดว่าจะมีมากกว่า 100,000 คน และจะเสริมกำลังปกป้องสถานที่สำคัญเนื่องในวันทหารผ่านศึกที่ตรงกับวันนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์เดินขบวนในกรุงลอนดอนทุกสุดสัปดาห์มาหลายสัปดาห์แล้ว มีผู้ถูกจับกุมเกือบ 100 คนข้อหาสนับสนุนองค์กรต้องห้ามและข้อหาก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง การเดินขบวนในวันนี้จะตึงเครียดเป็นพิเศษเนื่องจากตรงกับวันทหารผ่านศึกของอังกฤษ รำลึกถึงวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 และทหารพลีชีพในสงครามนับจากปี 2457 นายกรัฐมนตรีริชี ซูนัคแถลงเมื่อวันค่ำวันศุกร์ขอให้เดินขบวนอย่างสันติและให้เกียรติผู้อื่น ตำรวจที่ดูแลปฏิบัติการรักษาความเรียบร้อยในกรุงลอนดอนคาดว่า วันนี้จะมีคนเดินขบวนสนับสนุนปาเลสไตน์มากกว่า 100,000 คน ผู้จัดงานได้เปลี่ยนเส้นทางไม่ให้ผ่านสถานที่รำลึกสำคัญ อย่างไรก็ดี เนื่องจากที่ผ่านมาเคยมีผู้เดินขบวนกลุ่มเล็ก ๆ ฝ่าฝืนและใช้ความรุนแรง ตำรวจจึงได้วางแผงเหล็กรอบสถานที่รำลึกและมีอำนาจในการจับกุมผู้ฝ่าฝืน นอกจากนี้ยังจะมีกลุ่มฝ่ายขวาออกมากเดินขบวนต้านด้วย เสี่ยงที่จะเกิดการปะทะ ตำรวจจึงอาจต้องใช้กำลังในบางจุด โดยจะวางกำลัง 1,850 นายในวันนี้ และ 1,375 นายในวันอาทิตย์.-สำนักข่าวไทย

เม็กซิโกซิตี 24 ต.ค.-  แก๊งอาชญากรในเม็กซิโกก่อเหตุโจมตีตำรวจและประชาชนทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 คน  ส่วนที่บราซิลมีการเผารถบัสถึง 35 คันเพื่อตอบโต้ปฏิบัติการของตำรวจที่ทำให้คนสนิทของหัวหน้าแก๊งถูกสังหาร เม็กซิโกเกิดเหตุโจมตี 2 ครั้ง เหตุแรกเกิดขึ้นที่รัฐเกร์เรโร ทางตอนใต้ อัยการเผยว่า กลุ่มคนร้ายมุ่งโจมตีตำรวจที่ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนทำให้ตำรวจเสียชีวิตไปถึง 11 คน  พบร่างของผู้เสียชีวิตนอนเกลื่อนอยู่ในที่เกิดเหตุ เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นที่รัฐมิโชอากัง ทางภาคตะวันตก กลุ่มมือปืนสังหารคนไป 5 คน มีตำรวจรวมอยู่ด้วย 1 นาย ภาพจากคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ลงลงในสื่อออนไลน์เผยให้เห็นกลุ่มมือปืนสาดกระสุนเข้าใส่ผู้คนก่อนที่จะขึ้นรถหลายคันหลบหนีไป ส่วนที่บราซิลเกิดเหตุวางเพลิงเผารถขนส่งสาธารณะวอดไปถึง 35 คันในนครริโอ เดอ จาเนโร  สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของสมาชิกกองกำลังกึ่งทหารที่ต้องการตอบโต้ตำรวจที่ยิงหลานชายซึ่งเป็นมือขวาของหัวหน้ากลุ่มเสียชีวิต ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยวางเพลิงได้ 12 คน ฐานกระทำการอันเป็นการก่อการร้าย ขณะที่ทางการท้องถิ่นแจ้งเตือนภัยระดับ 3 จากทั้งหมด 5 ระดับ ขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวระวังผลกระทบที่เสี่ยงเป็นอันตราย นอกจากนี้ยังพบว่ามีจุดไฟเผาตู้รถไฟ และมีการลากถังขยะออกไปจุดไฟเผาบนท้องถนน เหตุการณ์ป่วนเมืองที่เกิดขึ้นทำให้การเดินรถในนครริโอ เดอ จาเนโรต้องถูกยกเลิกเป็นบางส่วน.-สำนักข่าวไทย

เบงกาลูรู 20 ต.ค.- บริษัทสิ่งทอใหญ่แห่งหนึ่งในอินเดียประกาศงดรับคำสั่งผลิตชุดเครื่องแบบตำรวจอิสราเอล โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจทางศีลธรรม เนื่องจากเกิดสงครามในกาซา ผู้จัดการของมาเรียน แอพพาเรล (Maryan Apparel) บริษัทสิ่งทอในรัฐเกรละ ทางใต้ของอินเดียเผยว่า บริษัทผลิตชุดเครื่องแบบตำรวจให้อิสราเอลปีละ 100,000 ชุดมาตั้งแต่ปี 2558 และจะผลิตให้จนครบสัญญาที่จะสิ้นสุดในเดือนธันวาคมนี้ แต่จะไม่รับคำสั่งผลิตใหม่ เป็นการตัดสินใจทางศีลธรรม หลังจากเกิดเหตุโจมตีโรงพยาบาลในกาซาที่พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี บริษัทพร้อมทำธุรกิจกับอิสราเอลอีกครั้ง หลังจากมีการฟื้นฟูสันติภาพ บริษัทแห่งนี้จ้างงานคน 1,500 คน นอกจากผลิตชุดเครื่องแบบตำรวจอิสราเอลแล้ว ยังผลิตชุดเครื่องแบบให้กองทัพฟิลิปปินส์และชุดข้าราชการในซาอุดีอาระเบียด้วย เหตุถล่มโรงพยาบาลอัล อาห์ลี อาหรับในเมืองกาซาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ทำให้ผู้นำทั่วโลกพากันประณาม และมีการประท้วงใหญ่ในโลกมุสลิม ขณะที่แต่ละฝ่ายยังคงมีความเห็นขัดแย้งกันอย่างมากเรื่องยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงและผู้ที่ก่อเหตุ กลุ่มฮามาสกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล ขณะที่อิสราเอลกล่าวโทษว่าเป็นการยิงจรวดผิดพลาดของกลุ่มอิสลามิก จิฮัดในฉนวนกาซา โดยมีสหรัฐสนับสนุนการกล่าวโทษของอิสราเอล.-สำนักข่าวไทย

ตำรวจอินเดียบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักของนักข่าวและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อวานนี้ ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการกวาดล้างปราบปรามผู้เห็นต่างในอินเดีย ซึ่งเสรีภาพของสื่อมวลชนกำลังดิ่งลงเรื่อย ๆ