รัสเซียคาด ‘ทรัมป์’ และ ‘ปูติน’ อาจพบกันสัปดาห์หน้า

วอชิงตัน 8 ส.ค. – นายดมิทรี โพลยันสกี รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย อาจจะได้พบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า แต่เขาไม่ทราบเรื่องการแผนการพบกันระหว่างนายปูตินกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนว่าจะมีหรือไม่ นายโพลยันสกีกล่าวกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการพบกันระหว่างนายปูตินและนายทรัมป์ว่า เท่าที่เขาได้ยินมา มีหลายสถานที่ที่ถูกกล่าวถึง แต่มีการตกลงกันเรื่องบางอย่างที่ไม่ต้องการเปิดเผย สำหรับกำหนดเวลาในการพบกันน้ัน คาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีทั้งสองกล่าวไว้เองก่อนหน้านี้ เขากล่าวเสริมด้วยว่า ตนเองยังไม่เคยได้ยินเรื่องการวางแผนพบกันระหว่างนายปูตินกับนายเซเลนสกี แต่เขาก็ออกตัวเขาตัวเขาไม่ได้อยู่ในวงในที่จะทราบรายละเอียดได้ นับตั้งแต่การพบกันระหว่างนายปูตินกับอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่นครเจนีวาของสวิตเซอรืแลนด์ ในเดือนมิถุนายน 2021 ก็ยังไม่มีการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐกับรัสเซียอีกเลย รัสเซียเข้ารุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยอ้างถึงภัยคุกคามต่อความมั่นคงของตน ขณะที่ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกมองว่าการรุกรานครั้งนี้เป็นการยึดครองดินแดนแบบจักรวรรดินิยม นายทรัมป์เคยให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่ผ่านมาเกือบเจ็ดเดือนในวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา เขายังไม่สามารถทำตามที่ได้สัญญาเอาไว้ได้.-813.-สำนัก่ข่าวไทย

‘ฮุน มาเนต’ เสนอ ‘ทรัมป์’ ชิงโนเบลสันติภาพ

พนมเปญ 8 ส.ค. – นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชาส่งหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังคณะกรรมการโนเบลของนอร์เวย์เพื่อเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ หนังสือของนายฮุน มาเน็ต ลงวันที่ 7 สิงหาคม มีเนื้อหาว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เสนอชื่อนายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 และ 47 ให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการยกย่องผลงานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในการส่งเสริมสันติภาพโลก การเสนอชื่อครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความซาบซึ้งของตัวเขาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความกตัญญูอย่างสุดซึ้งของประชาชนชาวกัมพูชาสำหรับบทบาทสำคัญยิ่งของนายทรัมป์ในการฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย ความเป็นผู้นำอันโดดเด่นของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งโดดเด่นด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อขัดแย้งและป้องกันสงครามหายนะผ่านการเจรจาต่อรองที่มีวิสัยทัศน์และสร้างสรรค์ แสดงให้เห็นล่าสุดในบทบาทสำคัญในการไกล่เกลี่ยการหยุดยิงโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไขระหว่างกัมพูชาและไทย การแทรกแซงอย่างทันท่วงทีนี้ ซึ่งช่วยป้องกันความขัดแย้งที่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรง มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการสูญเสียชีวิตจำนวนมาก และปูทางไปสู่การฟื้นฟูสันติภาพระหว่างสองประเทศ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จอันโดดเด่นของประธานาธิบดีทรัมป์ในการคลี่คลายความตึงเครียดในภูมิภาคที่ผันผวนที่สุดของโลก การแสวงหาสันติภาพอย่างต่อเนื่องผ่านการทูตของเขาสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของอัลเฟรด โนเบล อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือการยกย่องเชิดชูผู้ที่มีคุณูปการอันโดดเด่นต่อภราดรภาพระหว่างประเทศและการส่งเสริมสันติภาพ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เขาหวังว่าการเสนอชื่อนายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจะได้รับการพิจารณาเป็นอย่างดี.-816.-สำนักข่าวไทย

เผย ‘ปูติน’ และ ‘ทรัมป์’ จะพบกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

มอสโก 7 ส.ค. – นายยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีรัสเซียกล่าววันนี้ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐจะพบกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศนับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ ของรัสเซียรายงานอ้างคำพูดของนายอูชาคอฟที่กล่าวว่า รัสเซียและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงในการจัดการประชุมทวิภาคีในระดับสูงสุดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าตามข้อเสนอของฝ่ายอเมริกา ซึ่งคือการประชุมระหว่างประธานาธิบดีปูตินกับประธานาธิบดีทรัมป์ และว่า ขณะนี้กำลังมีการเตรียมการอย่างเป็นรูปธรรมสำหรับการพบกันครั้งนี้ นายอูชาคอฟมิได้ระบุว่าการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะจัดขึ้นที่ใด แต่ในวันพฤหัสบดีนี้ นายปูตินมีกำหนดจะต้อนรับประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งแหล่งข่าวเคยระบุว่าเป็นสถานที่ที่อาจใช้จัดประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐกับรัสเซียได้ ดัชนีตลาดหุ้นของรัสเซียปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 หลังจากมีประกาศเรื่องการประชุมสุดยอดปูติน-ทรัมป์ นายอูชาคอฟกล่าวว่า นายสตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของนายทรัมป์ พบกับนายปูตินเมื่อวันพุธ และได้หยิบยกความเป็นไปได้ในการจัดประชุมสามฝ่ายระหว่างนายทรัมป์ นายปูติน และประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนขึ้นมาหารือ แต่เขากล่าวว่าฝ่ายรัสเซียไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ต่อข้อเสนอนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ เล็งนำรายได้จากภาษีนำเข้าสินค้ามาจ่ายเป็น “เงินปันผล”

วอชิงตัน 2 ส.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวในวันศุกร์ว่าเขาอาจพิจารณาให้ “เงินปันผล” แก่ประชาชนโดยนำเงินมาจากรายได้ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นปี นายทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราที่สูงลิ่วจากหลายประเทศ โดยให้เหตุผลว่าจะช่วยชำระหนี้และลดภาวะเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกันเส้นตายเรื่องภาษีนำเข้าของนายทรัมป์ในวันศุกร์ไม่ได้ช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์ดีขึ้นมากนัก โดยตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและผลการเจรจากับจีน สำหรับนักลงทุนที่คุ้นชินกับการข่มขู่ของนายทรัมป์ การที่เขายืนยันเก็บภาษีนำเข้าจากหลายสิบประเทศอาจเป็นสัญญาณเตือน เนื่องจากเส้นตายในการทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐได้สิ้นสุดลงแล้ว และภาษีใหม่ก็เริ่มมีผลตามกำหนด อัตราภาษีนำเข้าใหม่ของนายทรัมป์ที่อยู่ในอัตราสูงนั้นรวมถึงการเรียกเก็บภาษี 35% สำหรับสินค้าหลายรายการจากแคนาดา, 50% สำหรับบราซิล, 25% สำหรับอินเดีย, 20% สำหรับไต้หวัน และ 39% สำหรับสวิตเซอร์แลนด์.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ สั่งเคลื่อนย้ายเรือดำน้ำนิวเคลียร์

วอชิงตัน 2 ส.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่าเขาได้สั่งให้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ 2 ลำไปประจำการใน “ภูมิภาคที่เหมาะสม” เพื่อตอบโต้คำพูดของนายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย เกี่ยวกับความเสี่ยงของสงครามระหว่างสองประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงมองว่าการเคลื่อนไหวของนายทรัมป์เป็นการยกระดับความขัดแย้งทางวาทะกับรัสเซีย แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นการยกระดับทางทหาร เนื่องจากสหรัฐมีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่ประจำการอยู่แล้วและสามารถโจมตีรัสเซียได้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายเมดเวเดฟกล่าวว่านายทรัมป์ควรจำไว้ว่ารัสเซียก็มีศักยภาพในการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ในยุคโซเวียต หลังจากที่นายทรัมป์บอกให้นายเมดเวเดฟระวังคำพูด นายทรัมป์โพสต์ในโซเชียลมีเดียในวันศุกร์ กล่าวว่า จากคำพูดที่ยั่วยุอย่างยิ่งของอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย นายดมิทรี เมดเวเดฟ เขาจึงได้สั่งให้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ 2 ลำไปประจำการในภูมิภาคที่เหมาะสม เผื่อว่าคำพูดที่โง่เขลาและปลุกปั่นเหล่านี้จะเป็นมากกว่าแค่คำพูด เขากล่าวเสริมด้วยว่า คำพูดมีความสำคัญมาก และมักจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ เขาหวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นหนึ่งในสถานการณ์เหล่านั้น เมื่อนักข่าวถามในในเวลาต่อมาว่าทำไมถึงสั่งให้เคลื่อนย้ายเรือดำน้ำ นายทรัมป์กล่าวว่า อดีตประธานาธิบดีรัสเซียได้ข่มขู่ และเขาจะปกป้องประชาชน กองทัพเรือสหรัฐและกระทรวงกลาโหมปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดของนายทรัมป์ หรือการเคลื่อนย้ายเรือดำน้ำ โดยปกติแล้วกองทัพสหรัฐจะไม่เปิดเผยรายละเอียดการประจำการและตำแหน่งของเรือดำน้ำสหรัฐเนื่องจากเป็นภารกิจที่ละเอียดอ่อนในการป้องปรามนิวเคลียร์ นายทรัมป์ไม่ได้ระบุเจาะจงว่า “เรือดำน้ำนิวเคลียร์” ที่เขากล่าวถึงคืออะไร เรือดำน้ำทางทหารของสหรัฐทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์และบางลำอาจติดขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงกล่าวว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐพูดถึงศักยภาพทางทหารนิวเคลียร์ใด ๆ ก็ทำให้เกิดความกังวล โดยสังเกตว่าในอดีตสหรัฐ หลีกเลี่ยงที่จะตอบโต้การข่มขู่ด้วยนิวเคลียร์ของรัสเซีย เนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในโลก.-813.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำแคนาดาว่าผิดหวังหลัง ‘ทรัมป์’ เพิ่มภาษี

ออตตาวา 1 ส.ค. – นายกรัฐมนตรีมาร์ค คาร์นีย์ ของแคนาดา กล่าวว่าเขารู้สึกผิดหวังหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งทางการบริหารเพื่อขึ้นภาษีสินค้าของแคนาดาที่อยู่นอกเหนือจากข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา จาก 25% เป็น 35% สหรัฐตัดสินใจเพิ่มอัตราภาษีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า ส่วนหนึ่งมาจากการที่แคนาดาดำเนินการล้มเหลวในการหยุดยั้งการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิลจากแคนาดามายังสหรัฐ นายคาร์นีย์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า อากรและภาษีศุลกากรอัตราใหม่ของสหรัฐ จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสินค้าปรเเภทไม้แปรรูป เหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์ นายคาร์นีย์ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการเพื่อปกป้องตำแหน่งงานของชาวแคนาดา สนับสนุนการซื้อสินค้าในประเทศ ลงทุนในการแข่งขันทางอุตสาหกรรม และขยายตลาดส่งออก นายคาร์นีย์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่สหรัฐอ้างถึงการที่ยาเฟนทานิลหลั่งไหลข้ามพรมแดนจากแคนาดาไปยังสหรัฐจำนวนมากเป็นเหตุผลในการขึ้นภาษีนั้นไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากแคนาดาคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของการนำเข้ายาเฟนทานิลของสหรัฐ และได้พยายามอย่างหนักเพื่อลดปริมาณยาเฟนทานิลมิให้หลั่งไหลไปยังสหรัฐแล้ว.-813.-สำนักข่าวไทย

ไต้หวันชี้อัตราภาษี 20% ของสหรัฐเป็นเพียงชั่วคราว

ไทเป 1 ส.ค. – ประธานาธิบดีไล่ ชิง-เต๋อ ของไต้หวัน กล่าววันนี้ว่า อัตราภาษีใหม่ 20% ที่รัฐบาลประธานานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้าจากไต้หวันนั้นเป็นเพียง “ชั่วคราว” และรัฐบาลคาดหวังว่าจะสามารถเจรจาให้ได้อัตราที่ต่ำลงกว่านี้ นายไล่ กล่าวว่า อัตราภาษี 20% ไม่เคยเป็นเป้าหมายของไต้หวันเลย โดยจะมีการเจรจาต่อไปและมุ่งมั่นเพื่อให้ได้อัตราภาษีที่เป็นประโยชน์กับไต้หวันมากกว่านี้ เขายังกล่าวอีกว่า อัตราภาษีสำหรับสินค้าเฉพาะอย่าง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์, และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของไต้หวัน ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา สินค้าเหล่านี้ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของเศรษฐกิจไต้หวัน และมีความสำคัญต่อความพยายามของสหรัฐ ในการรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเหนือจีน คาดว่าจะมีอัตราภาษีที่แตกต่างจากอัตราภาษีโดยรวมของไต้หวัน อัตราภาษีสำหรับสินค้าเหล่านี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ภายใต้มาตรา 232 ของกฎหมายการขยายการค้าปี 1962 ประธานาธิบดีไล่กล่าวว่า เมื่อผลการสอบสวนได้ข้อยุติ ทีมเจรจาของไต้หวันจะเข้าสู่การเจรจาในขั้นต่อไป ทางด้านฮาวเวิร์ด ลุทนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า สหรัฐ มีแผนจะประกาศผลการสอบสวนภายในสองสัปดาห์ คำสั่งพิเศษจากประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าตั้งแต่ 10% ถึง 41% สำหรับสินค้าจากประเทศคู่ค้าหลายสิบประเทศ แม้ว่าอัตรา 20% สำหรับไต้หวันจะน้อยกว่าอัตรา […]

การก่อสร้างห้องบอลรูมในทำเนียบขาวจะเริ่มเดือน ก.ย. นี้

วอชิงตัน 1 สิงหาคม – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเสร็จสิ้นการปรับปรุงสวนโรสการ์เดน (Rose Garden) และเพิ่มการตกแต่งห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) แล้ว ตอนนี้เขาเตรียมที่จะเพิ่มส่วนต่อเติมที่โดดเด่นที่สุดให้กับทำเนียบขาว นั่นคือห้องบอลรูมแห่งใหม่มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะสร้างอยู่ติดกับปีกตะวันออกของอาคารทำเนียบขาว นายทรัมป์ ซึ่งเคยเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรสนิยมในการตกแต่ง เคยบ่นมานานแล้วว่าทำเนียบขาวไม่มีห้องบอลรูมขนาดใหญ่พอสำหรับจัดงานเลี้ยง และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำเนียบขาวได้ประกาศแผนการที่จะเริ่มการก่อสร้างห้องบอลรูมใหม่ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นโครงการใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การปรับปรุงทำเนียบขาวครั้งใหญ่ในสมัยประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน ในปี 1952 อาคารทำเนียบขาวสร้างเสร็จในปี 1800 และถูกสร้างขึ้นใหม่บางส่วนหลังจากถูกอังกฤษเผาได้รับความเสียหายในช่วงสงครามปี 1812 แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกหญิงประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การก่อสร้างห้องบอลรูปขนาด 8,360 ตารางเมตรนี้ จะแล้วเสร็จก่อนที่นายทรัมป์จะดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปี ในเดือนมกราคม 2029 เธอกล่าวว่าค่าใช้จ่ายในการสร้างห้องบอลรูมซึ่งสามารถรองรับแขกได้ถึง 650 คน มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์นี้ จะมาจากเงินบริจาคของนายทรัมป์และผู้บริจาครายอื่นๆ ในอดีตที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐคนก่อนๆ มักใช้ห้อง “สเตท ไดนิ่ง […]

9 ทันโลก : ก่อนถึงเส้นตายภาษีทรัมป์

31 ก.ค. – ก่อนเส้นตายภาษีทรัมป์ ไทยเราบรรลุข้อตกลงได้ทันแต่ยังต้องรอรายละเอียด รายงาน 9 ทันโลกวันนี้ พาไปติดตามว่า สถานการณ์ภาษีทรัมป์ทั่วโลกเป็นอย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำมาเลเซียว่าอัตราภาษีของสหรัฐจะประกาศในวันศุกร์

กัวลาลัมเปอร์ 31 ก.ค. นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียกล่าววันนี้หลังจากได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐว่า อัตราภาษีของสหรัฐสำหรับสินค้ามาเลเซียจะประกาศในวันศุกร์ มาเลเซียจะต้องเผชิญกับอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐได้ภายในวันศุกร์นี้ โดยทั้งสองประเทศได้จัดการเจรจาการค้าด้วยกันหลายรอบ และรัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียระบุว่ายังมีประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ได้อีกหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี นายอันวาร์กล่าวต่อรัฐสภามาเลเซียในวันนี้ว่าเขาได้หารือเรื่องภาษีด้วยสิ่งที่เขาเรียกว่า “จิตวิญญาณและหลักการของการค้าเสรี” ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายทรัมป์ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี ผู้นำมาเลเซียกล่าวว่า หลังจากที่นายทรัมป์ได้รับฟังสิ่งที่เขาอธิบาย นายทรัมป์ก็ตัดสินใจที่จะทบทวนอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากมาเลเซีย โดยคาดว่าจะมีการประกาศในวันพรุ่งนี้ แต่เขาก็ยังไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องอัตราภาษี นายอันวาร์ยังกล่าวด้วยว่านายทรัมป์ยืนยันว่าจะเข้าร่วมการประชุมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ที่มาเลเซียในเดือนตุลาคม.-813.-สำนักข่าวไทย

สื่อสหรัฐรายงานสหรัฐบรรลุข้อตกลงไทย-กัมพูชา

วอชิงตัน 31 ก.ค. – สื่อของสหรัฐรายงานว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับไทยและกัมพูชาแล้ว หลังจากที่ไทย-กัมพูชา ทำข้อตกลงหยุดยิงไปเมื่อสองวันก่อน สื่อของสหรัฐรายงานว่า นายโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ เมื่อคืนนี้ว่าสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับไทยและกัมพูชาแล้ว หลังจากที่ไทยและกัมพูชาทำข้อตกลงหยุดยิงกันไปเมื่อสองวันก่อน แต่ยังไม่มีการให้รายละเอียดใดๆ ขณะที่ทางทำเนียบขาว และกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ยังไม่ได้แสดงความเห็นหรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกมาเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิงทันทีโดยขู่ทั้งสองประเทศว่าสหรัฐจะไม่เจรจาข้อตกลงการค้าด้วยหากยังไม่มีการหยุดยิง และหลังจากที่ไทยกับกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในการเจรจาที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม นายทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำทั้งสองประเทศ และได้สั่งการให้คณะเจรจาการค้าของสหรัฐเริ่มการเจรจากับไทยและกัมพูชาได้ การเปิดเผยข้อมูลของรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐมีขึ้นก่อนที่จะถึงเส้นตายใช้มาตรกำแพงภาษีของภาษีของสหรัฐในวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง สหรัฐเพิ่งประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับเกาหลีใต้แล้ว โดยทรัมป์จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ 15% และบอกด้วยว่าจะเก็บภาษีสินค้าจากอินเดีย 25% นอกจากนี้ยังขู่จะเพิ่มโทษหากอินเดียซื้อพลังงานจากรัสเซีย.-816.-สำนักข่าวไทย

คะแนนนิยม ‘ทรัมป์’ ลดลงเหลือ 40%

วอชิงตัน 30 ก.ค. – คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ลดลง 1 จุดเปอร์เซ็นต์ เหลือร้อยละ 40 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 เนื่องจากชาวอเมริกันยังคงกังวลเกี่ยวกับการจัดการเศรษฐกิจและเรื่องคนเข้าเมืองของเขา การสำรวจความเห็นประชาชนที่จัดทำโดยรอยเตอร์/อิปซอสที่จัดทำขึ้นเป็นเวลาสามวันและสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 1,023 คนทั่วประเทศ ซึ่งผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าทั่วประเทศแบ่งขั้วอย่างชัดเจนเกี่ยวกับนายทรัมป์ โดยผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันร้อยละ 83 และผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตเพียงร้อยละ 3 ที่เห็นชอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของเขา ขณะที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีแนวคิดอิสระประมาณหนึ่งในสามเห็นชอบกับการทำงานของนายทรัมป์ นายทรัมป์มีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 41 ในการสำรวจความเห็นชาวอเมริกันครั้งก่อนหน้านี้ของรอยเตอร์/อิปซอส ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 15 และ 16 กรกฎาคม นายทรัมป์หาเสียงด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะส่งเสริมเศรษฐกิจสหรัฐและควบคุมการเข้าเมืองอย่างเข้มงวด และผลสำรวจพบว่าชาวอเมริกันให้คะแนนเขาในสองเรื่องนี้แบบคละกันไป ซึ่งเป็นสองประเด็นที่รัฐบาลของเขากำลังใช้มาตรการเชิงรุก ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณร้อยละ 38%เห็นชอบกับการจัดการเศรษฐกิจของนายทรัมป์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 35 ในการสำรวจครั้งก่อนในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม คะแนนของเขายังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในประเด็นการเข้าเมือง โดยร้อยละ 43 ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นชอบ เปรียบเทียบกับร้อยละ 41 ในการสำรวจครั้งก่อน.-813.-สำนักข่าวไทย ทรัมป์, คะแนนนิยม, การตรวจคนเข้าเมือง, เศรษฐกิจ, ผลการสำรวจ, รอยเตอร์,อิปซอส,

1 2 3 4 5 153
...