โควิด-19

เมลเบิร์น 5 ม.ค. – คณะผู้จัดการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียนโอเพน ซึ่งเป็นการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมรายการแรกของปีถูกบังคับเปลี่ยนสถานที่กักตัวให้นักเทนนิสระดับโลก หลังประสบปัญหาด้านกฎหมายจากเจ้าของอพาร์ทเมนต์ในโรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่งในนครเมลเบิร์น สหพันธ์เทนนิสออสเตรเลียและหน่วยงานของรัฐบาลได้เตรียมสถานที่กักตัวเป็นระยะเวลา 14 วันให้นักเทนนิสที่โรงแรมเดอะเวสทินเมลเบิร์นก่อนเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียนโอเพนระหว่างวันที่ 8 – 21 กุมภาพันธ์ แต่แผนดังกล่าวกลับล้มเหลวหลังเจ้าของอพาร์ทเมนต์หลายคนในโรงแรมไม่พอใจที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการหารือและจะยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งห้ามการดำเนินงานดังกล่าว แถลงการณ์ของโรงแรมเดอะเวสทินเมลเบิร์นระบุว่า หลังจากที่ได้ปรึกษาร่วมกับเจ้าของโรงแรม ผู้พักอาศัยในโรงแรม และหน่วยงานกำกับดูแลโครงการกักตัวในโรงแรมของรัฐวิกตอเรียแล้ว โรงแรมเดอะเวสทินเมลเบิร์นจึงตัดสินใจว่าจะหาที่พักในโรงแรมอื่นให้แก่นักเทนนิสและทีมงานที่เดินทางมายังนครเมลเบิร์นเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียนโอเพน ทนายที่เป็นตัวแทนของเจ้าของอพาร์ทเมนต์กล่าวว่า การใช้โรงแรมเดอะเวสทินเมลเบิร์นเป็นสถานที่กักตัวของนักเทนนิสนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างของการลงมือทำอะไรโดยพลการ แล้วหวังว่าผู้อื่นจะยอมทำตาม แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ด้านนางลิซา เนวิลล์ รัฐมนตรีกระทรวงตำรวจของรัฐวิกตอเรียกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทางการได้จัดหาโรงแรมอื่นเพื่อใช้กักตัวนักเทนนิสแล้ว นักเทนนิสชื่อดังจากหลายประเทศมีกำหนดการเดินทางถึงนครเมลเบิร์นในช่วงกลางเดือนนี้ ไม่ว่าจะเป็นโนวัค ยอโควิช นักเทนนิสชาวเซอร์เบียมือวางอันดับ 1 ของโลก และราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชาวสเปนมือวางอันดับ 2 ที่จำเป็นต้องเดินทางถึงนครเมลเบิร์นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ตามมาตรการกักตัวก่อนเข้าร่วมแข่งขันในรายการออสเตรเลียนโอเพน. -สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้มียอดผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทะลุ 1,000 คน เนื่องจากสถานการณ์ระบาดระลอกที่ 3 กระตุ้นอัตราเสียชีวิตให้เพิ่มสูงขึ้นในเดือนที่แล้ว

ซิดนีย์ 5 ม.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรสูงสุดของออสเตรเลียเรียกร้องให้ประชาชนใน 3 เมืองเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และเข้าสู่มาตรการกักตัว เนื่องจากการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในนครซิดนีย์อาจแพร่กระจายไปสู่ย่านชนบท รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ของออสเตรเลียพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชน 4 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในจำนวนนี้ มีชายคนหนึ่งที่ออกเดินทางจากนครซิดนีย์ไปยังเมืองโบรกเคนฮิลล์ที่ตั้งอยู่ในย่านชนบททางตะวันตกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ นายจอห์น บาริลาโร รักษาการมุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเครื่องเตือนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากมีผู้ที่เดินทางออกจากนครซิดนีย์ ทางการได้เน้นย้ำตลอดในช่วงที่ผ่านมาว่า ถ้าผู้ใดมีอาการป่วยหรือเป็นห่วงสถานการณ์ระบาดในตอนนี้ก็ควรจำกัดการเดินทางของตนเอง เขายังเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ใน 3 เมืองชนบทของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นเมืองที่ผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าวเดินทางไปเที่ยว ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาและเข้าสู่มาตรการกักตัวในระหว่างที่รอผลตรวจ รัฐนิวเซาท์เวลส์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 200 คนจากการระบาดครั้งล่าสุดในนครซิดนีย์ แม้ว่าทางการสามารถควบคุมตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อได้แล้วก็ตาม ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 28,500 คน และผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 909 คน. -สำนักข่าวไทย

ลอนดอน 4 ธ.ค. – รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษเผยว่า อังกฤษจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกว่าเดิมในบางพื้นที่ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กลายพันธุ์ที่แพร่เชื้อเร็วหลังพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษกล่าวกับบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซีว่า มาตรการควบคุมการระบาดระดับ 3 ที่ใช้อยู่ในบางพื้นที่นั้นไม่ได้ผล และมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสโคโรนายังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นดังที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษเคยระบุไว้ เนื่องจากเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่ระบาดเร็วนั้นสามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก อังกฤษมียอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แพร่เร็วที่ทำให้เกิดการระบาดได้ง่ายขึ้น อังกฤษพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 55,000 คนเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น และมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 กว่า 75,000 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรป ขณะนี้อังกฤษยังคงใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่แบ่งออกเป็น 4 ระดับโดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในแต่ละพื้นที่. -สำนักข่าวไทย