รมต.ต่างประเทศสหรัฐ หารือมกุฎราชกุมารซาอุฯ

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หารือกับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน รวมทั้งหาทางยุติความขัดแย้งในซูดานและเยเมน

รมว.ต่างประเทศสหรัฐบอกรัสเซียให้หยุดสงครามยูเครน

นิวเดลี 3 มี.ค.- นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเผยว่า ได้บอกกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียว่า รัสเซียจะต้องยุติการทำสงครามในยูเครนโดยทันที นายบลิงเคนพบกับนายลาฟรอฟนอกรอบการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือจี 20 (G20) ที่กรุงนิวเดลีของอินเดียเมื่อวันพฤหัสบดี เป็นการพบโดยไม่ได้กำหนดล่วงหน้า และใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที คาดว่าเป็นการสนทนาแบบต่อหน้าของเจ้าหน้าที่สหรัฐและรัสเซียในระดับสูงที่สุด นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามในยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 นายบลิงเคนเผยว่า ได้บอกกับนายลาฟรอฟว่า รัสเซียจะต้องยุติการทำสงครามในยูเครนโดยทันที เขาได้ขอให้รัสเซียใช้วิถีทางการทูตที่จะทำให้เกิดสันติภาพที่เป็นธรรมและยั่งยืน และขอให้รัสเซียกลับมาเข้าร่วมในสนธิสัญญานิวสตาร์ท (New START) ที่จำกัดหัวรบนิวเคลียร์ฉบับใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ หลังจากรัสเซียประกาศระงับการเข้าร่วมไปเมื่อไม่นานมานี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเผยด้วยว่า เสียใจที่จีนและรัสเซียไม่ยอมลงนามรับรองแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุมจี 20 ประณามสงครามในยูเครนและย้ำถึงความจำเป็นของการยึดมั่นในกฎหมายสากล สื่อรัสเซียรายงานว่า นายบลิงเคนเป็นฝ่ายขอพบกับนายลาฟรอฟ โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า ไม่ใช่การเจรจาหรือประชุมแต่อย่างใด ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐไม่คาดหวังว่าจะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสในเร็ว ๆ นี้.-สำนักข่าวไทย

จีนชี้สหรัฐต้องหยุดขัดขวาง-กลั่นแกล้งจีน

ปักกิ่ง 23 ธ.ค. – นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีนระบุว่า สหรัฐต้องหยุดขัดขวางการพัฒนาของจีน และไม่ควรใช้วิธีกลั่นแกล้งจีนแต่เพียงฝ่ายเดียวแบบเดิม ๆ อีกต่อไป นายหวังกล่าวในระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐในวันนี้ว่า สหรัฐต้องให้ความสนใจกับข้อกังวลตามกฎหมายของจีน หยุดควบคุมและขัดขวางการพัฒนา และเลิกใช้วิธีกลั่นแกล้งจีนแต่เพียงฝ่ายเดียวแบบเดิม ๆ อีกต่อไป ขณะที่กระทรวงต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ว่า นายหวังได้เน้นย้ำให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามฉันทามติที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ตกลงกันไว้ที่งานประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 20 บนเกาะบาหลีของอินโดนีเซียในเดือนพฤศจิกายน เพื่อนำมาปรับใช้เป็นนโยบายและลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาของทั้งสองประเทศผ่านคณะทำงานร่วม สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายหวังเป็นการเน้นย้ำถึงการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีสีกับประธานาธิบดีไบเดนที่งานประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 20 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นขัดแย้งต่าง ๆ เช่น ไต้หวัน ซึ่งถือเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกของผู้นำสองประเทศนับตั้งแต่ปี 2560 โดยประธานาธิบดีไบเดนได้แสดงท่าทีคัดค้านจีนที่ใช้การกระทำที่บีบบังคับและก้าวร้าวมากขึ้นต่อไต้หวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสงบสุขและความมั่นคงในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคใกล้เคียง ในขณะที่ประธานาธิบดีสีระบุว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเส้นตายที่ไม่ควรก้าวข้ามในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน.-สำนักข่าวไทย

รมว. ต่างประเทศสหรัฐ จะเชียร์ฝรั่งเศสหากสหรัฐตกรอบเวิลด์คัพ

ปารีส 2 ธ.ค. – นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ระบุว่า เขาจะเชียร์ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสในการแข่งขันฟุตบอลโลกหรือเวิลด์คัพ 2022 หากทีมชาติสหรัฐตกรอบก่อนฝรั่งเศส นายบลิงเคน ซึ่งเคยใช้ชีวิตในวัยเด็กที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของฝรั่งเศสว่า แน่นอนว่าเขาต้องเชียร์ฟุตบอลทีมชาติสหรัฐอยู่แล้ว แต่จะเชียร์ทีมชาติฝรั่งเศส หากทีมชาติสหรัฐตกรอบก่อนฝรั่งเศส พร้อมทั้งยังกล่าวสำนวนที่ใช้พูดเชียร์ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสอีกด้วย (Allez Les Bleus!)  ทั้งนี้ คำกล่าวของนายบลิงเคนมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กำลังเดินหน้าสานสัมพันธ์และความเป็นพันธมิตรทางการเมืองอย่างแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศในระหว่างที่ผู้นำฝรั่งเศสเดินทางเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้เปิดทำเนียบขาวปูพรมแดงจัดงานเลี้ยงมื้อค่ำต้อนรับประธานาธิบดีมาครงเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น และยังได้เชิญบรรดาบุคคลมีชื่อเสียง สส. และผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐมาร่วมงานเลี้ยงดังกล่าวด้วย ขณะที่ทีมชาติสหรัฐมีกำหนดลงแข่งฟุตบอลโลกนัดต่อไปพบทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในวันเสาร์ ส่วนทีมชาติฝรั่งเศสจะลงสนามพบทีมชาติโปแลนด์ในวันอาทิตย์. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ หารือ รมว.กต.สหรัฐ เดินหน้าความร่วมมือระหว่างกัน

นายกฯ หารือ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ยืนยันความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน เดินหน้าความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ป้องกันการค้ามนุษย์ ทั้งในกรอบทวิภาคี และพหุภาคี

ทูตสหรัฐเผยรัสเซียไม่ควรสั่งปิดสถานทูตสหรัฐในรัสเซีย

เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำรัสเซียระบุว่า รัสเซียไม่ควรสั่งปิดสถานทูตสหรัฐในรัสเซีย แม้ทั้งสองประเทศมีปัญหาขัดแย้งจากวิกฤตสงครามในยูเครน เนื่องจากสหรัฐกับรัสเซีย ซึ่งเป็นสองประเทศมหาอำนาจด้านอาวุธนิวเคลียร์ของโลก จำเป็นต้องใช้วิถีทางการทูตต่อไปเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น

จีนว่า รมต. ต่างประเทศสหรัฐ ใส่ร้ายป้ายสีจีน

ปักกิ่ง 27 พ.ค. – กระทรวงต่างประเทศของจีนระบุวันนี้ว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ จงใจใช้คำพูดใส่ร้ายป้ายสีจีน หลังนายบลิงเคนได้เรียกร้องเมื่อวันพฤหัสบดีให้ทั่วโลกถ่วงดุลอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของจีน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวในงานแถลงข่าวตามปกติว่า คำพูดของนายบลิงเคนเป็นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ พูดเกินจริงเกี่ยวกับภัยคุกคาม แทรกกิจการภายใน และใส่ร้ายป้ายสีนโยบายในประเทศและต่างประเทศของจีน ทั้งยังระบุว่า จีนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อคำพูดของนายบลิงเคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐพยายามควบคุมและขัดขวางการพัฒนาของจีนเพื่อรักษาความเป็นชาติมหาอำนาจของตนเอง ก่อนหน้านี้ นายบลิงเคนเตือนว่า จีนตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบระหว่างประเทศ (international order) และเรียกร้องให้ทั่วโลกช่วยกันป้องกันเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังกล่าวหารัฐบาลจีนว่าพยายามสร้างความตึงเครียดเรื่องไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน รวมถึงการปิดกั้นไม่ให้ไต้หวันสานสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก และขัดขวางไต้หวันในการเข้าร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ.- สำนักข่าวไทย

นายกฯ อิสราเอลติดโควิดหลังพบ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ

เยรูซาเลม 28 มี.ค. – นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ ของอิสราเอล มีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นบวกในวันนี้ หลังจากที่เพิ่งพบปะกับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เมื่อวันอาทิตย์ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีเบนเน็ตต์ติดเชื้อโควิด มีอาการโดยรวมคงที่ และจะปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้ตามเดิมจากที่บ้าน โดยที่ก่อนหน้านี้ผู้นำอิสราเอลได้พบกับนายบลิงเคนนอกรอบเวทีประชุมสุดยอดผู้นำด้านประวัติศาสตร์ระหว่างตัวแทนของอิสราเอลและกลุ่มชาติอาหรับ ซึ่งจัดขึ้นในนครเยรูซาเลมของอิสราเอล นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเบนเน็ตต์ยังได้เดินทางไปลงพื้นที่เมืองฮาเดรา ทางตอนเหนือของอิสราเอล หลังเกิดเหตุมือปืนยิงตำรวจเสียชีวิต 2 นายในเมืองนี้ โดยกลุ่มรัฐอิสลามญิฮาดอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังระบุในแถลงการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีเบนเน็ตต์จะจัดประชุมผ่านระบบออนไลน์ในวันนี้เพื่อประเมินสถานการณ์เหตุโจมตีดังกล่าวร่วมกับรัฐมนตรีจากกระทรวงกลาโหมและกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ รวมถึงเสนาธิการทหารบก และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สื่อท้องถิ่นของอิสราเอลได้เผยแพร่ภาพถ่ายการเดินทางลงพื้นที่เมืองฮาเดราของนายกรัฐมนตรีเบนเน็ตต์เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจากตำรวจเกี่ยวกับเหตุโจมตีดังกล่าว โดยที่ผู้นำอิสราเอลได้สวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเบนเน็ตต์กลับไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยในระหว่างการแถลงข่าวเคียงข้างนายบลิงเคนในวันเดียวกัน ทั้งนี้ นายบลิงเคนได้เดินทางเยือนอิสราเอลเพื่อเข้าร่วมการประชุมครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี บาห์เรน และโมร็อกโก ซึ่งเป็นชาติที่สานสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลมาตั้งแต่ปี 2563 โดยที่การประชุมดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่หลายฝ่ายรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับข่าวที่ว่าสหรัฐจะฟื้นฟูและบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านในปี 2558 อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำยูเครนยันจะอยู่ในเมืองหลวงแม้รัสเซียรุกเข้าใกล้

เคียฟ 25 ก.พ. – ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ให้คำมั่นในวันนี้ว่า เขาจะยังคงอยู่ในกรุงเคียฟต่อไป แม้ศัตรูต้องการทำลายระบอบการปกครองของยูเครนด้วยการทำลายผู้นำประเทศ ในขณะที่กองทัพยูเครนกำลังต่อสู้กับกองทัพรัสเซียที่เคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟในการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ประธานาธิบดีเซเลนสกีระบุผ่านคลิปวิดีโอว่า ศัตรูหมายหัวเขาเป็นลำดับแรก และครอบครัวเขาเป็นลำดับที่สอง รวมถึงต้องการทำลายระบอบการปกครองของยูเครนด้วยการทำลายผู้นำประเทศ แต่เขาจะยังคงอยู่ในกรุงเคียฟต่อไป และครอบครัวของเขาก็ยังอยู่ในยูเครนเช่นกัน ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เผยกับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐว่า เขารู้มาว่าประธานาธิบดีเซเลนสกียังคงอยู่ในยูเครน และสหรัฐรู้สึกวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ของยูเครนทุกคน เจ้าหน้าที่ของสหรัฐและยูเครนระบุตรงกันว่า รัสเซียตั้งเป้าบุกยึดกรุงเคียฟของยูเครนและโค่นล้มรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่กองทัพรัสเซียได้ยึดโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ‘เชอร์โนบิล’ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟไว้ได้แล้ว ส่วนการอนุมัติคำสั่งปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มรูปแบบในยูเครนของรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดีทำให้มีประชาชนราว 100,000 คนไร้ที่อยู่ เนื่องจากเกิดเหตุระเบิดและยิงกระสุนจำนวนมากในหลายเมืองใหญ่ของยูเครน โดยที่ขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตกว่า 130 คนแล้ว.-สำนักข่าวไทย

กลุ่มควอดเตรียมหารือประเด็นอิทธิพลจีน-โลกร้อน-โควิด

เมลเบิร์น 11 ก.พ. – รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของประเทศสมาชิกในกรอบความร่วมมือด้านความมั่นคง 4 ฝ่าย หรือควอด (QUAD) ที่ประกอบด้วยออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐ จะประชุมร่วมกันที่นครเมลเบิร์นของออสเตรเลียในวันนี้ เพื่อหารือในประเด็นต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรับมือกับโรคโควิด-19 การขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียจากปัญหาวิกฤตการณ์ในยูเครน นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มควอดและนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียว่า การเผชิญหน้ากับจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ เพราะเขาเชื่อว่าไม่มีอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขาคิดว่ากลุ่มควอดได้แบ่งปันข้อวิตกกังวลในช่วงไม่กี่ที่ผ่านมาร่วมกันเกี่ยวกับการที่จีนเริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นทั้งในประเทศของตนและภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ในขณะเดียวกัน นางมาริส เพย์น รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของออสเตรเลีย กล่าวก่อนเข้าร่วมการประชุมระดับทวิภาคีร่วมกับนายบลิงเคนว่า กลุ่มควอดจะหารือร่วมกันเกี่ยวกับความท้าทายของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ประเด็นเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและจีน รวมถึงสถานการณ์ที่เป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ทั้งนี้ ออสเตรเลียจะให้การสนับสนุนสหรัฐในการเป็นผู้นำเพื่อแก้ปัญหาท้าทายเหล่านี้.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐ-อังกฤษ-แคนาดา คว่ำบาตร จนท. เมียนมา

วอชิงตัน 1 ก.พ. – สหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมของเมียนมา ในขณะที่วันนี้เป็นวันเกิดเหตุรัฐประหารเมียนมาครบ 1 ปี และสถานการณ์ในเมียนมายังคงตกอยู่ในสภาพโกลาหล กระทรวงการคลังสหรัฐระบุเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรรายบุคคลต่อเจ้าหน้าที่ในทางศาลเพิ่มอีก 7 คน เช่น ธิดา อู อัยการสูงสุดของเมียนมาที่จงใจตั้งข้อหานางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อหวังผลทางการเมือง หัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกาของเมียนมา และประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตของเมียนมา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีของนางซู จี และแกนนำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐยังได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับอีก 2 บริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนรัฐบาลทหารเช่นกัน ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวทำให้ทรัพย์สินในสหรัฐของบุคคลและบริษัทเหล่านั้นถูกอายัด และทำให้ชาวอเมริกันถูกห้ามติดต่อกับคนกลุ่มนี้ ในขณะเดียวกัน แคนาดาก็ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรายบุคคลต่อเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม 3 คนของเมียนมาเช่นเดียวกับสหรัฐ ส่วนอังกฤษได้ประกาศคว่ำบาตรต่ออัยการสูงสุด ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตของเมียนมา และประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งของเมียนมาที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารเมียนมา นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่า การใช้มาตรการคว่ำบาตรร่วมกันของสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา สะท้อนให้เห็นถึงแรงสนับสนุนจากต่างประเทศที่มีต่อชาวเมียนมา และส่งเสริมการลงโทษผู้ก่อเหตุรัฐประหารและใช้ความรุนแรงโดยผิดกฎหมาย ทั้งยังระบุว่า […]

“บลิงเคน” เผยสหรัฐจะใช้มาตรการเพิ่มกดดันเมียนมา

กัวลาลัมเปอร์ 15 ธ.ค. – นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เผยวันนี้ว่า สหรัฐกำลังพิจารณาใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา พร้อมเชิญผู้นำประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำร่วมกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ในเดือนมกราคมปีหน้า นายบลิงเคนกล่าวในระหว่างเดินทางเยือนมาเลเซียว่า สหรัฐตั้งตารออย่างยิ่งต่อการจัดประชุมสุดยอดผู้นำนัดพิเศษร่วมกับอาเซียนในวันที่ 19 มกราคมปีหน้า สหรัฐจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ก่อนถึงการประชุมดังกล่าวเพื่อพิจารณาใช้ขั้นตอนและมาตรการเพิ่มเติมในการกดดันให้เมียนมาหวนคืนสู่ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอีกครั้ง และกำลังทบทวนอย่างจริงจังเกี่ยวกับการกระทำของรัฐบาลทหารเมียนมาว่าเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ นายบลิงเคนยังระบุว่า นอกจากประเด็นสถานการณ์วิกฤตในเมียนมาแล้ว คาดว่าการประชุมสุดยอดดังกล่าวจะมีการหารือในประเด็นต่าง ๆ เช่น การระบาดของโรคโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลงทุน และระบบโครงสร้างพื้นฐาน ขณะนี้ นายบลิงเคน ซึ่งเคยระบุว่า 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กำลังปฏิบัติภารกิจเยือนประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้เดินทางเยือนมาเลเซียเป็นประเทศที่สองในวันนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจเยือนอินโดนีเซียเมื่อวันอังคาร โดยเขาระบุในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียว่า สหรัฐได้ดำเนินยุทธศาสตร์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในสนธิสัญญาไมตรีกับทวีปเอเชียด้วยข้อเสนอเพื่อส่งเสริมการทำงานด้านข่าวกรองและการป้องกันร่วมกับพันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่มีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการขยายอิทธิพลของจีน.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4
...