เวียดนาม

สื่อท้องถิ่นเวียดนามรายงานว่าราคาทุเรียนหมอนทองนอกฤดูในเวียดนาม พุ่งขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับฤดูกาลหลักในปีก่อน เนื่องจากกลุ่มผู้ค้าต่างพยายามเสาะหาอุปทานเพื่อตอบสนองความต้องการของจีน โดยหมอนทองเป็นทุเรียนสายพันธุ์ไทยที่เพาะปลูกในเวียดนามช่วงไม่กี่ปีมานี้

ฮานอย 23 ม.ค.- ประธานาธิบดีเยอรมนีนำคณะนักธุรกิจเยอรมันเยือนเวียดนามเริ่มตั้งแต่วันนี้  ตามยุทธศาสตร์การลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีนมากเกินไป เว็บไซต์เวียดนามเอ็กซ์เพรสของเวียดนามรายงานว่า ประธานาธิบดีฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ของเยอรมนีและภริยาเดินทางถึงกรุงฮานอยในเช้าวันนี้ เพื่อเริ่มการเยือนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วันตามคำเชิญของประธานาธิบดีหวอ วัน เถืองของเวียดนามและภริยา นับเป็นประเทศแรกที่ประธานาธิบดีชไตน์ไมเออร์เยือนในปี 2567 และเป็นการแลกเปลี่ยนระดับสูงของ 2 ประเทศเป็นครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่จะครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติในปี 2568 รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีชไตน์ไมเออร์และรัฐมนตรีแรงงานของเยอรมนีจะลงนามบันทึกความเข้าใจกับประธานาธิบดีและรัฐมนตรีแรงงานของเวียดนามเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานมีทักษะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แรงงานเวียดนามไปทำงานในเยอรมนี ส่วนธุรกิจที่เดินทางไปพร้อมกับคณะผู้นำเยอรมนี เช่น เฮอร์เร็นคเน็ช (Herrenknecht) ผู้ผลิตเครื่องเจาะอุโมงค์ระดับโลก, พีเอ็นอี เอจี (PNE AG) ผู้พัฒนาฟาร์มกังหันลม, คนอฟ กิปส์ เคจี (Knauf Gips KG) ผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างข้ามชาติ และเทซ่า (Tesa) ผู้ผลิตอุปกรณ์ให้แก่ภาคยานยนต์ ตัวแทนของมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ในเวียดนามมองว่า การเยือนครั้งนี้ตอกย้ำว่าเยอรมนีต้องการทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจมีความหลากหลาย และมองหาประเทศอื่นนอกเหนือจากจีน ส่วนข้อตกลงแรงงานที่คาดว่าจะมีการลงนามกันเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของเยอรมนีที่ต้องการแรงงานมีทักษะจากต่างประเทศ ข้อมูลของหอการค้าเยอรมนีในเวียดนามระบุว่า บริษัทเยอรมันลงทุนในเวียดนามมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า […]

ศาลเวียดนามมีคำพิพากษาในวันนี้ให้ประหารชีวิตจำเลย 9 คนที่ก่อนหน้านี้ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดียาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดคดีหนึ่งของเวียดนาม ในช่วงหลายเดือนมานี้

ฮานอย 3 ม.ค. – เวียดนามมีรายได้จากการส่งออกผักผลไม้ในปี 2566 สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5,690 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 195,127 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึงร้อยละ 70 สำนักข่าวซินหัวของจีนเผยแพร่รายงานของสำนักข่าวเวียดนามที่อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนามว่า เวียดนามมีรายได้จากการส่งออกผักและผลไม้ในปี 2566 สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีจีน สหรัฐ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไทย เนเธอร์แลนด์ และออสเตรเลีย เป็นผู้นำเข้าผักและผลไม้รายใหญ่ที่สุด และรายได้ร้อยละ 65 มาจากการส่งออกไปจีน รายงานระบุด้วยว่า ทุเรียนครองส่วนแบ่งรายได้จากการส่งออกแซงหน้าแก้วมังกร โดยอยู่ที่กว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 68,586 ล้านบาท) เป็นผลจากพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชสำหรับทุเรียนเวียดนามที่ส่งออกไปยังจีน ส่วนผลไม้อื่นๆ เช่น แตงโม คาดว่าจะมีส่งออกไปจีนได้มากขึ้น เนื่องจากมีการลงนามในพิธีสารอีกฉบับว่าด้วยข้อกำหนดการกักกันแตงโมที่ส่งออกจากเวียดนามไปยังจีน.-814.-สำนักข่าวไทย

จีนและเวียดนามเห็นพ้องดำเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรม เพื่อขยายการค้าทวิภาคีในลักษณะที่สมดุลและยั่งยืน

ผู้นำจีนและเวียดนามพบหารือกันที่กรุงฮานอย ของเวียดนามในวันนี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความชื่นชมต่อการตัดสินใจกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน

การส่งออกผลผลิตทางการเกษตรของเวียดนามสู่จีนในปีนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตข้างหน้า

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเดินทางถึงเวียดนามแล้วในวันนี้ ซึ่งจะเป็นการเยือนเวียดนามเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ซึ่งเป็นความพยายามของจีนในการคานอำนาจสหรัฐที่กำลังมีอิทธิพลในเวียดนามมากขึ้นเรื่อย ๆ

ปักกิ่ง 10 ธ.ค.- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเตรียมเดินทางเยือนเวียดนามในวันที่ 12 ธันวาคม หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐไปยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามเมื่อเดือนกันยายน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงว่า ประธานาธิบดีสีจะพบหารือกับนายเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนามที่ทำเนียบประธานาธิบดีเวียดนามในวันอังคาร จากนั้นในวันรุ่งขึ้นจะไปวางหรีดที่สุสานโฮจิมินห์ พบหารือกับนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิง ชิ้ง และประธานาธิบดีหวอ วัน เถืองของเวียดนาม โฆษกจีนกล่าวว่า การเยือนเวียดนามครั้งนี้จะมุ่งหารือเรื่องการยกระดับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้สูงขึ้น ครอบคลุมประเด็นการเมือง ความมั่นคง ความร่วมมือเชิงปฏิบัติ การสร้างมติมหาชน ปัญหาพหุภาคีและปัญหาทางทะเล การเยือนเวียดนามของผู้นำจีนมีขึ้นหลังจากผู้นำสหรัฐแวะเยือนเวียดนามเป็นเวลา 1 วัน ระหว่างเดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดจี 20 ที่อินเดียเมื่อต้นเดือนกันยายน ถือเป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกในรอบ 6 ปี สหรัฐและเวียดนามเห็นพ้องกันในเวลานั้นว่า จะร่วมมือกันช่วยเวียดนามพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพแร่หายากหรือแรร์เอิร์ธ สหรัฐระบุว่า เวียดนามซึ่งมีแรร์เอิร์ธมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน มีความสำคัญสำหรับสหรัฐที่ต้องการลดการพึ่งพาแรร์เอิร์ธจากจีน หลังจากจีนเกิดปัญหาเรื่องห่วงโซ่อุปทานช่วงโควิดจนทำให้เศรษฐกิจโลกสะดุด.-814.-สำนักข่าวไทย