เยาวชน

ซิดนีย์ 1 ก.ค.- กฎหมายใหม่ออสเตรเลียที่มีผลบังคับใช้ในวันนี้ กำหนดให้การซื้อบุหรี่ไฟฟ้าต้องซื้อจากเภสัชกรในร้านขายยาเท่านั้น หวังจำกัดการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการห้ามที่เข้มงวาดกว่านี้ กฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ก่อนกำหนดให้ผู้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้าต้องปรึกษาเภสัชกรในร้านขายยาก่อนซื้อ ส่วนผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะต้องมีใบสั่งแพทย์ เดิมพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรครัฐบาลออสเตรเลียมีแผนจะกำหนดให้ผู้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้าต้องมีใบสั่งแพทย์ แต่ต้องปรับแผนให้เข้มงวดน้อยลง เนื่องจากถูกคัดค้านจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พรรคกรีนที่เกรงว่า จะเป็นการจำกัดการเข้าถึงสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ธรรมดา กฎหมายใหม่จึงกำหนดให้ผู้มีอายุเกิน 18 ปีต้องมีใบสั่งแพทย์จนถึงเดือนตุลาคม หลังจากนั้นสามารถซื้อบุหรี่ไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ สตรีซิดนีย์คนหนึ่งมองว่า กฎหมายนี้ไม่ช่วยอะไรมากนัก และจะทำให้คนหันไปซื้อจากตลาดมืด ซื้อผ่านเพื่อนและออนไลน์ ข้อมูลปี 2566 พบว่า ชาวออสเตรเลียวัย 18-24 ปีราวร้อยละ 22 ยอมรับว่า เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อย 1 ครั้ง ออสเตรเลียซึ่งขึ้นชื่อเรื่องมีกฎหมายต่อต้านการสูบบุหรี่เข้มงวดและเก็บภาษียาสูบสูง ได้ห้ามการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเกือบทั้งหมดตั้งแต่ต้นปีนี้ ผู้นำเข้าจะต้องยื่นขอใบอนุญาตจากสำนักงานกำกับดูแลยาเสพติดของรัฐบาล ทั้งนี้ แม้ว่ายังมีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าตามร้านค้าขนาดเล็ก และพบเห็นผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าตามผับบาร์ รัฐบาลออสเตรเลียยืนยันว่า เจ้าหน้าที่กำลังกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน โดยเมื่อเดือนเมษายนยึดได้มากกว่า 1.5   ล้านชิ้น.-814.-สำนักข่าวไทย

มิชิแกน 2 ก.พ.-  ศาลสหรัฐพิจารณาคดีเพื่อเอาผิดกับผู้ปกครองของเยาวชนที่ก่อเหตุกราดยิงเป็นรายแรก ขณะที่จำเลยพยายามชี้ว่าไม่มีส่วนรับรู้หรือรับผิดชอบ และได้ตำหนิสามีที่ซื้อปืนให้ลูก นายอีธาน ครัมบลีย์ ขณะเป็นนักเรียนอายุ 15 ปีได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงที่โรงเรียนมัธยม อ็อกซ์ฟอร์ด ในรัฐมิชิแกนในปี 2564 ทำให้มีนักเรียนเสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บหลายคน เขาถูกตัดสินเมื่อเดือนที่แล้วให้ถูกจำคุกตลอดชีวิตในความผิดฆาตกรรมหลายกระทง และเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น นางเจนนิเฟอร์ ครัมบลีย์ ผู้เป็นแม่วัย 45 ปี ได้ขึ้นศาลในคดีที่ถูกฟ้องร้องในความผิดทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาท เพราะไม่ควบคุมดูแลลู  ถือเป็นผู้ปกครองคนแรกที่ต้องขึ้นศาลจากกรณีที่เยาวชนก่อเหตุกราดยิง นางครัมบลีย์ได้กล่าวโทษสามีว่า เป็นผู้พาลูกชายไปร้านขายปืนแล้วซื้อปืนพกขนาด 9 ม.ม.ให้เป็นของขวัญ  และเธอไม่ได้รับผิดชอบเรื่องการเก็บปืน โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามี และเธอไม่ล่วงรู้ว่า ลูกชายรู้ที่เก็บปืนหรือไม่  อย่างไรก็ตาม หลักฐานสำคัญที่อัยการใช้เพื่อกล่าวหาพบว่า ลูกชายผู้ก่อเหตุได้เขียนในไดอารี่และข้อความว่า เขาต้องการความช่วยเหลือ แต่พ่อและแม่ไม่ยอมรับฟัง พ่อแม่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทางจิตใจของเขา จึงต้องไปก่อเหตุยิงทีโรงเรียน อัยการจึงแถลงในศาลเพื่อชี้ว่า  ผู้เป็นแม่ควรรับรู้พฤติกรรมผิดปกติของลูก และหาทางป้องกัน และแม้ว่านางครัมบลีย์ ผู้เป็นแม่ไม่ได้ลั่นไก แต่เธอต้องรับผิดชอบกับชีวิตที่สูญเสียไปด้วย ส่วนสามีก็ถูกฟ้องร้องในอีกคดีจากข้อหาเดียวกัน โดยจะเริ่มการพิจารณาคดีในเดือนหน้า หากศาลพบว่ามีความผิดจริงทั้งสองอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 15 ปีและกลายเป็นผู้ปกครองรายแรกที่ถูกจำคุกจากอาชญากรรมด้วยอาวุธปืน.-812(814).-สำนักข่าวไทย