รัฐบาลใหม่ออสเตรเลียจะกระชับสัมพันธ์กับอาเซียน

ซิดนีย์ 23 พ.ค.- รัฐบาลใหม่ของออสเตรเลียที่เพิ่งสาบานตนรับตำแหน่งในวันนี้ หลังจากชนะเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันเสาร์จะกระชับความสัมพันธ์กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และต้องการทำงานร่วมกับสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน นางเพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลพรรคแรงงานของนายแอนโทนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลียตอบข้อถามสื่อทางอีเมลว่า ออสเตรเลียจะยกเรื่องพันธกิจใหม่ที่มีต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกแจ้งต่อที่ประชุมกลุ่มควอด (Quad) กับสหรัฐ ญี่ปุ่นและอินเดียที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นในวันอังคารนี้ ออสเตรเลียตระหนักถึงความสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่เสมอ แม้แต่ละประเทศมีความแตกต่างกันมาก แต่ก็เผชิญความท้าทายร่วมกันหลายเรื่อง จึงต้องร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องระเบียบในภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงไป การฟื้นตัวจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซียเคยกล่าวต่อรัฐสภาออสเตรเลียไว้ นางหว่องวัย 53 ปี เกิดในมาเลเซีย เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่เกิดในต่างประเทศคนแรกของออสเตรเลีย และเคยทำงานกับรัฐบาลพรรคแรงงานหลายชุดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่พรรคแรงงานซึ่งกลับมาเป็นรัฐบาลครั้งแรกในรอบ 9 ปี ก็ประกาศแล้วว่า ต้องการทำงานร่วมกับอาเซียน ด้านหนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ของทางการจีนฉบับวันนี้ชี้ว่า การเข้าร่วมการประชุมกลุ่มควอดที่ญี่ปุ่นจะเป็นบททดสอบว่านายกรัฐมนตรีใหม่ออสเตรเลียจะสามารถหลุดพ้นจากเงาของอดีตนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันที่ใช้ยุทธศาสตร์ต่อต้านจีนหรือไม่ ขณะที่นายริชาร์ด แมคเกรเกอร์ นักวิเคราะห์ของสถาบันโลวีในออสเตรเลียเชื่อว่า นายอัลบานีสคงไม่รื้อนโยบายจีนของรัฐบาลชุดก่อน เพราะกลุ่มควอดเป็นการรวมตัวของ 4 ประเทศที่ดำเนินนโยบายแข็งกร้าวกับจีน.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐพาดพิงจีนระหว่างชูนโยบายอินโด-แปซิฟิก

จาการ์ตา 14 ธ.ค.- นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐพาดพิงจีนระหว่างชูยุทธศาสตร์ของสหรัฐที่จะกระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่กังวลเรื่องจีนแสดงความแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น นายบลิงเคนกล่าวปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งขณะเยือนอินโดนีเซียว่า อินโด-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตรมากที่สุดในโลก และได้กล่าวพาดพิงถึงจีนอย่างชัดเจนว่า ทุกคนล้วนมีส่วนได้ส่วนเสียในการสร้างหลักประกันให้แก่สถานภาพปัจจุบัน โดยไม่มีการบีบบังคับหรือข่มขู่ เพราะสหรัฐและพันธมิตร รวมทั้งผู้อ้างสิทธิในทะเลจีนใต้จะผลักดันการกระทำผิดกฎหมายทุกอย่าง เพื่อปกป้องระเบียบที่ได้ร่วมกันสร้างมาหลายทศวรรษในการทำให้ภูมิภาคนี้ยังคงเปิดกว้างและเข้าถึงได้ สหรัฐจะกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่มีสนธิสัญญาระหว่างกันอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย และฟิลิปปินส์ และสร้างเสริมศักยภาพด้านกลาโหมและข่าวกรองกับหุ้นส่วนในอินโด-แปซิฟิก แต่จะไม่ทำให้ภูมิภาคนี้เป็นที่ทดสอบว่าจะให้สหรัฐหรือจีนเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งจะกดดันให้รัฐบาลเมียนมายุติการใช้ความรุนแรง ปล่อยผู้ถูกควบคุมตัว และนำประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐซึ่งมาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งในเดือนมกราคม จะเยือนมาเลเซียและไทยในสัปดาห์นี้ เขาเผยว่า สหรัฐจะสร้างกรอบเศรษฐกิจภูมิภาคแบบครอบคลุมที่จะทำให้มีการลงทุนโดยตรงจากสหรัฐและช่วยธุรกิจอเมริกันหาโอกาสใหม่ ๆ ในภูมิภาคนี้มากขึ้น จะเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานและปิดช่องว่างการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมกับถือโอกาสนี้พาดพิงจีนอีกครั้งว่า สหรัฐทราบเรื่องที่อินโด-แปซิฟิกกำลังกังวลว่า บริษัทต่างชาติมีกระบวนการที่คลุมเครือและทุจริตในการนำเข้าแรงงานของตนเอง ล้างผลาญทรัพยากรธรรมชาติและก่อมลพิษให้แก่ประเทศที่เข้าไปลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศสหรัฐถึงอินโดฯเพื่อกระชับสัมพันธ์อาเซียน

จาการ์ตา 13 ธ.ค.- นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเดินทางถึงอินโดนีเซียแล้วในวันนี้ เริ่มต้นการตระเวนเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับภูมิภาคนี้ ที่กลายเป็นสนามรบทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐกับจีน นายบลิงเคนเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งในดือนมกราคม เขาจะเยือน 3 ประเทศประกอบด้วยอินโดนีเซีย มาเลเซียและไทย นักการทูตสหรัฐเผยก่อนหน้านี้ว่า บลิงเคนจะผลักดันเป้าหมายของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ต้องการยกระดับการติดต่อกับ 10 ชาติในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน และจะหารือวิสัยทัศน์ของไบเดนเรื่องแนวทางการตั้งกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้รัฐบาลไบเดนยังไม่ได้แจกแจงวิสัยทัศน์ดังกล่าวอย่างชัดเจน รอยเตอร์มองว่า รัฐบาลไบเดนเห็นว่า การกระชับความสัมพันธ์กับอาเซียนมีความสำคัญต่อการต้านทานการขยายอิทธิพลของจีน หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือทีพีพี (TPP) ในปี 2560 ทำให้สหรัฐถูกจำกัดความสามารถในการแผ่อิทธิพลทางเศรษฐกิจ ในขณะที่จีนหาทางเพิ่มความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศในภูมิภาคนี้.-สำนักข่าวไทย

ชี้อาร์เซ็ปไม่ช่วยเยียวยาสัมพันธ์ออสเตรเลีย-จีน

นักวิเคราะห์ทางการค้าชี้ว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซ็ป (RCEP) ที่ 15 ประเทศในเอเชียแปซิฟิกเพิ่งลงนามไปเมื่อวานนี้อาจกระตุ้นให้ออสเตรเลียและจีนแก้ไขข้อพิพาททางการค้า แต่ไม่น่าจะเยียวยาความสัมพันธ์ได้โดยตรง

ออสเตรเลียหวังลงนามอาร์เซ็ปจะช่วยสัมพันธ์จีน

เมลเบิร์น 15 พ.ย.- นายไซมอน เบอร์มิงแฮม รัฐมนตรีการค้าออสเตรเลียเผยว่า ออสเตรเลียหวังว่าความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซ็ป (RCEP) ที่ 15 ชาติในเอเชีย-แปซิฟิกจะลงนามในวันนี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับจีนดีขึ้น นายเบอร์มิงแฮมให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ดิเอจในออสเตรเลียก่อนที่สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนจะปิดฉากการประชุมสุดยอดครั้งที่ 37 แบบทางไกลกับอีก 5 ชาติในวันนี้ โดยมีเวียดนามเป็นเจ้าภาพว่า เวทีอาเซียนจะช่วยให้ความสัมพันธ์ออสเตรเลียกับจีนเปลี่ยนไปในทางสร้างสรรค์ได้ สถานการณ์ขณะนี้ขึ้นกับฝั่งจีนเป็นหลักว่า พร้อมจะเจรจาหรือไม่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมเป็น 15 ชาติจะลงนามอาร์เซ็ปปิดท้ายการประชุมสุดยอดอาเซียนในวันนี้ หลังจากเปิดประชุมมาตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน จะเป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลกเพราะมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) รวมกันราวร้อยละ 30 ของจีดีพีโลก ขณะที่ความสัมพันธ์ออสเตรเลียกับจีนที่เป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดตึงเครียดนับจากออสเตรเลียเรียกร้องให้สอบสวนนานาชาติเรื่องต้นตอของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่พบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อปลายปีก่อน ข้อพิพาทนี้กระทบต่ออุตสาหกรรมและการส่งออกของออสเตรเลียไปจีนทั้งสินค้าเกษตร ไม้สัก และทรัพยากรธรรมชาติมูลค่ามหาศาล.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำจีนย้ำสัมพันธ์เกาหลีเหนือจากรุ่นสู่รุ่น

สื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนย้ำเรื่องจะกระชับความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือจากรุ่นสู่รุ่น ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 100 ปี

หญิงอเมริกันอ้างมีสัมพันธ์กับนายกฯอังกฤษ

ลอนดอน 17 ต.ค.- สตรีอเมริกันที่เป็นผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีอ้างว่า มีความสัมพันธ์พิเศษมาก ๆ กับนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษช่วงที่เขาเป็นนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน เดลีเมล หนังสือพิมพ์หัวสีในอังกฤษฉบับลงบทสัมภาษณ์เจนนิเฟอร์ อาร์คิวรี วัย 35 ปี ที่ตอบคำถามเรื่องเคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้นำอังกฤษหรือไม่ว่า เธอคิดว่าไม่จำเป็นต้องพูด เพราะมีความชัดเจนมากอยู่แล้ว จอห์นสันซึ่งในขณะนั้นมีภรรยาคนที่สองคือนางมารียา วีลเลอร์ ทุ่มเทความรักให้เธออย่างเหลือล้น เธอและเขามีความสัมพันธ์พิเศษมาก ๆ แต่ไม่ยอมพูดอย่างชัดเจนว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาวหรือไม่ อาร์คิวรีให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์หลายแห่งตั้งแต่เป็นข่าว นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน วัย 56 ปี ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนปี 2551-2559 ก่อนมาเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมและนายกรัฐมนตรีในเดือนกรกฎาคมปีก่อนเนื่องจากนางเทรเซา เมย์ลาออก ต่อมาหนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทมส์ลงข่าวว่า ช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเขาไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอาร์คิวรี ถือว่าผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะเธอและบริษัทของเธอได้รับเงินจากรัฐบาล เธอได้ร่วมเดินทางพร้อมคณะการค้าของทางการหลายครั้ง สำนักงานอิสระว่าด้วยความประพฤติตำรวจเปิดการสอบสวนในเดือนกันยายนปีเดียวกัน เนื่องจากช่วงที่เป็นนายกเทศมนตรี จอห์นสันเป็นหัวหน้าสำนักงานการตรวจตราและอาชญากรรมของเมืองด้วย อย่างไรก็ดี สำนักงานประกาศในเดือนพฤษภาคมว่า จะยุติการสอบสวนทางอาญาในเรื่องนี้.-สำนักข่าวไทย

อาร์เมเนียปะทะอาเซอร์ไบจาน ตายอย่างน้อย 24 คน

ความสัมพันธ์ระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจาน ยังคงตึงเครียด หลังเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 24 คน

อนุมัติให้ รมว.รวมชาติของเกาหลีใต้ลาออก

ประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้อนุมัติการลาออกของนายคิม ยอนชอย รัฐมนตรีกระทรวงรวมชาติแล้วในวันนี้ หลังจากยื่นหนังสือลาออกเมื่อสองวันก่อน

1 2 3 4 5
...