สหรัฐ

เกาหลีใต้เปิดฉากซ้อมรบทางอากาศร่วมกับสหรัฐด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์และเครื่องบินขับไล่ที่มีเทคโนโลยีล่องหน (Stealth) ขณะที่เกาหลีเหนือเตือนว่าการซ้อมรบดังกล่าวอาจทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง

มะนิลา 1 ก.พ. – นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ เดินทางถึงกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์เมื่อคืนวันอังคาร และคาดว่าจะประกาศขยายการเข้าถึงฐานทัพในฟิลิปปินส์เพื่อขัดขวางอิทธิพลของจีนต่อไต้หวัน นายออสติน ซึ่งเดินทางถึงกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์เมื่อคืนวันอังคาร ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า เขาจะประชุมกับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในวันพฤหัสบดีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีที่แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ หารือเกี่ยวกับนโยบายด้านความปลอดภัย และเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันเกี่ยวกับการทำให้ภูมิภาคแปซิฟิกเป็นพื้นที่เสรีและเปิดกว้าง หัวหน้ากองบัญชาการมินดาเนาตะวันตกของฟิลิปปินส์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า นายออสตินได้เดินทางไปเยี่ยมกองทหารสหรัฐที่ประจำการอยู่ที่ค่ายทหารในเมืองซัมบวงกา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ การทำงานร่วมกันระหว่างสหรัฐกับฟิลิปปินส์ที่ค่ายทหารแห่งนี้เป็นไปด้วยดี ทั้งยังระบุว่า กองทหารสหรัฐได้ช่วยเหลือฟิลิปปินส์ในด้านการต่อต้านการก่อการร้าย สิทธิมนุษยชน และการรับมือกับภัยพิบัติ ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของสหรัฐระบุว่า สหรัฐหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงด้านการเข้าถึงฐานทัพในฟิลิปปินส์กับฟิลิปปินส์ในระหว่างที่นายออสตินเยือนกรุงมะนิลา เพื่อให้สหรัฐสามารถขยายฐานทัพในฟิลิปปินส์ได้ภายใต้กรอบข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมเพิ่มเติม (EDCA) ที่ทำร่วมกันไว้เมื่อปี 2557.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 1 ก.พ. – อัยการสหรัฐตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการกับ อเล็ก บอลด์วิน นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา จากกรณีที่เขาทำปืนประกอบฉากลั่นใส่ฮาไลนา ฮัตชินส์ ผู้กำกับภาพ จนเสียชีวิต ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘รัสต์’ (Rust) ในรัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐเมื่อเดือนตุลาคม 2564 อัยการของรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งเคยประกาศในช่วงต้นเดือนนี้ว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะตั้งข้อหาเอาผิดกับบอลด์วิน กล่าวเมื่อวันอังคารตามเวลาในสหรัฐว่า วันนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ฮัตชินส์ และไม่มีผู้ใดในรัฐนิวเม็กซิโกที่อยู่เหนือกฎหมายและความยุติธรรม ขณะที่แถลงการณ์ของอัยการรายงานอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สืบสวนที่ระบุว่า บอลด์วินมีอาการฟุ้งซ่านและคุยโทรศัพท์กับครอบครัวอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่เขากำลังฝึกซ้อมยิงปืนอยู่ในกองถ่าย นอกจากนี้ บอลด์วินยังฝึกซ้อมยิงปืนเพียง 30 นาทีทั้งที่ต้องใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น โดยที่ข้อมูลเหล่านี้เป็นคำให้การของฮันนาห์ กูเทียร์เรซ-รีด ผู้ดูแลอาวุธปืนประกอบฉาก ซึ่งถูกตั้งข้อหาเดียวกันกับบอลด์วิน ทั้งนี้ หากบอลด์วินและกูเทียร์เรซ-รีด กระทำความผิดจริงตามข้อกล่าวหา ก็อาจได้รับโทษจำคุกสูงสุด 18 เดือน และถูกปรับเงิน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 164,500 บาท) แต่การพิจารณาคดีอาจใช้เวลานานถึง 5 ปี ก่อนหน้านี้ บอลด์วินได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า ทีมงานบอกเขาว่าปืนประกอบฉากที่ใช้อยู่นั้นไม่มีกระสุนบรรจุอยู่ และเขาไม่ได้เป็นคนลั่นไกปืน […]

เนปิดอว์ 31 ม.ค. – กองทัพเมียนมาได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมด้านทหารระดับภูมิภาคที่ประเทศไทยกับสหรัฐเป็นเจ้าภาพร่วม ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 20 ก.พ. เป็นเวลา 5 วัน เว็บไซต์ข่าวเมียนมา นาว รายงานอ้างคำพูดของโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเมื่อวันจันทร์ว่า กองทัพเมียนมาได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ADMM-Plus) ในด้านความมั่นคงทางทะเลที่มีการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะด้วย ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบและการพิจารณาของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน โดยที่การประชุมครั้งนี้จะประกอบด้วย 10 ประเทศสมาชิกของอาเซียน และตัวแทนจากประเทศคู่เจรจา ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ รัสเซีย เกาหลีใต้ และสหรัฐ เมียนมา นาว ยังรายงานอ้างเอกสารข้อมูลของการประชุมดังกล่าวที่ระบุว่า การฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการกับปัญหาการค้นหาและกู้ภัย การปล้นสะดมในน่านน้ำทะเล การลักลอบนำยาเสพติด อาวุธ และคนเข้าเมือง อาเซียนประสบปัญหาในการช่วยแก้ไขความขัดแย้งภายในของเมียนมา เนื่องจากรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ปฏิบัติตามแผนการยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการที่กองทัพเมียนมาก่อเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 จนทำให้อาเซียนต้องสั่งห้ามตัวแทนระดับสูงของกองทัพเมียนมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดมาแล้วหลายครั้ง และมีสมาชิกบางประเทศของอาเซียนได้ออกมาเรียกร้องให้อาเซียนติดต่อประสานงานกับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือเอ็นยูจี (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาของเมียนมาที่จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มนักการเมืองที่ถูกกองทัพเมียนมายึดอำนาจ อินโดนีเซียซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ต่อจากกัมพูชาสนับสนุนให้ติดต่อกับเอ็นยูจี ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย […]

แคลิฟอร์เนีย 31 ม.ค. – ศาลสหรัฐระบุว่า ชายที่ขับรถยนต์เทสลาตกหน้าผาสูงกว่า 76 เมตรในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าในความผิดรวม 3 กระทง เอกสารของศาลสหรัฐระบุเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า นายดาร์เมช เอ พาเทล วัย 41 ปี ซึ่งก่อเหตุขับรถยนต์เทสลาตกหน้าผาสูงกว่า 76 เมตรโดยที่มีภรรยาและลูกอีก 2 คนนั่งอยู่ในรถในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าในความผิดรวม 3 กระทง นอกจากนี้เขายังถูกกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกายอย่างสาหัสและใช้ความรุนแรงกับภรรยาและบุตรสาววัย 7 ขวบ ตำรวจจับกุมนายพาเทลหลังจากรถตกหน้าผา เนื่องจากสงสัยว่า เขาพยายามฆ่าและทำให้เด็กตกอยู่ในอันตราย เอกศาลดังกล่าวยังรายงานอ้างหลักฐานจากจุดเกิดเหตุและคำให้การของพยานที่ชี้ว่า นายพาเทลจงใจขับรถยนต์พุ่งตกหน้าผาสูงชัน และถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำเทศมณฑลซานมาเทโอในรัฐแคลิฟอร์เนียหลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์สของสหรัฐรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยรู้สึกตกใจอย่างมากที่ทั้งสี่คนมีชีวิตรอดราวปาฏิหาริย์จากซากรถที่พังยับเยิน หลังนายพาเทลขับรถพุ่งตกหน้าผาสูงชัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่คาดว่าสาเหตุที่ทำให้ทั้งสี่รอดชีวิตนั้นน่าจะมาจากการที่รถยนต์ตกกระแทกพื้นด้านล่างโดยมีล้อรถยนต์รองรับ จึงทำให้ผู้โดยสารทั้งสี่ยังคงอยู่ใกล้หน้าต่างรถ ซึ่งง่ายต่อการช่วยเหลือออกมาจากตัวรถ. -สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 31 ม.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ จะยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติและประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่ใช้ในการรับมือกับโรคโควิด-19 ในวันที่ 11 พ.ค. นี้ หลังสหรัฐใช้ประกาศดังกล่าวมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด คำสั่งยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติและประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดีไบเดนถือเป็นการปรับโครงสร้างของรัฐบาลสหรัฐอย่างเป็นทางการเรื่องการรับมือกับโรคโควิดในฐานะที่เป็นโรคประจำถิ่น และยังมีขึ้นในขณะที่ ส.ส. สหรัฐ ได้ลงมติเห็นพ้องต่อการยกเลิกนโยบายต่าง ๆ ที่ใช้ในประกาศดังกล่าว ซึ่งรวมถึงสิทธิตรวจรักษาโรคโควิดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในกลุ่มชาวอเมริกันหลายล้านคนในช่วงที่มีการระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด นอกจากนี้ ส.ส. สหรัฐยังเห็นพ้องที่จะไม่ให้รัฐบาลกลางเข้าไปมีส่วนข้องเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนหรือแนวทางการรักษาโรคโควิดโดยตรงอีกต่อไป ทั้งนี้ ประกาศของประธานาธิบดีไบเดนมีขึ้นเพื่อคัดค้านการเสนอญัตติของ ส.ส. พรรครีพับลิกัน ที่ต้องการให้รัฐบาลสหรัฐยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติในทันที โดยที่ ส.ส. พรรครีพับลิกันกำลังเดินหน้าตรวจสอบเรื่องการใช้เงินส่วนกลางของรัฐบาลกลางในการรับมือกับโรคโควิดอีกด้วย ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติเป็นครั้งแรกเพื่อรับมือกับโรคโควิดเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2563 ก่อนที่ประธานาธิบดีไบเดนจะขยายการใช้ประกาศดังกล่าวต่ออีกหลายครั้งนับตั้งแต่ที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคม 2564 และจะยกเลิกประกาศทั้งคู่ในวันที่ 11 พ.ค. นี้. -สำนักข่าวไทย