รัสเซีย

รัสเซียแจ้งนักรบยูเครนที่หลบภัยอยู่ในโรงงานเคมีของเมืองเซียเวียโรโดเนตสก์ แคว้นลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ให้ยอมวางอาวุธภายในเช้าวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน ที่สู้รบอย่างหนักหน่วงที่สุดขณะนี้ได้ถูกยิงด้วยปืนใหญ่ แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่เป็นการกระทำที่คุกคามต่อชีวิตผู้ป่วย

ปักกิ่ง 15 มิ.ย.- จีนและรัสเซียเปิดสะพานข้ามแม่น้ำอามูร์ที่เป็นสะพานรถข้ามแห่งแรก เชื่อมการเดินทางข้ามแม่น้ำที่เป็นพรมแดนยาวเกือบครึ่งหนึ่งของพรมแดนทั้งสองประเทศ สะพานดังกล่าวมีพิธีเปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เชื่อมเมืองเฮย์เหอของจีนกับเมืองบลาโกเวชเชนสก์ของรัสเซีย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทั้งสองฝ่ายชมพิธีเปิดจากสองฝั่งแม่น้ำ ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมืองหลวงร่วมพิธีผ่านการถ่ายทอดบนจอโทรทัศน์ขนาดยักษ์ เปิดการเดินรถเที่ยวปฐมฤกษ์ด้วยการส่งรถบรรทุกฝั่งละ 8 คัน แต่ละคันติดธงชาติจีนและรัสเซียขนาดใหญ่ขึ้นมาแล่นแบบมีลีลาบนสะพานยาว 1 กิโลเมตร รถบรรทุกจีนขนส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าและยางรถยนต์ ขณะที่รถบรรทุกรัสเซียขนส่งน้ำมันถั่วเหลืองและไม้แปรรูป สื่อทางการทั้งสองประเทศรายงานว่า สะพานแห่งนี้เป็นสะพานรถข้ามแม่น้ำอามูร์แห่งแรก คาดว่าจะมีการเปิดสะพานแห่งที่ 2 ในเร็ว ๆ นี้ สะพานแห่งนี้ใช้งบประมาณก่อสร้าง 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12,940 ล้านบาท) รัสเซียคาดว่า เมื่อเปิดใช้งานเต็มรูปแบบจะขนส่งสินค้าได้ 4 ล้านตัน และขนส่งคนได้ 2 ล้านคนต่อปี ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีหู ชุนหัวของจีนกล่าวในพิธีเปิดสะพานว่า จีนพร้อมพบกับรัสเซียครึ่งทาง และพร้อมร่วมงานกับรัสเซียเพื่อเดินหน้าความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงกันต่อไป แม่น้ำอามูร์หรือแม่น้ำเฮย์หลงเจียงกั้นระหว่างภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนกับภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย มีความยาว 2,824 กิโลเมตร ยาวเป็นอันดับ 10 ของโลก ขณะที่พรมแดนจีนและรัสเซียมีความยาวทั้งหมด 4,209 กิโลเมตร.-สำนักข่าวไทย

มอสโก 15 มิ.ย. – กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียประกาศห้ามนักข่าว 29 คนของอังกฤษเดินทางเข้าประเทศ โดยอ้างว่านักข่าวเหล่านี้แผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับรัสเซียและนำเสนอข่าวการสู้รบในยูเครนและภูมิภาคดอนบาสเพียงด้านเดียว กระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุในแถลงการณ์ว่า รัสเซียได้สั่งห้ามนักข่าว 29 คนของอังกฤษเดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากนักข่าวเหล่านี้เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับรัสเซียและนำเสนอข่าวการสู้รบในยูเครนและภูมิภาคดอนบาสเพียงด้านเดียว นอกจากนี้ รัสเซียยังได้สั่งห้ามบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับหน่วยงานกลาโหมของอังกฤษ 20 คนเข้าประเทศ เช่น เจ้าหน้าที่กองทัพ เจ้าหน้าที่กำกับดูแลน่านฟ้า และ ส.ส. อังกฤษ ทั้งยังระบุว่า การใช้มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก การเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับรัสเซีย และท่าทีต่อต้านรัสเซียของรัฐบาลอังกฤษ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า รัสเซียได้สั่งแบนนักข่าวที่ทำงานให้สื่ออังกฤษหลายแห่ง เช่น เดอะการ์เดียน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี ซันเดย์ไทมส์ เดลีเมล ดิอินดีเพนเดนต์ เดลีเทเลกราฟ และสกายนิวส์ ด้านโฆษกของเดอะการ์เดียนเผยว่า คำสั่งดังกล่าวของรัฐบาลรัสเซียเป็นเรื่องน่าผิดหวังและเป็นเรื่องน่าเศร้าต่อเสรีภาพของสื่อมวลชน ทั้งที่นักข่าวให้ความสำคัญกับความถูกต้องและความน่าเชื่อถือในการนำเสนอข่าวในช่วงนี้เหนือสิ่งอื่นใด แม้รัสเซียได้ใช้คำสั่งห้ามนักข่าวอังกฤษหลายคนเข้าประเทศ แต่สื่อมวลชนอังกฤษก็จะยังคงรายงานข่าวการบุกโจมตียูเครนของรัสเซียอย่างตรงไปตรงมาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

สงครามยูเครนเข้าสู่วันที่ 110 แล้ว ล่าสุดจุดที่สู้รบอย่างหนักหน่วงที่สุดยังคงเป็นเมืองสำคัญในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน มีการยืนยันว่าเมืองทั้งเมืองถูกปิดตาย ล้อมกรอบทหารยูเครนแล้ว

เคียฟ 14 มิ.ย. – เจ้าหน้าที่ของทางการยูเครนเผยว่า กองทัพรัสเซียได้ทำลายสะพานที่เป็นเส้นทางอพยพพลเรือนแห่งสุดท้ายของเมืองเซียเวียโรโดเนตสก์ในแคว้นลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครนแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัสเซียบุกโจมตีเมืองดังกล่าวอย่างหนักเพื่อคว้าชัยชนะในภูมิภาคดอนบาส นายเซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ ระบุว่า กองทัพรัสเซียได้ทำลายสะพานแห่งสุดท้ายของเมืองเซียเวียโรโดเนตสก์ ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญของยูเครน ทำให้ทางการยูเครนอพยพพลเรือนที่ตกค้างออกจากเมืองไม่ได้และไม่สามารถส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในเมือง ทั้งยังระบุว่า ขณะนี้ รัสเซียได้ยึดครองพื้นที่ร้อยละ 70 ของเมืองเซียเวียโรโดเนตสก์แล้ว ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ว่า การสู้รบในภูมิภาคดอนบาสจะกลายเป็นหนึ่งในสงครามที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปยุโรป และขอเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรของยูเครนเข้าใจว่ายูเครนจะได้เปรียบในการสู้รบก็ต่อเมื่อมีปืนใหญ่ทันสมัยจำนวนเพียงพอเท่านั้น ในขณะเดียวกัน นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวเมื่อวันจันทร์หลังหัวหน้ากองกำลังแบ่งแยกดินแดนในยูเครนที่รัสเซียหนุนหลังขอให้รัสเซียส่งกองทหารเพิ่มในสมรภูมิรบในเมืองเซียเวียโรโดเนตสก์ว่า เป้าหมายหลักของรัสเซียคือ การปกป้องแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ในภูมิภาคดอนบาส ส่วนนายมิไคโล โปโดเลียก ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนระบุว่า ยูเครนต้องการปืนครก 1,000 กระบอก รถถัง 500 คัน และโดรน 1,000 ลำ รวมถึงอาวุธหนักอื่น ๆ. -สำนักข่าวไทย

ปารีส 13 มิ.ย. – นายมิคาอิล กัสยานอฟ อดีตนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เผยว่า เขาไม่เคยคิดว่าประธานาธิบดีปูตินจะสั่งเปิดฉากโจมตียูเครนอย่างเต็มกำลัง และคาดว่าสงครามยูเครนอาจยืดเยื้อยาวนานถึง 2 ปี แต่เชื่อว่ารัสเซียจะหวนกลับไปสู่เส้นทางของประชาธิปไตยได้ นายกัสยานอฟ วัย 64 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกในรัฐบาลของประธานาธิบดีปูตินในปี 2543 – 2547 และมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับชาติตะวันตกเผยว่า เขาและประชาชนรัสเซียจำนวนมากไม่คิดว่าประธานาธิบดีปูตินจะสั่งเปิดฉากโจมตียูเครน แต่เพิ่งมาตระหนักว่าประธานาธิบดีปูตินเอาจริง เมื่อผู้นำรัสเซียเรียกประชุมแกนนำระดับสูงของสภาความมั่นคงรัสเซียครั้งใหญ่เพียง 3 วันก่อนสั่งเปิดฉากโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายกัสยานอฟยังระบุว่า เขารู้สึกว่าประธานาธิบดีปูตินขาดความรอบคอบและไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคำสั่งโจมตียูเครน ประธานาธิบดีปูติน ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐของรัสเซีย หรือเคจีบี และจะมีอายุครบ 70 ปีในเดือนตุลาคมนี้ ใช้เวลาที่อยู่ในตำแหน่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา สร้างระบบที่ตั้งอยู่บนการยกเว้นโทษและความหวาดกลัว ซึ่งจะทำให้รัสเซียทวีความโหดร้ายยิ่งกว่าสหภาพโซเวียต เนื่องจากระบบของเคจีบีตั้งอยู่บนพื้นฐานของบ้านเมืองที่ไม่มีขื่อไม่มีแป ซึ่งทำให้เคจีบีไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย ทั้งนี้ นายกัสยานอฟเผยว่า เขาได้เดินทางออกจากรัสเซียเพราะเรื่องสงครามยูเครน และกำลังอาศัยอยู่ในทวีปยุโรป แต่ไม่ขอเปิดเผยที่อยู่ เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย นายกัสยานอฟเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัสเซียก่อนถูกประธานาธิบดีปูตินปลดออกจากตำแหน่ง จากนั้น เขาได้เข้าร่วมกับพรรคฝ่ายค้านรัสเซียและกลายเป็นผู้วิจารณ์รัฐบาลรัสเซียคนสำคัญ […]

นิวเดลี 13 มิ.ย.- อินเดียและหลายประเทศในเอเชียกลายเป็นตลาดสำคัญในการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย หลังจากสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) และพันธมิตรประกาศยุติการนำเข้าน้ำมันรัสเซียเพื่อคว่ำบาตรที่รัสเซียรุกรานยูเครน เคปเลอร์ บริษัทข้อมูลสินค้าโภคภัณฑ์เผยว่า อินเดียซึ่งมีประชากร 1,400 ล้านคน นำเข้าน้ำมันรัสเซียตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้แล้วเกือบ 60 ล้านบาร์เรล เทียบกับปีที่แล้วทั้งปีที่นำเข้าเพียง 12 ล้านบาร์เรล ด้านศูนย์เพื่อการวิจัยพลังงานและอากาศสะอาดในฟินแลนด์เผยว่า อินเดียนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียเพิ่มขึ้นจากวันละ 100,000 บาร์เรลในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นวันละ 370,000 บาร์เรลในเดือนเมษายน และวันละ 870,000 บาร์เรลในเดือนพฤษภาคม แล้วลดการนำเข้าจากอิรักและซาอุดีอาระเบีย นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ-อินเดียเมื่อเดือนเมษายนว่า สหรัฐเข้าใจดีว่าอินเดียต้องการพลังงานในราคาที่ซื้อหาได้ แต่ก็หวังว่าพันธมิตรและหุ้นส่วนของสหรัฐจะไม่ซื้อพลังงานรัสเซียเพิ่มขึ้น ด้านนายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียตอบโต้เมื่อไม่นานมานี้ต่อเสียงวิจารณ์เรื่องอินเดียนำเข้าน้ำมันรัสเซียว่า อินเดียจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด หากอินเดียซื้อน้ำมันรัสเซียเท่ากับสนับสนุนการทำสงคราม ยุโรปที่นำเข้าก๊าซรัสเซียก็สนับสนุนการทำสงครามเช่นเดียวกัน ทั้งนี้นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ราคาน้ำมันโลกก็ปรับขึ้นมาก โรงกลั่นน้ำมันในอินเดียและหลายประเทศหันมาซื้อน้ำมันรัสเซีย เพราะเสนอลดราคาให้บาร์เรลละ 30-35 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,043-1,217 บาท) ขณะที่ราคาน้ำมัน ดิบเบรนต์ทะเลเหนือและน้ำมันสากลอื่น ๆ ซื้อขายที่บาร์เรลละ 120 ดอลลาร์สหรัฐ […]

สเซียฉลองวันชาติ หรือวันรัสเซีย เมื่อวานนี้ ผู้นำรัสเซียได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความสามัคคี และเสียสละ เพื่อความยิ่งใหญ่ของชาติ