อดีตเลขาฯ ยูเอ็น เรียกร้องรัฐบาลเมียนมายุติใช้ความรุนแรง
นายบัน คี-มุน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติกล่าววันนี้เรียกร้องให้กองทัพเมียนมายุติการใช้ความรุนแรง
นายบัน คี-มุน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติกล่าววันนี้เรียกร้องให้กองทัพเมียนมายุติการใช้ความรุนแรง
คาร์ทูม 19 เม.ย.- ผู้คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในกรุงคาร์ทูมของซูดานพากันหนีออกจากบ้านเรือน เนื่องจากการสู้รบระหว่างกองกำลังของ 2 นายพลที่แย่งชิงอำนาจกันได้ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 5 แล้วในวันนี้ หลังจากมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงนาน 24 ชั่วโมง ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นและเสียงยิงปืนหนักหน่วงในเมืองหลวง ช่วงเช้าวันนี้ เห็นกลุ่มควันดำหนาลอยขึ้นมาจากอาคารรอบกองบัญชาการกองทัพที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง กองหนุนเคลื่อนที่เร็วหรืออาร์เอสเอฟ (RSF) ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหารได้เคลื่อนยานยนต์หุ้มเกราะและรถบรรทุกที่เต็มไปด้วยอาวุธหนักและเครื่องกระสุนไปตามท้องถนนในกรุงคาร์ทูม ขณะที่ฝูงบินขับไล่ของกองทัพบกบินว่อนเหนือน่านฟ้าและเล็งยิงลงมายังอาร์เอสเอฟ ชาวบ้านที่หลบอยู่แต่ในบ้านด้วยความหวังว่าจะปลอดภัยจากการปะทะเริ่มหมดหวัง เนื่องจากอาหารร่อยหรอ ไฟฟ้าดับ และน้ำประปาไม่ไหล ประกอบกับข้อตกลงหยุดยิงนาน 24 ชั่วโมงเพื่อเปิดทางให้แก่การจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถูกละเมิด ทั้งที่เริ่มมีผลตั้งแต่เวลา 16:00 น.วันอังคารตามเวลาสากลได้เพียงไม่กี่นาที เช้าวันนี้ชาวบ้านจึงพากันอพยพออกจากบ้านเรือน บางคนขับรถ บางคนเดินเท้า โดยต้องผ่านถนนที่มีศพกระจัดกระจาย ขณะที่รัฐบาลหลายประเทศเริ่มวางแผนอพยพพลเมืองของตนเองออกจากซูดานแล้ว สหประชาชาติระบุว่า มีคนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 185 คน บาดเจ็บอีกมากกว่า 1,800 คน ขณะที่โรงพยาบาลถูกยิงถล่มเสียหายหนักจนไม่สามารถให้บริการได้ กองกำลังของนายพลอับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการกองทัพบก และกองกำลังอาร์เอสเอฟของนายพลมูฮัมหมัด ฮัมดาน ดักโกล รองผู้บัญชาการกองทัพบก ปะทะกันมาตั้งแต่วันเสาร์ นายพลทั้ง 2 นายร่วมกันรัฐประหารในปี […]
MCOT เจาะลึกเลือกตั้ง 66 วันนี้ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประกาศไม่จับมือคนทำรัฐประหาร ถือว่ามีความชัดเจนหรือไม่ หลังความไม่ชัดเจนสะท้อนผ่านผลโพลว่าถูกพรรคก้าวไกลไล่บี้มาอย่างหนัก คุยกับ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“แพทองธาร” ลั่นให้ดูหน้า ไม่พูดตรงว่าไม่จับมือกับคนทำรัฐประหารเพราะให้เกียรติประเทศ ย้ำพร้อมเป็นนายกฯ 12 พ.ค.นี้ 3 แคนดิเดนายกฯขึ้นเวทีพร้อมกัน ด้าน “ภูมิธรรม” แจงมือเศรษฐกิจ-มือกฎหมายไม่ขัดแย้ง พร้อมสู้วิชามาร
รัฐบาลทหารเมียนมากล่าววันนี้ว่า จะปล่อยตัวนักโทษจำนวนมากกว่า 3,000 คน เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของเมียนมา แต่ไม่ได้ระบุว่า ผู้ที่ถูกคุมขังจากการถูกกวาดล้างกลุ่มเห็นต่าง จะได้รับการปล่อยตัวด้วยหรือไม่
เนปิดอว์ 13 มี.ค.- กองกำลังปกป้องชนชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นดีเอฟ (KNDF) อ้างว่า ทหารเมียนมาได้ยิงถล่มหมู่บ้านแห่งหนึ่งของรัฐฉานที่อยู่ทางใต้ของเมียนมา และสังหารคนในวัดมากกว่า 30 คน เว็บไซต์บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) รายงานอ้างเคเอ็นดีเอฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังชาติพันธุ์ที่ต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมาว่า การโจมตีเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น กองกำลังกองทัพอากาศและกองปืนใหญ่ของเมียนมาได้บุกเข้าไปในหมู่บ้าน หลังจากระดมยิงปืนใหญ่ถล่มเมื่อเวลา 16:00 น. จากนั้นไปสังหารชาวบ้านที่หลบซ่อนตัวอยู่ในวัด มีชาวบ้านและพระสงฆ์ถูกสังหารไม่ต่ำกว่า 30 คน เคเอ็นดีเอฟได้เผยแพร่คลิปเห็นศพประมาณ 20 ศพ บางศพสวมจีวร หลายศพมีรูกระสุนหลายนัด ขณะที่กำแพงวัดพรุนไปด้วยรูกระสุน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเมียนมารายงานอ้างโฆษกของเคเอ็นดีเอฟว่า ดูเหมือนทหารได้บังคับให้พวกเขายืนเรียงแถวหน้ากำแพงวัดแล้วกราดยิงอย่างโหดร้าย นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนและอาคารใกล้เคียงถูกเผาทำลายด้วย บีบีซีระบุว่า นับตั้งแต่กองทัพรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีประชาชน 1 ล้าน 5 แสนคนต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่น บ้านเรือน 40,000 หลังถูกปล้นสะดม เด็ก 8 ล้านคนไม่ได้เรียนหนังสือ คน 15 ล้านคนอยู่ในเกณฑ์ขาดแคลนอาหารเข้าขั้นอันตราย และมีคนถูกสังหารมากกว่า 2,900 คนตามข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษทางการเมือง.-สำนักข่าวไทย
รัสเซียกล่าวหาชาติตะวันตกว่าเป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในจอร์เจีย โดยระบุว่า เป็นเสมือนความพยายามในการก่อรัฐประหาร เพื่อให้เกิดความตึงเครียดตามแนวชายแดนติดกับรัสเซีย
สื่อของทางการเมียนมารายงานวันนี้ว่า เมียนมาจะสำรวจสำมะโนประชากรในช่วงปลายปีหน้า ทำให้มีแนวโน้มว่าจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่รัฐบาลทหารเมียนมาสัญญาว่าจะจัดขึ้นเพื่อยุติวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจากการก่อรัฐประหารของกองทัพเมียนมา
กรุงเทพ 22 ก.พ.- สหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) เผยว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา เมียนมามีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะทุ่นระเบิดวันละไม่ต่ำกว่า 1 คน เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 40 จากปี 2564 องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ แจ้งเมื่อวันอังคารว่า ปี 2565 มีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะทุ่นระเบิดหรือสรรพาวุธที่ไม่ระเบิดทั้งหมด 390 คน 2 ใน 3 ของการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนที่กลุ่มกบฏชาติพันธุ์มีการสู้รบกับกองทัพและสู้รบกันเองมาหลายทศวรรษเพื่อแย่งชิงอำนาจการปกครองตนเองและทรัพยากรธรรมชาติอบ่างไม้สักและหยก รวมถึงการค้ายาเสพติด และ 1 ใน 5 ของการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเกิดขึ้นในภูมิภาคสะกายที่อยู่ทางเหนือของเมียนมา เดิมพื้นที่นี้อยู่ในความสงบ แต่หลังจากกองทัพรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ก็กลายเป็นศูนย์กลางการต่อต้านรัฐบาลทหาร ยอดผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะทุ่นระเบิดในปี 2565 เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 40 จากปี 2564 และเพิ่มขึ้นจาก 254 คนในปี 2563 องค์การนิรโทษกรรมสากล ระบุในปี 2565 ว่า […]
“แพทองธาร” ลั่นไทยเสียโอกาสเพราะถูกรัฐประหาร-คนยึดอำนาจบริหารงานไม่เป็น หาเงินให้ประชาชนไม่ได้ แต่ “เพื่อไทย” พร้อมกลับมาทำให้
จาการ์ตา 4 ก.พ.- รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาปฏิบัติตามแผนสันติภาพฉันทามติ 5 ประการ เพื่อสร้างหนทางยุติวิกฤตการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่กองทัพรัฐประหารเมื่อ 2 ปีก่อน รัฐมนตรีต่างประเทศสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนเสร็จสิ้นการประชุมเป็นเวลา 2 วันที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียในวันนี้ โดยไม่ได้เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาเข้าร่วม นางเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียในฐานะประเทศประธานอาเซียนประจำปี 2566 แถลงกับสื่อว่า อินโดนีเซียได้เสนอแผนปฏิบัติการสำหรับฉันทามติที่อาเซียนบรรลุกับเมียนมาเมื่อเดือนเมษายน 2564 เรื่องยุติความรุนแรงและเปิดการเจรจาระหว่างกองทัพกับฝ่ายต่อต้าน แผนนี้ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกในที่ประชุมทุกประเทศอย่างกว้างขวาง เป็นแผนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำคัญสำหรับอาเซียน โดยเฉพาะประธานอาเซียน เพราะเป็นแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมาอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวอันแข็งแกร่งของอาเซียนที่จะปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ประการ อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียไม่ได้ให้รายละเอียดว่า จะดำเนินการตามแผนเมื่อใดและอย่างไร ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียประกาศว่า จะตั้งสำนักงานผู้แทนพิเศษขึ้นภายในกระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเปิดการเจรจาระดับเจ้าหน้าที่กับเมียนมา.-สำนักข่าวไทย
ย่างกุ้ง 3 ก.พ.- รัฐบาลทหารเมียนมาออกมาตรการเข้มงวดครั้งใหม่กับพื้นที่ที่เป็นฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้าน ด้วยการกำหนดให้ประชาชนในพื้นที่เหล่านี้จะต้องขึ้นศาลทหาร หากถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏและเผยแพร่ข่าวเท็จ หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมาของทางการเมียนมารายงานวันนี้ว่า มาตรการใหม่ใช้กับ 37 เมืองใน 8 รัฐและภูมิภาคประกอบด้วยรัฐชิน มอญ กะหรี่ยง และกะยา ภูมิภาคสะกาย มะเกว พะโค และตะนาวศรี ศาลทหารจะทำหน้าที่พิจารณาคดีอาญาตั้งแต่การเป็นกบฏไปจนถึงการเผยแพร่ข่าวเท็จ ผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดจะไม่ได้รับอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์ ยกเว้นคดีที่ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจาก พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหาร รายงานระบุว่า มาตรการนี้เป็นไปเพื่อให้ความมั่นคง การใช้หลักนิติธรรม ความสงบสุขของท้องถิ่นได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เอเอฟพีระบุว่า กองทัพเมียนมามักปะทะกับกองกำลังปกป้องประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหารและเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ ก่อนหน้านี้มี 11 เมืองอยู่ภายใต้มาตรการลักษณะเดียวกันนี้แล้ว เป็นเมืองในภูมิภาคย่างกุ้ง 6 เมือง และในภูมิภาคมัณฑะเลย์ 5 เมือง เมื่อวานนี้รัฐบาลเมียนมาเพิ่งขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 6 เดือน ซึ่งเป็นวันครบ 2 ปีของการรัฐประหาร ทำให้กำหนดการเลือกตั้งที่รัฐบาลรับปากว่าจะมีขึ้นภายในเดือนสิงหาคมถูกเลื่อนออกไปอีก สื่อทางการเมียนมารายงานเมื่อวันพุธว่า พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่ายยอมรับว่า เมืองต่าง ๆ […]