
จนท.สถานทูตอพยพออกจากยูเครน
หลายประเทศอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตในกรุงเคียฟ ของยูเครน ขณะที่การรุกรานของรัสเซียใกล้เข้ามาทุกขณะ
หลายประเทศอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตในกรุงเคียฟ ของยูเครน ขณะที่การรุกรานของรัสเซียใกล้เข้ามาทุกขณะ
เคียฟ 14 ก.พ. – ยูเครนเรียกร้องให้จัดการประชุมกับรัสเซียและประเทศสมาชิกหลักของกลุ่มความมั่นคงทวีปยุโรปเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณพรมแดนรัสเซียกับยูเครน นายดมิทโตร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของยูเครน กล่าวว่า รัสเซียได้ปฏิเสธคำร้องขออย่างเป็นทางการจากยูเครนที่ขอให้อธิบายสาเหตุของการวางกำลังพลบริเวณพรมแดนรัสเซียที่ติดกับยูเครน ขั้นต่อไปยูเครนกำลังขอจัดการประชุมภายใน 48 ชั่วโมงกับรัสเซียเพื่อให้ทราบถึงความโปร่งใสเกี่ยวกับแผนวางกำลังพลดังกล่าว นายคูเลบายังระบุว่า ยูเครนได้เรียกร้องคำตอบจากรัสเซียเกี่ยวกับเจตนาของรัสเซียภายใต้ข้อกำหนดของเอกสารเวียนนา (Vienna Document) ซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงที่รับรองโดยประเทศสมาชิกขององค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือโอเอสซีอี ที่รัสเซียเป็นสมาชิกด้วย ทั้งนี้ หากรัสเซียให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงภายใต้กรอบโอเอสซีอี ก็ต้องปฏิบัติตามพันธสัญญาเกี่ยวกับความโปร่งใสทางทหารเพื่อบรรเทาสถานการณ์ตึงเครียดและส่งเสริมความมั่นคงต่อทุกประเทศ อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งเคยติงว่าอาจเกิดความตระหนกในวงกว้างจากข้อกล่าวหาเรื่องรัสเซียอาจบุกยูเครน กล่าวว่า เขายังไม่เห็นหลักฐานที่ชี้ว่ารัสเซียกำลังวางแผนบุกยูเครนในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เมื่อวันอาทิตย์เป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง โดยที่ผู้นำสหรัฐได้เน้นย้ำว่า สหรัฐพร้อมให้การสนับสนุนยูเครน และผู้นำของทั้งสองประเทศเห็นพ้องต้องกันในประเด็นเกี่ยวกับความสำคัญของการเดินหน้าทางการทูตและการป้องปรามต่อไป ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้กล่าวขอบคุณสหรัฐสำหรับการสนับสนุนที่ไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งกล่าวเชิญประธานาธิบดีไบเดนเดินทางเยือนยูเครนอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย
เบอร์ลิน 13 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนีออกเดินทางไปยูเครนและรัสเซียแล้ว หวังช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียด หลังจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของตะวันตกเตือนว่า รัสเซียเตรียมบุกยูเครนในเร็ว ๆ นี้ นายกรัฐมนตรีชอลซ์จะเดินทางถึงกรุงเคียฟของยูเครนในวันจันทร์และกรุงมอสโกของรัสเซียในวันอังคารเพื่อพบกับผู้นำของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ดี ก่อนออกเดินทางเขาได้เตือนรัสเซียด้วยการแถลงต่อวุฒิสภาเยอรมนีเมื่อวันศุกร์ว่า เยอรมนีมีหน้าที่สร้างความมั่นใจว่าจะสามารถป้องกันการเกิดสงครามในยุโรป จึงได้ส่งสารชัดเจนไปยังรัสเซียแล้วว่า การรุกรานทางทหารใด ๆ จะมีผลใหญ่หลวงต่อรัสเซีย เยอรมนีมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพันธมิตร และขณะเดียวกันก็จะใช้โอกาสทั้งหมดเพื่อการเจรจาและทำให้เกิดความคืบหน้า นายกรัฐมนตรีชอลซ์ย้ำมาโดยตลอดเรื่องรัสเซียจะต้อง “จ่ายราคาแพง” หากรุกรานยูเครน แต่รัฐบาลของเขาปฏิเสธคำขอให้ส่งอาวุธร้ายแรงไปยังยูเครน และไม่เคยระบุชัดเจนว่าจะสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในเรื่องใด ทำให้ถูกวิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศว่ามีความมุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับรัสเซียหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ความลังเลของเยอรมนีส่วนหนึ่งอาจมาจากบทเรียนเมื่อครั้งเยอรมนีรุกรานยุโรปในสงครามโลกทั้งสองครั้ง ทำให้ผู้นำเยอรมนีหลังสงครามทุกคนเลือกใช้การตอบโต้ทางทหารเป็นทางเลือกสุดท้าย นอกจากนี้เยอรมนียังมีท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 2 เป็นเดิมพันสำคัญ เพราะสหรัฐขู่เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า หากรัสเซียรุกรานยูเครน รัสเซียจะไม่สามารถส่งออกก๊าซธรรมชาติผ่านท่อนี้ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ยังไม่เปิดดำเนินการ มาตรการนี้จะทำให้รัสเซียสูญเสียทางเศรษฐกิจ และจะทำให้เยอรมนีขาดแคลนก๊าซไปด้วย ขณะที่ประเทศอื่นในยุโรปไม่ได้รับผลกระทบมากนักเพราะมีแหล่งก๊าซจากที่อื่น.-สำนักข่าวไทย
รีโอเดจาเนโร 13 ก.พ.- ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูของบราซิลจะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่รัสเซียกำลังมีความตึงเครียดกับชาติตะวันตกเรื่องยูเครน ประธานาธิบดีโบลโซนารูตัดสินใจไปพบประธานาธิบดีวาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย โดยให้เหตุผลว่าไปสร้างสัมพันธ์ทางการค้า เขาจะพบหารือกับประธานาธิบดีปูตินในวันพุธ จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังฮังการีในวันพฤหัสบดีเพื่อพบกับประธานาธิบดีวิกตอร์ ออร์บาน ที่เป็นผู้นำขวาจัดเช่นเดียวกับเขา โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของสหรัฐและคนในคณะรัฐมนตรีบราซิลที่เกรงว่า ผู้นำรัสเซียอาจใช้การเยือนนี้อ้างว่า บราซิลซึ่งเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกาและเป็นสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) สนับสนุนรัสเซียในเรื่องยูเครน รัสเซียเชิญผู้นำบราซิลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ความตึงเครียดกำลังก่อตัว เพราะรัสเซียเริ่มระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปประชิดพรมแดนยูเครน นักวิเคราะห์การเมืองในบราซิลมองว่า เป็นการเยือนในช่วงเวลาที่ยุ่งยาก และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะสถานการณ์บริเวรพรมแดนรัสเซีย-ยูเครนกำลังทวีความตึงเครียด สหรัฐกดดันให้บราซิลยกเลิกการเยือน แต่หากทำตามบราซิลก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของสหรัฐ และอาจทำให้รัสเซียไม่พอใจ อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่า เหตุผลหลักที่ประธานาธิบดีโบลโซนารู วัย 66 ปี ตัดสินใจไปเยือนรัสเซียเป็นเรื่องการเมืองในประเทศ เพราะคะแนนนิยมของเขาตกต่ำแตะระดับต่ำที่สุด ตามหลังอดีตประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา วัย 76 ปี ที่จะลงเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับเขาในเดือนตุลาคมปีนี้.-สำนักข่าวไทย
แคนเบอร์รา 13 ก.พ.- ออสเตรเลียเผยว่ากำลังอพยพคนออกจากสถานทูตในกรุงเคียฟของยูเครน เนื่องจากสถานการณ์บริเวณพรมแดนยูเครน-รัสเซียตึงเครียดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเรียกร้องจีนอย่านิ่งเงียบต่อวิกฤตนี้ นางมารีส เพย์น รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียแถลงวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตออสเตรเลียในกรุงเคียฟได้รับคำสั่งให้ย้ายไปยังสำนักงานชั่วคราวในเมืองลวิฟ ทางตะวันตกของยูเครนที่อยู่ห่างจากพรมแดนด้านโปแลนด์ประมาณ 70 กิโลเมตร ส่วนพลเรือนชาวออสเตรเลีย กระทรวงขอให้เดินทางออกจากยูเครนด้วยยานพาหนะทางพาณิชย์โดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียแถลงว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถึงจุดที่อันตรายอย่างยิ่งแล้ว การกระทำเผด็จการแต่ฝ่ายเดียวของรัสเซียที่กำลังข่มขู่และรังแกยูเครนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิงและอย่างเด็ดขาด ออสเตรเลียขอเรียกร้องให้จีนแสดงตัวเพื่อยูเครน เพราะจีนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลออสเตรเลียเรื่องรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย สหรัฐ ญี่ปุ่นและอินเดียประชุมหารือที่ออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่กลับยังคงนิ่งเงียบต่อเรื่องที่รัสเซียระดมกำลังพลบริเวณชายแดนยูเครน พร้อมกับยืนยันว่า ออสเตรเลียไม่เคยนิ่งเฉยต่อพันธมิตรเผด็จการที่หาทางรังแกประเทศอื่น.-สำนักข่าวไทย
รัฐมนตรีกลาโหมโปแลนด์กล่าวยืนยันวานนี้ว่า สหรัฐจะส่งทหารอีก 3,000 นาย ไปยังโปแลนด์ ในขณะที่รัสเซียจัดการซ้อมรบทั้งในเบลารุส ทะเลดำและคาบสมุทรไครเมีย หลังจากระดมกำลังทหารจำนวนมากใกล้ชายแดนติดกับยูเครน
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ออกประกาศให้พลเมืองออสเตรเลียรีบเดินทางออกจากยูเครนโดยเร็วที่สุด เนื่องจากสถานการณ์ในยูเครนส่อเค้ารุนแรง ขณะเดียวกันกระทรวงต่างประเทศนิวซีแลนด์ประกาศให้ชาวนิวซีแลนด์ในยูเครนรีบเดินทางออกจากยูเครนโดยเร็วเช่นกัน
รัฐบาลสหรัฐเร่งขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ยูเครน เพื่อเตรียมรับมือกับการบุกของกองทัพรัสเซีย ที่คาดว่าอาจเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียน จะพุดคุยกันในวันนี้ ในขณะที่หลายชาติตะวันตกเตือนว่า สงครามในยูเครนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
สหรัฐและบรรดาประเทศพันธมิตร เรียกร้องให้พลเมืองของตนเดินทางออกจากยูเครนในทันที เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อรัสเซียบุกยูเครน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการโจมตีทางอากาศ ในยูเครนที่ทางรัฐบาลวอชิงตันกล่าวในวันศุกร์ว่า อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาในขณะนี้
สหรัฐฯ ส่งมอบอาวุธมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปยังยูเครน ด้านรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาจากชาติตะวันตกที่ว่ารัสเซียอาจมีแผนบุกยูเครน
วอชิงตัน 11 ก.พ. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เตือนว่า พลเมืองอเมริกันทุกคนที่อยู่ในยูเครนควรเดินทางออกจากประเทศทันที เนื่องจากรัสเซียยังคงข่มขู่ว่าจะบุกรุกยูเครนในเร็ว ๆ นี้ ประธานาธิบดีไบเดนให้สัมภาษณ์ในรายการข่าว ‘เอ็นบีซี นิวส์’ เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า พลเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ในยูเครนควรเดินทางออกจากประเทศทันที สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่การรับมือกับกลุ่มก่อการร้าย แต่เป็นประเทศหนึ่งที่มีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และสถานการณ์อาจพลิกผันได้อย่างรวดเร็ว ผู้นำสหรัฐยังระบุว่า สหรัฐจะไม่ส่งกองทัพเข้าไปช่วยอพยพลเมืองอเมริกันออกจากยูเครน เพราะการกระทำเช่นนั้นจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อเกิดสงครามโลกโดยที่สหรัฐหรือรัสเซียเริ่มเปิดฉากยิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เขากล่าวด้วยว่า โลกปัจจุบันนั้นแตกต่างจากอดีตที่เคยเป็น ในขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุในแถลงการณ์แยกอีกฉบับที่ระบุว่า สหรัฐไม่สามารถช่วยอพยพพลเมืองอเมริกันที่อยู่ในยูเครนภายใต้สถานการณ์ที่คาดว่ารัสเซียจะส่งกองทัพบุกยูเครนได้ พร้อมทั้งเตือนว่า งานบริการด้านสถานกงสุลในยูเครน เช่น การช่วยเหลือพลเมืองสหรัฐให้เดินทางออกนอกประเทศ จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐและหน่วยข่าวกรองสหรัฐระบุว่า กองทัพรัสเซียอาจเปิดฉากบุกรุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบภายใน 48 ชั่วโมง ด้วยการใช้รถถังที่สามารถเดินทางถึงกรุงเคียฟของยูเครนได้.-สำนักข่าวไทย