มนุษยธรรม

ขนวนรถขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ ซึ่งจอดรออยู่ในอิยิปต์เป็นเวลาหลายวันแล้ว กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดผ่านแดนราฟาห์ที่จะข้ามไปยังพื้นที่ฉนวนกาซาที่เป็นดินแดนของปาเลสไตน์แล้ว

ปักกิ่ง 10 ก.ค.- จีนเตือนวันนี้ว่า การส่งมอบระเบิดพวงหรือคลัสเตอร์บอมบ์ (cluster bombs) อย่างไร้ความรับผิดชอบอาจนำมาซึ่งปัญหาด้านมนุษยธรรม หลังจากสหรัฐอนุมัติให้ลำเลียงอาวุธประเภทนี้ให้แก่ยูเครน โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าววันนี้ว่า การตัดสินใจของสหรัฐเป็นที่สนใจของประชาคมโลกอย่างกว้างขวาง และมีหลายประเทศแสดงการคัดค้าน เธอไม่ได้ประณามการตัดสินใจของสหรัฐโดยตรง แต่กล่าวว่า การส่งมอบระเบิดพวงอย่างไร้ความรับผิดชอบอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านมนุษยธรรม จึงควรจัดการอย่างเป็นธรรมระหว่างความกังวลด้านมนุษยธรรม กับความจำเป็นทางการทหารและความมั่นคงที่ชอบธรรม และควรรักษาท่าทีที่รอบคอบและควบคุมเรื่องการส่งมอบระเบิดพวง กลุ่มสิทธิมนุษยชนประณามอย่างรุนแรงต่อการที่สหรัฐตัดสินใจจัดส่งระเบิดพวงให้แก่ยูเครน ทั้งที่เป็นอาวุธต้องห้ามในหลายประเทศ เพราะลูกระเบิดสามารถตกค้างและระเบิดได้ในภายหลัง จึงเป็นอันตรายต่อพลเรือนไปอีกหลายปี  สหรัฐและจีนไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยระเบิดพวง (Convention on Cluster Munitions) ที่ห้ามการใช้ พัฒนา ผลิต ครอบครอง และขนย้ายระเบิดพวง รวมทั้งห้ามส่งเสริมให้ผู้อื่นทำสิ่งต้องห้ามเหล่านี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2553 และมี 111 ประเทศให้สัตยาบันจนถึงปัจจุบัน ส่วนไทยไม่ได้ลงนามเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

หางโจว 4 ก.ค. – “พีซ อาร์ก” (Peace Ark) เรือโรงพยาบาลของกองทัพเรือจีน ออกเดินทางมุ่งหน้าไปปฏิบัติภารกิจด้านการแพทย์เพื่อมนุษยธรรมในคิริบาส ตองกา วานูอาตู หมู่เกาะโซโลมอน และติมอร์ตะวันออก นับเป็นครั้งแรกที่เรือของกองทัพเรือจีนจะไปเยือนคิริบาสและหมู่เกาะโซโลมอน และให้บริการทางการแพทย์เพื่อมนุษยธรรมที่สถานที่ดังกล่าว สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เรือโรงพยาบาลลำนี้จะจอดเทียบท่าที่ท่าเรือ 1 แห่งในแต่ละประเทศ และให้บริการทางการแพทย์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายนาน 1 สัปดาห์ให้แก่คนท้องถิ่น บุคลากรจากสถาบันของจีน และชาวจีนโพ้นทะเล ภารกิจครั้งนี้ยังครอบคลุมการแลกเปลี่ยนและการสัมมนาทางวิชาชีพกับกลุ่มประเทศที่เกี่ยวข้องด้วย เรือโรงพยาบาลพีซ อาร์ก มีบุคลากรการแพทย์ประจำการอยู่ 126 คน มีแผนกคลินิก 26 แผนก และแผนกเสริม 7 แผนก สามารถทำการตรวจ การรักษา และการผ่าตัดมากกว่า 40 รูปแบบในสาขาศัลยศาสตร์ทั่วไป กระดูกและข้อ สูติศาสตร์ นรีเวชศาสตร์ และสาขาอื่นๆ “พีซ อาร์ก” เป็นโรงพยาบาลทางทะเลมาตรฐานลำแรกที่ออกแบบและสร้างโดยจีน ไปเยือนมาแล้ว 43 ประเทศและภูมิภาคตั้งแต่เริ่มให้บริการในปี 2551 ให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยมากกว่า 250,000 […]

กองทัพซูดานเดินออกจากสถานที่เจรจาหยุดยิงที่มีสหรัฐและซาอุดีอาระเบียเป็นคนกลาง โดยกล่าวหากองกำลังกึ่งทหารที่เป็นปรปักษ์กันว่า ไม่ปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้

วอชิงตัน 31 พ.ค.- แหล่งข่าวเผยว่า นายกรัฐมนตรีกาตาร์ได้เจรจาลับกับผู้นำสูงสุดของตอลิบานเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมเพื่อหาทางแก้ไขความตึงเครียดกับประชาคมโลก เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลอัฟกานิสถานพร้อมจะหารือเพื่อหาทางยุติการถูกประชาคมโลกโดดเดี่ยว รอยเตอร์รายงานแหล่งข่าวว่า เชค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน อัล ธานี นายกรัฐมนตรีกาตาร์ และนายไฮบัดตุลลาห์ อาคุนซาดา ผู้นำสูงสุดของตอลิบานได้พบกันเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่เมืองกันดาฮาร์ ทางใต้ของอัฟกานิสถาน นับเป็นผู้นำตอลิบานคนแรกที่ยอมพบกับผู้นำต่างชาติ รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐได้รับรายงานเรื่องการพบกันครั้งนี้ และกำลังประสานงานในทุกประเด็นที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกัน แหล่งข่าวเผยว่า การพบหารือดังกล่าวป็นไปอย่างสร้างสรรค์มาก ผู้นำตอลิบานแสดงความสนใจอย่างยิ่งเรื่องการสานต่อการเจรจากับประชาคมโลก บ่งชี้ว่าเขาพร้อมที่จะสำรวจลู่ทางในการทำให้นานาชาติยุติการโดดเดี่ยวอัฟกานิสถาน และพร้อมส่งเสริมโครงการบรรเทาทุกข์เนื่องจากประเทศตกอยู่ในความยากจนและหิวโหย นายกรัฐมนตรีกาตาร์ได้หยิบยกหลายประเด็นขึ้นหารือกับผู้นำตอลิบาน เช่น เรื่องที่ตอลิบานห้ามเด็กหญิงเรียนหนังสือและห้ามสตรีทำงานให้แก่หน่วยงานสหประชาชาติหรือยูเอ็นและหน่วยงานบรรเทาทุกข์ เรื่องวิกฤตด้านมนุษยธรรมในอัฟกานิสถานตามที่ยูเอ็นระบุว่า ชาวอัฟกันเกือบ 3 ใน 4 คนจากทั้งหมด 40 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือ และเรื่องปราบปรามการก่อการร้ายซึ่งหมายถึงการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส (IS) กาตาร์ให้กลุ่มตอลิบานเปิดสำนักงานทางการเมืองในกรุงโดฮาของกาตาร์เมื่อปี 2556 และเป็นคนกลางให้ตอลิบานได้เจรจากับสหรัฐ นำมาซึ่งข้อตกลงในปี 2563 เรื่องถอนกองกำลังนานาชาติที่นำโดยสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน จากนั้นกลุ่มตอลิบานได้บุกเข้ายึดกรุงคาบูล โค่นรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก และขึ้นปกครองอัฟกานิสถานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564.-สำนักข่าวไทย

เจดดาห์ 12 พ.ค.- กองกำลัง 2 ฝ่ายที่สู้รบกันในซูดานมาร่วมเดือนลงนามข้อตกลงเคารพหลักการด้านมนุษยธรรม แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในการเจรจาที่เมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบีย การสู้รบที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนจนถึงขณะนี้ทำให้มีคนล้มตายแล้วมากก่า 750 คน บาดเจ็บ 1,500 คน และต้องอพยพมากกว่า 900,000 คน ตัวแทนของ พล.อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการกองทัพซูดาน และตัวแทนของ พล.อ.โมฮัมเหม็ด ฮัมดัน ดาโกล ผู้บัญชาการกองหนุนเคลื่อนที่เร็วที่เป็นกองกำลังกึ่งทหารลงนามในแถลงการณ์ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกันว่าผลประโยชน์และสวัสดิภาพของชาวซูดานคือสิ่งสำคัญสูงสุด และขอให้คำมั่นว่าจะปกป้องพลเรือนอยู่เสมอ รวมถึงการเปิดทางให้พลเรือนเดินทางออกจากพื้นที่ที่กำลังมีความขัดแย้งได้อย่างปลอดภัยและโดยสมัครใจว่าจะไปยังจุดหมายใด ทั้ง 2 ฝ่ายจะเปิดทางให้แก่การลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง เนื่องจากมีการปล้นชิงสิ่งของบรรเทาทุกข์ และเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมถึงการถอนกำลังออกจากโรงพยาบาล และจัดพิธีศพให้แก่ผู้เสียชีวิต ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐซึ่งเป็นแกนนำในการใช้วิถีทางทางการทูตเผยว่า การเจรจาในเมืองเจดดาห์ที่ดำเนินมาร่วมสัปดาห์กำลังมุ่งหารือข้อเสนอหยุดยิงเป็นเวลา 10 วัน เพื่อที่จะนำไปสู่การเจรจาเรื่องยุติการสู้รบในระยะยาว แต่ทั้ง 2 ฝ่ายที่สู้รบกันยังคงมีความเห็นต่างกันอยู่มาก.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 1 พ.ค.- นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็นส่งผู้แทนไปยังซูดานที่กำลังเกิดสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะที่การสู้รบในซูดานล่วงเลยเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 แล้ว โฆษกของนายกูเตอร์เรสแถลงว่า เนื่องจากวิกฤตด้านมนุษยธรรมในซูดานกำลังเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว นายมาร์ติน กริฟฟิธส์ ผู้ประสานการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินของยูเอ็นจะเร่งเดินทางไปยังซูดานโดยทันที โฆษกระบุด้วยว่า สถานการณ์ที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็วอยู่ในขณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในซูดาน ด้านนายกริฟฟิธส์แถลงว่า สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในซูดานใกล้ถึงจุดแตกหักแล้ว เขากำลังเดินทางไปซูดานเพื่อหาลู่ทางว่าจะสามารถบรรเทาทุกข์ให้แก่ชาวซูดานหลายล้านคนที่ต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีความพลิกผันในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร เนื่องจากสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่มีอยู่ตามสำนักงานและโกดังถูกปล้นชิงไปเกือบหมด จึงต้องหาทางนำสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปเพิ่มเติม และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องยุติการสู้รบ นายกริฟฟิธส์ระบุด้วยว่า ครัวเรือนในซูดานกำลังขาดแคลนอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และสิ่งจำเป็นต่าง ๆ หลายครัวเรือนไม่สามารถอพยพออกจากพื้นที่ที่มีการสู้รบได้เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ขณะที่บริการด้านสาธารณสุขถูกจำกัดอย่างมาก ทำให้คนเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากสาเหตุที่สามารถป้องกันได้ การสู้บระหว่างกองทัพกับกองหนุนเคลื่อนที่เร็วหรืออาร์เอสเอฟ (RSF) ที่เปิดฉากมาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ทำให้มีคนล้มตายแล้วมากกว่า 500 คน และต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่นอีกหลายหมื่นคน.-สำนักข่าวไทย

คาร์ทูม 28 เม.ย.- กองกำลัง 2 ฝ่ายที่กำลังสู้รบกันในซูดานเผยเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า จะขยายเวลาหยุดยิงที่กำหนดไว้ 72 ชั่วโมงออกไปอีก แต่ยังคงมีการสู้รบกันในกรุงคาร์ทูมและภูมิภาคดาร์ฟูร์ที่อยู่ทางตะวันตกของซูดาน กองทัพซูดานย้ำว่า จะขยายข้อตกลงหยุดยิงโดยจะยึดถือคำพูดนี้แต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่รอว่าฝ่ายตรงข้ามจะตกลงด้วยหรือไม่ หลังจากประกาศเมื่อวันพุธว่าจะหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมงตั้งแต่วันศุกร์จนถึงวันอาทิตย์ โดยจะมีผลเมื่อข้อตกลงหยุดยิง 72 ชั่วโมงก่อนหน้านี้สิ้นสุดในคืนวันพฤหัสบดี ด้านกองหนุนเคลื่อนที่เร็วหรืออาร์เอสเอฟ (RSF) ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหารที่กำลังสู้รบกับกองทัพตอบรับเป็นครั้งแรกด้วยการประกาศในวันเดียวกันว่า เห็นชอบให้มีการหยุดยิงอีก 72 ชั่วโมงเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ ทำให้สหประชาชาติ สหภาพแอฟริกา กลุ่มการค้าในแอฟริกา และกลุ่มประเทศที่ประกอบด้วยสหรัฐ อังกฤษ ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ออกแถลงการณ์ร่วมยินดีที่ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมที่จะเจรจาเพื่อยุติความเป็นปรปักษ์อย่างถาวรมากขึ้น และรับรองว่าภารกิจด้านมนุษยธรรมจะไม่ถูกขัดขวาง กองทัพซูดานเผยว่า ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และกำลังปราบปรามกองกำลังอาร์เอสเอฟที่ปักหลักอยู่ในกรุงคาร์ทูม อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวว่า ยังคงได้ยินเสียงโจมตีทางอากาศและยิงต่อต้านอากาศยานในกรุงคาร์ทูมและเมืองใกล้เคียงในวันพฤหัสบดี ขณะที่ทำเนียบขาวของสหรัฐแถลงว่า มีความกังวลอย่างยิ่งที่มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขอให้ชาวอเมริกันรีบเดินทางออกจากซูดานภายใน 24-48 ชั่วโมง การสู้รบยังได้ลุกลามไปยังภูมิภาคดาร์ฟูร์ ที่ซึ่งเคยเกิดสงครามกลางเมืองเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน ข้อมูลล่าสุดระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 512 คน บาดเจ็บร่วม 4,200 คน […]

โซล 19 เม.ย.- ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอลของเกาหลีใต้เผยว่า เกาหลีใต้อาจขยายความช่วยเหลือยูเครนให้นอกเหนือไปจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจ หากมีการโจมตีพลเรือนยูเครนขนานใหญ่ เป็นการเปลี่ยนจุดยืนที่เคยต่อต้านการติดอาวุธให้ยูเครน ประธานาธิบดียุนให้สัมภาษณ์พิเศษรอยเตอร์ก่อนเดินทางเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า เนื่องในวาระครบ 70 ปีของการเป็นพันธมิตรกันว่า รัฐบาลของเขากำลังสำรวจหนทางในการช่วยปกป้องและบูรณะฟื้นฟูยูเครน ดังที่เกาหลีใต้เคยได้รับความช่วยเหลือจากนานาชาติช่วงสงครามเกาหลีปี 2493-2496 หากเกิดสถานการณ์ที่ประชาคมโลกไม่สามารถให้อภัยได้ เช่น มีการโจมตีพลเรือนขนานใหญ่ มีการสังหารหมู่ หรือมีการฝ่าฝืนกฎหมายสงครามอย่างร้ายแรง เกาหลีใต้ก็คงยากที่จะยืนกรานให้ความช่วยเหลือเฉพาะด้านมนุษยธรรมหรือการสนับสนุนทางการเงินเท่านั้น เขาเชื่อว่าไม่มีข้อจำกัดใด ๆ หากจะขยายการสนับสนุนเพื่อปกป้องและฟื้นฟูประเทศที่ถูกรุกรานอย่างผิดกฎหมายทั้งภายใต้กรอบกฎหมายในประเทศและกฎหมายสากล อย่างไรก็ดี เกาหลีใต้จะดำเนินมาตรการอย่างเหมาะสมที่สุด โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์กับประเทศที่เกี่ยวข้องกับสงครามและสถานการณ์ในสมรภูมิ รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งสัญญาณว่า พร้อมจัดสรรอาวุธให้ยูเครน เกาหลีใต้เป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐและเป็นผู้ผลิตกระสุนปืนใหญ่รายใหญ่ ที่ผ่านมาเกาหลีใต้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเป็นปรปักษ์กับรัสเซียแม้ว่าถูกชาติตะวันตกกดดันให้จัดสรรอาวุธให้แก่ยูเครน เนื่องจากมีบริษัทเกาหลีใต้ไปดำเนินธุรกิจในรัสเซีย และรัสเซียมีอิทธิพลต่อเกาหลีเหนือ.-สำนักข่าวไทย