“ไบเดน” ตัดเนื้อร้ายที่ผิวหนังช่วงตรวจสุขภาพล่าสุด

วอชิงตัน 4 มี.ค.- ทำเนียบขาวของสหรัฐแจ้งว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้รับการผ่าตัดเนื้อร้ายที่ผิวหนังออกไปหมดระหว่างการตรวจสุขภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และไม่ต้องรับการรักษาเพิ่มเติมแล้ว น.พ.เควิน โอคอนเนอร์ แพทย์ประจำตัวประธานาธิบดีระบุในบันทึกที่ส่งถึงสื่อมวลชนเมื่อวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐว่า รอยโรคบนหน้าอกของประธานาธิบดีที่เป็นเซลล์มะเร็งถูกผ่าตัดออกไปหมดแล้วเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีด นอกกรุงวอชิงตัน และไม่จำเป็นต้องรับการรักษาเพิ่มเติม นอกจากเฝ้าระวังทางผิวหนังต่อไปในระหว่างการดูแลรักษาสุขภาพ ส่วนเนื้อบริเวณหน้าอกมีการฟื้นตัวอย่างดีนับตั้งแต่มีการตัดตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจ บันทึกระบุด้วยว่า มะเร็งที่พบเป็นชนิดเบเซลเซลล์ (basal cell carcinoma) ซึ่งพบบ่อยที่สุด มักเกิดขึ้นกับผิวหนังส่วนที่สัมผัสแสงแดดอย่างเรื้อรัง การดำเนินโรคค่อนข้างช้าและมีโอกาสแพร่กระจายน้อย ทำเนียบขาวแถลงเมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีไบเดน วัย 80 ปี รับการตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า แข็งแรงดี และพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจประธานาธิบดี เขาเคยรับการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ส่วนนางจิล ไบเดน สตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ วัย 71 ปี เพิ่งรับการผ่าตัดรอยโรคบนผิวหนัง 3 จุดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ โดยพบในภายหลังว่า รอยโรค 2 จุดเป็นมะเร็งชนิดเบเซลเซลล์ ไบเดนและภริยารณรงค์เรื่องการต่อสู้และรักษามะเร็งอย่างแข็งขันมาโดยตลอด นับตั้งแต่นายโบ ไบเดน บุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาคนแรกของไบเดนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมองในปี 2558 ขณะมีอายุ 46 […]

สหรัฐแก้ปัญหาวัคซีนฝีดาษลิงที่มีปริมาณจำกัด

วอชิงตัน 9 ส.ค.- หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ในสหรัฐรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐแก้ปัญหาวัคซีนโรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิงที่มีอยู่ในปริมาณจำกัดด้วยการอนุมัติให้ใช้วิธีฉีดแบบใหม่ที่จะใช้วัคซีนเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นต่อการฉีด 1 โดส รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า สำนักงานอาหารและยาสหรัฐหรือเอฟดีเอ (FDA) จะอนุมัติให้ฉีดวัคซีนเข้าที่ชั้นผิวหนัง ซึ่งจะใช้วัคซีนเพียง 1 ใน 5 ของปริมาณการฉีดเข้าชั้นไขมันใต้ผิวหนังที่ใช้อยู่ในขณะนี้ คาดว่า กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์จะประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งใหม่อย่างเร็วที่สุดในบ่ายวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินของเอฟดีเอได้ สหรัฐประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม เพื่อเพิ่มความพยายามในการควบคุมการระบาด โดยก่อนหน้านั้นประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง 2 คนทำหน้าที่ประสานงานการรับมือกับการระบาด หลังจากรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐอิลลินอยส์ และรัฐนิวยอร์ก ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นเหตุฉุกเฉินระดับรัฐ ข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐหรือซีดีซี (CDC) จนถึงวันที่ 8 สิงหาคม สหรัฐมีผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่ได้รับการยืนยันแล้ว 8,934 คน.-สำนักข่าวไทย

ชัวร์ก่อนแชร์ : 5 เทคนิคเปลี่ยนหน้าโทรมให้สดใสใช้ได้ จริงหรือ ?

บนสังคมออนไลน์แชร์ 5 เทคนิคเปลี่ยนหน้าโทรมให้สดใส เรื่องนี้จริงหรือไม่ ? ติดตามจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

ชัวร์ก่อนแชร์ : ดอกอัญชันทำให้คิ้วหนา-ดกดำได้ จริงหรือ?

บนโซเชียลแชร์แนะนำความเชื่อตั้งแต่โบราณว่าการนำดอกอัญชันมาขยี้แล้วทาคิ้วให้เด็กๆ จะช่วยให้มีคิ้วหนาและดกดำ เรื่องนี้จริงหรือไม่ ติดตามจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

ชัวร์ก่อนแชร์ : เตือนความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับผิว จริงหรือ?

บนสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อความเตือนเรื่องความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับผิว เรื่องนี้จริงหรือไม่ ติดตามจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

ชัวร์ก่อนแชร์ : คลิปดึงหนอนพยาธิจากแขน เพราะกินปลาดิบ จริงหรือ?

บนสังคมออนไลน์แชร์คลิปเตือนกินปลาดิบจะทำให้มีหนอนพยาธิฝังในร่างกาย ในคลิปเห็นเป็นการดึงหนอนออกจากแขนของผู้ป่วย เรื่องนี้จริงหรือไม่ ติดตามกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

ชัวร์ก่อนแชร์ : น้ำเย็นล้างหน้าแก้อาการแพ้จากสารปรอทและสเตียรอยด์ได้ จริงหรือ ?

บนสังคมออนไลน์แนะนำว่า หากนำน้ำเย็นจัดๆ ล้างหน้าจะรักษาอาการแพ้จากสารปรอทและสเตียรอยด์ให้ดีขึ้นได้ เรื่องนี้จริงหรือไม่ ? ติดตามจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

ชัวร์ก่อนแชร์ : สำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดสะดือรักษาโรค ได้จริงหรือ?

บนสังคมออนไลน์แชร์วิธีรักษาอาการปวดท้อง ไอ และโรคไข้หวัด ด้วยการเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดที่สะดือ เรื่องนี้จริงหรือไม่ ติดตามจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

แพทย์เผยฤดูหนาวไวรัสเติบโตไว พบป่วยโรคผิวหนังมาก

แพทย์เผยอากาศหนาวเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสเติบโตดี แนะทานอาหารครบ5หมู่ เลี่ยงอาบน้ำอุ่นจัด ทาครีมบำรุงผิวผสมมอยเจอร์ไรเซอร์สร้างความชุ่มชื่นให้ผิวกาย

สธ.เผยด้วงก้นกระดก พิษไม่อันตรายถึงชีวิต

สธ.แนะประชาชนระวังภัยจากตัวด้วงก้นกระดก พบมากช่วงฤดูฝน อย่าสัมผัส ตีหรือขยี้ เพราะจะปล่อยพิษทำให้ผิวหนังอักเสบเฉียบพลัน แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

...