นายก

ทำเนียบฯ 11 ธ.ค.- พล.อ.ประยุทธ์ จันร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ยืนยัน ยังไม่มีความคิดในการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะรัฐบาลเพิ่งทำงานได้ 3-4 เดือนเท่านั้น และการใช้งบประมาณที่ผ่านมาใช้อย่างประหยัดที่สุด ยังไม่มีปัญหาอะไร รอให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ผ่านสภาฯ เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นจะพิจารณาว่า การทำงานของรัฐมนตรีแต่ละคนมีประสิทธิภาพหรือไม่ และว่าสิ่งที่พูดเป็นหลักการ  “ใครจะมา ใครจะไปก็มีสัดส่วน โควต้าอยู่แล้วตามตำแหน่ง เรื่องนี้ต้องคุยกันอีกเยอะ ยังไม่มีควาคิด แต่ถ้าใครจะมาช่วยงานเพิ่มก็ยินดี เพราะเคยบอกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็ควรช่วยกัน ไม่ใช่ค้านอย่างเดียว เรื่องนี้ถ้าใครจะไป ใครจะมา แม้เป็นโควต้า แต่ผมก็เป็นคนสุดท้ายที่จะเป็นคนตัดสินใจ เพราะเป็นคนดูเรื่องนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว  .-สำนักข่าวไทย  

ทำเนียบฯ 11 ธ.ค.-   พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึง  กิจกรรมวิ่งไล่ลุง ว่า ฝ่ายความมั่นคงต้องติดตามอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่จัดกิจกรรมลักษณะนี้ ต้องมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องให้เจ้าหน้าที่ไปดูแล  และต้องให้สิทธิทางกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้วย  หากปล่อยเหมือนในอดีต  บ้านเมืองก็จะไม่มีขื่อไม่มีแปอีก   “กิจกรรมวิ่งไล่ลุง ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่เขาก็คงหมายถึงผม และที่ไล่ก็คงหมายถึงการขับไล่ แต่ผมอยากให้มองว่า ควรจะไล่ตามให้ทันในเรื่องของความคิด ความรู้ จะได้มีความรู้มาสอบถามถึงสิ่งที่ผมกำลังทำ จะได้มีความมุ่งหมายว่าจะทำอะไร ไม่ใช่จะตั้งแง่แต่ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเพียงอย่างเดียว เพราะขณะนี้ประเทศมีปัญหา โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ” นายกรัฐมนตรี กล่าว    .-สำนักข่าวไทย  

“ป้อง ณวัฒน์” ร้องนายกฯ ร่วมสร้างบรรทัดฐาน “ฉลองไม่ฉลาม” เลิกเสิร์ฟเมนูหูฉลามทุกงานเลี้ยงของรัฐบาล หลังงานเลี้ยงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 3 ธ.ค. มีหูฉลามเป็น 1 ในรายการอาหาร

ทำเนียบฯ 11 ธ.ค.- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมบูธโครงการ “พี่หัวดี” ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์ให้สวมหมวกกันน็อค เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนกับเด็กวัยเรียน  นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนโครงการดังกล่าว  แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะรณรงค์และซื้อหมวกกันน็อคให้ใส่ แต่ก็ยังมีการละเมิดกฎหมายกันอยู่    “ขอให้ผู้ปกครองสวมหมวกกันน็อคให้บุตรหลานทุกครั้ง ไม่ใช่ใส่เฉพาะเวลาเจอตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมย้ำว่า รัฐบาลนี้ดูแลคนทุกกลุ่ม และกำลังมีนโยบายดูแลผู้สูงอายุออกมา เพียงแต่ในขณะนี้ยังไม่ดำเนินการ เพราะยังติดปัญหาเรื่องงบประมาณปี 2563 ที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างเต็มที่   ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันให้ผ่านพ้นไปได้ .- สำนักข่าวไทย   

นายกฯ ชี้แจงการขึ้นค่าแรกขั้นต่ำ เป็นมติของคณะกรรมการ 3 ฝ่ายที่ต้องทยอยขึ้น จะปรับให้ขึ้นทันทีตามที่พรรคการเมืองหาเสียงไม่ได้

แฉ ขยายเวลาสร้างรัฐสภาใหม่ทำชาติเสียหาย