นายก

ระบุ การทำงานของรัฐบาล ยึดหลักนโยบาย และยึดโยงประชาชนในการแก้ไขปัญหา พร้อมรับฟังความเห็น ความร่วมมือต้องพูดคุยกัน แต่อย่าเครียด

สั่ง ครม.ทำควาามเข้าใจโครงการตามนโยบายรัฐให้ประชาชนเข้าใจ ลั่นทุกกระทรวงห้ามเกิดทุจริต

นราธิวาส 20 ม.ค. – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่ง ระหว่างการพบปะประชาชนชาวสุไหงโกลกที่มาให้การต้อนรับ ที่อาคารรุ่งอรุณ ภายในตัวเมืองสุไหงโก-ลก  วันนี้ (20 ม.ค.) ว่า การพัฒนาฝีมือแรงงานถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทุกคนต้องรู้จักปรับปรุงตัวเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และความต้องการของตลาดแรงงาน  เพื่อที่จบออกมาแล้วจะได้มีงานทำ “เด็กนักศึกษาที่จบใหม่ต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้ จะใช้กำลังกายอย่างเดียวไม่ได้ เพราะบางคนสนใจแต่เรื่องความสวยงามกันเยอะ แต่สวยงามต้องมีสติปัญญา  มีสมอง ไม่เช่นนั้นเวลาไปสมัครงาน ถามอะไรต้องตอบได้ ไม่ใช่ยิ้มนั่งสวยอย่างเดียว ถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครรับทำงาน  ต้องสวยและมีสมอง แต่ส่วนใหญ่คนไม่สวยกลับมีสมองเยอะ  แต่คนสวยที่มีสมองก็มี และที่นั่งอยู่ในหอประชุมนี้ ก็เป็นคนสวยที่มีสมองทุกคน  ที่พูดแบบนี้เพื่อต้องกาาให้เห็นภาพ ไม่ได้เจาะจงว่าใคร เดี๋ยวจะหาว่าไปละเมิดสิทธิมนุษชน”  นายกรัฐมนตรี กล่าว .- สำนักข่าวไทย  

ทำเนียบฯ 14 ม.ค. –  น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  วันนี้ (14 ม.ค.) ว่า  การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ระหว่างวันที่ 20-21 มกราคม 2563 ที่ จ.นราธิวาส  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ตรวจราชการ วันที่ 20 มกราคม  โดยประเด็นสำคัญ คือการส่งเสริมการศึกษา การค้า การลงทุน การค้าชายแดน การพัฒนาโครงข่ายคมนาคม การพัฒนาโครงข่ายระบบโลจิสติกส์ การวางระบบป้องกันสาธารณภัย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเชิงวัฒนธรรม สังคมพหุวัฒนธรรม การพัฒนาสินค้าเกษตรยางพารา และการพัฒนาตลาดอย่างเป็นระบบครบวงจร รวมถึงการรักษาความสงบความปลอดภัยของประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้  โดย นายกรัฐมนตรีจะเดินทางพร้อมคณะไปที่ จ. นราธิวาส เมื่อไปถึงจะเข้าไปสักการะเจ้าแม่โต๊ะโมะ รวมถึง ทักทายและถ่ายรูปกับสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีน  จากนั้น  จะพบปะประชาชนที่เทศบาลเมืองสุไหงโกลก และเดินทางไปวัดประชุมชลธารา เพื่อนมัสการเจ้าคณะ จ.นราธิวาส และพบปะประชาชนชาวไทยพุทธที่วัด จากนั้น  จะเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.นราธิวาส […]

ทำเนียบฯ 14 ม.ค.-  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะได้ตัวคนร้ายปล้นทอง ที่ จ.ลพบุรี ภายใน 2 วัน ว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าใน 2 วันนี้ เจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมคนร้ายได้หรือไม่ แต่เท่าที่ติดตาม เห็นว่าเจ้าหน้าที่เร่งรัดการดำเนินการอยู่  หากจะไปกดดัน หรือเร่งรัดมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อรูปคดี ได้ เพราะอาจจะไม่ได้คนที่กระทำผิดจริงมาลงโทษ  “คดีนี้จะต้องทำให้ขั้นตอนทุกอย่างเหมือนคดีปกติ แม้เป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อมวลชน  เพราะคนร้ายก็ติดตามข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ อยู่ หากให้ข้อมูลผ่านสื่อทั้งหมด เมื่อคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ การจับกุมตัวก็จะยาก  แต่เชื่อว่าที่สุดในคดีนี้ จะสามารถจับตัวคนร้ายได” นายกรัฐมนตรี กล่าว     .- สำนักข่าวไทย  

ทำเนียบฯ 14 ม.ค.-  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงขอบคุณประชาชนในจังหวัดชายใต้ภาคใต้ ที่ยินดีและรอต้อนรับคณะรัฐมนตรี ที่จะเดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่  ซึ่งตนได้กำชับกับคณะรัฐมนตรีว่า ต้องลงไปช่วยขับเคลื่อนการทำงานในพื้นที่ ที่ผ่านมาไม่ต้องการให้เกิดปัญหา หรือรบกวนการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง ที่ต้องมาดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับคณะ แต่ครั้งนี้ถือว่ามีความจำเป็น ดังนั้น จะพยายามรบกวนการปฏิบัติหน้าที่ให้น้อยที่สุด  “การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ทุกครั้ง จะก่อประโยชน์ให้เศรษฐกิจในพื้นที่หมุนเวียนมากขึ้น ทุกหน่วยงานได้เตรียมการสำหรับการจัดประชุมครั้งนี้อย่างเต็มที่  มุ่งหวังว่าการทำงานทุกอย่างของรัฐบาล ต้องการให้ชายแดนภาคใต้เป็นดินแดนแห่งความสงบรุ่งเรือง และเกิดการพัฒนา” นายกรัฐมนตรี กล่าว  .- สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ  14 ม.ค.- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อแนวคิดของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เสนอแก้ปัญหาฝุ่นละออง ด้วยการให้ประชาชนทำงานที่บ้าน  อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่นละออง คือประชาชนทุกกลุ่มต้องร่วมมือกัน  ทุกคนทราบดีถึงสาเหตุของการเกิดฝุ่นและควัน ทั้งจากควันดำจากรถยนต์ รถโดยสารสาธารณะ การเผาของเกษตรกร  ในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ ได้ตั้งจุดสกัดตรวจควันดำ หากค่าเกินมาตรฐาน ให้หยุดวิ่งและแก้ไขโดยด่วน  โดยรัฐบาลจะหามาตรการช่วยเหลือ เช่น การเปลี่ยนไส้กรองท่อไอเสีย หรือให้นักเรียนอาชีวะช่วยมาปรับปรุงเครื่องยนต์ รวมถึง การส่งเสริมให้ปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจต้องใช้เวลา ไม่สามารถดำเนินการได้ทันที ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน   “ท้ายที่สุด หากรัฐบาลมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างเต็มที่ เช่น ห้ามรถบรรทุกเข้าเมือง ประชาชนก็จะได้รับผลกระทบ ดังนั้น สิ่งใดที่สามารถช่วยเหลือกันได้ก็ควรทำ เพื่อลดปัญหาทั้งหมด จะได้ไม่เดือดร้อน” นายกรัฐมนตรี กล่าว .-  สำนักข่าวไทย

ทำเนียบ 14 ม.ค.- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  แถลงว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมบิดาของตน  และจะนำเงินทำบุญที่ได้รับทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น มอบให้กับโรงพยาบาลศิริราช ในส่วนของกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย  ถือว่าทุกคนได้ทำบุญร่วมกันด้วย .- สำนักข่าวไทย