กลุ่มวิ่งไล่ลุงส่งบัตรเชิญนายกฯ-รองนายกฯ ร่วมวิ่งฟังเสียงประชาชน

ม.ธรรมศาสตร์ 16 ธ.ค.-  กลุ่มวิ่งไล่ลุงส่งบัตรเชิญนายกฯ – รองนายกฯ และพรรคการเมือง ร่วมวิ่งเพื่อฟังเสียงประชาชน ขีดเส้นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลทำทันทีเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และหยุดคุกคามคนเห็นต่าง ส่วนเรื่องเศรษฐกิจขีดเส้นให้แก้ไข ภายใน 3 เดือน 


นายธนวัตน์ วงค์ไชย ผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง กล่าวว่า ทางกลุ่มขอตั้งคำถามไปยังผู้มีอำนาจว่า เหตุใดถึงถูกยกเลิกการแถลงข่าวถึง 2 ครั้ง  สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบเผด็จการซ่อนรูป มีประชาธิปไตยบังหน้า ขอยืนยันว่า งานวิ่งครั้งนี้ไม่ใช่ม็อบ และสามารถจัดได้ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ และพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ระบุไว้ว่า งานมหรสพและงานการกีฬาไม่จำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ 

อย่างไรก็ตาม นายธนวัตน์ กล่าวว่า ทางกลุ่มได้ขออนุญาตการใช้เส้นทางวิ่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไป 2 สัปดาห์ ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงต้องการถามว่าเป็นงานนี้เพียงงานเดียวหรือไม่ ที่ถูกจับตาจากผู้มีอำนาจ ทั้งที่งานเดินตามลุงหรืองานวิ่งเพื่อแผ่นดินก็เป็นงานการเมืองเช่นกัน


เมื่อถามว่า หากเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต ทางผู้จัดจะดำเนินการอย่างไร นายธนวัตน์  ยืนยันว่า อย่างไรก็จะต้องจัดงานนี้ให้ได้ และงานนี้จะต้องมีขึ้นในวันที่ 12 มกราคม 2563 เพราะถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และขอยืนยันว่างานนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมือง หรือนักการเมืองคนใด เพราะเงินที่จัดงานทุกบาทเกิดจากการสนับสนุนของนิสิตนักศึกษา และโลกออนไลน์ รวมถึง เงินที่ขายของที่ระลึกในงานที่ได้จากประชาชน 

“นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังได้ส่งบัตรเชิญไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้มาฟังเสียงของประชาชนที่ไม่เคยได้ยิน  ซึ่งตั้งเป้าว่าจะมีผู้มาร่วมกิจกรรมประมาณ 2,000 คน และในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศจะมีกลุ่มอาสาสมัคร มาวิ่งด้วยเช่นเดียวกัน” นายธนวัฒน์ กล่าว 

นายธนวัตน์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องในการวิ่งไล่ลุงครั้งนี้มี 3 เรื่องใหญ่ด้วยกันคือ   เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่ขอให้รัฐบาลทำตามสัญญาที่เคยหาเสียงไว้ ทั้งการขึ้นค่าแรง การปรับเงินเดือนขั้นต่ำของผู้จบปริญญาตรี และการเพิ่มราคาสินค้าเกษตร โดยให้ระยะเวลารัฐบาล 3 เดือน  ขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามประชาธิปไตย และปลดล็อคสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี  และ ขอให้หยุดใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง และหยุดรังแกผู้ที่เห็นต่าง 


“ข้อ 2-3 ขอให้รัฐบาลดำเนินการทำทันที โดยไม่มีการรีรอ ทั้งนี้หากรัฐบาลไม่ดำเนินการทางกลุ่มจะยกระดับกิจกรรมให้มากกว่าการวิ่ง” นายธนวัฒน์ กล่าว   .- สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ววันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือนายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข