ทำเนียบขาว

วิลนีอุส 11 ก.ค.- ทำเนียบขาวของสหรัฐเผยว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต จะกำหนดแผนการปฏิรูปให้แก่ยูเครนเพื่อให้สามารถเข้าร่วมนาโตได้ในที่สุด แต่ไม่ได้ให้กรอบเวลาไว้ นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเผยกับผู้สื่อข่าวในที่ประชุมสุดยอดผู้นำนาโตที่กรุงวิลนีอุสของลิทัวเนียในวันนี้ว่า จะมีการร่างแผนการปฏิรูปให้แก่ยูเครน แต่เขาไม่สามารถให้กรอบเวลาได้ และยืนยันว่ายูเครนจะไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกนาโตโดยทันที เนื่องจากยูเครนกำลังสู้รบกับการรุกรานของรัสเซีย หากเข้าร่วมก็จะทำให้นาโตเข้าสู่สงครามกับรัสเซียด้วย นอกจากเรื่องการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนแล้ว สมาชิกนาโตกำลังหารือเรื่องจัดทำมาตรการความมั่นคงชั่วคราวที่เป็นรูปธรรมให้แก่ยูเครน เพิ่มเติมจากความช่วยเหลือปัจจุบันที่ให้กองทัพยูเครนนำไปรุกโต้กลับกองกำลังรัสเซีย โดยจะมีการหารือเรื่องนี้ระหว่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐประชุมกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนในวันพุธ.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 20 มิ.ย.- อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐให้สัมภาษณ์แก้ต่างเรื่องที่ถูกตั้งข้อหาว่าเก็บเอกสารลับของรัฐบาลอย่างไม่เหมาะสมว่า เขายุ่งจนไม่มีเวลาคัดแยกเอกสารขณะเก็บข้าวของออกจากทำเนียบขาว ทรัมป์วัย 77 ปีให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ที่ออกอากาศเมื่อค่ำวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐว่า เขารีบเร่งออกจากทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคม 2564 ข้าวของส่วนตัวจึงปะปนกับเอกสารของรัฐบาล และทุกอย่างถูกเก็บลงกล่องหมด และเมื่อถูกถามว่าเหตุใดจึงไม่มอบเอกสารให้ตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอ ทรัมป์ตอบว่า ต้องการคัดแยกข้าวของส่วนตัวออกจากกล่องเหล่านี้ให้เรียบร้อยก่อน จึงยังไม่ได้ส่งมอบเอกสารให้ เขายุ่งมากอย่างที่เห็น และเมื่อถูกถามเรื่องเทปบันทึกเสียงที่กระทรวงยุติธรรมอ้างขณะนำมาแสดงระหว่างยื่นฟ้องเขาว่า ทรัมป์ซึ่งพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีแล้วได้นำเอกสารที่เขาระบุว่าเป็นความลับและลับอย่างยิ่งมาแสดงให้นักเขียน สำนักพิมพ์ และทีมงาน 2 คนของเขาดูขณะประชุมกันเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ทรัมป์แก้ต่างว่า สิ่งที่แสดงให้ดูไม่ใช่เอกสาร แต่เป็นสำเนาบทความหนังสือพิมพ์ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกล่าวหาทรัมป์ซึ่งประกาศตัวลงสมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2567 ว่า ละเมิดกฎหมายจารกรรมและกฎหมายอีกหลายฉบับ จากการขนย้ายเอกสารลับขณะออกจากทำเนียบขาวและไม่ส่งมอบเอกสารเหล่านี้ให้แก่สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ทรัมป์ขึ้นศาลที่เมืองไมแอมีเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนรับทราบข้อกล่าวหา 37 ข้อหาที่รัฐบาลกลางฟ้องเขา หลังจากเจ้าหน้าที่สำนักสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ตรวจค้นคฤหาสน์ของเขาที่รัฐฟลอริดาเมื่อเดือนสิงหาคม 2565.-สำนักข่าวไทย

เจ้าหน้าที่หน่วยตำรวจลับซึ่งมีหน้าที่อารักขาประธานาธิบดีสหรัฐควบคุมตัวคนขับรถบรรทุกตู้สินค้าบริษัทยู-ฮอล ในกรุงวอชิงตันของสหรัฐในคืนวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากรถคันดังกล่าวพุ่งเข้าชนแนวกั้นใกล้กับทำเนียบขาว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ จะเปิดทำเนียบขาวต้อนรับประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ในวันที่ 26 เมษายนนี้ ในขณะที่ทั้งสองประเทศกำลังเพิ่มความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

วอชิงตัน 4 มี.ค.- ทำเนียบขาวของสหรัฐแจ้งว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้รับการผ่าตัดเนื้อร้ายที่ผิวหนังออกไปหมดระหว่างการตรวจสุขภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และไม่ต้องรับการรักษาเพิ่มเติมแล้ว น.พ.เควิน โอคอนเนอร์ แพทย์ประจำตัวประธานาธิบดีระบุในบันทึกที่ส่งถึงสื่อมวลชนเมื่อวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐว่า รอยโรคบนหน้าอกของประธานาธิบดีที่เป็นเซลล์มะเร็งถูกผ่าตัดออกไปหมดแล้วเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีด นอกกรุงวอชิงตัน และไม่จำเป็นต้องรับการรักษาเพิ่มเติม นอกจากเฝ้าระวังทางผิวหนังต่อไปในระหว่างการดูแลรักษาสุขภาพ ส่วนเนื้อบริเวณหน้าอกมีการฟื้นตัวอย่างดีนับตั้งแต่มีการตัดตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจ บันทึกระบุด้วยว่า มะเร็งที่พบเป็นชนิดเบเซลเซลล์ (basal cell carcinoma) ซึ่งพบบ่อยที่สุด มักเกิดขึ้นกับผิวหนังส่วนที่สัมผัสแสงแดดอย่างเรื้อรัง การดำเนินโรคค่อนข้างช้าและมีโอกาสแพร่กระจายน้อย ทำเนียบขาวแถลงเมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีไบเดน วัย 80 ปี รับการตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า แข็งแรงดี และพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจประธานาธิบดี เขาเคยรับการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ส่วนนางจิล ไบเดน สตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ วัย 71 ปี เพิ่งรับการผ่าตัดรอยโรคบนผิวหนัง 3 จุดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ โดยพบในภายหลังว่า รอยโรค 2 จุดเป็นมะเร็งชนิดเบเซลเซลล์ ไบเดนและภริยารณรงค์เรื่องการต่อสู้และรักษามะเร็งอย่างแข็งขันมาโดยตลอด นับตั้งแต่นายโบ ไบเดน บุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาคนแรกของไบเดนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมองในปี 2558 ขณะมีอายุ 46 […]

รื้อถอนเต็นท์ที่พักคนไร้บ้านราว 50 หลังในกรุงวอชิงตัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทำเนียบขาว พร้อมเตือนใครฝ่าฝืนจะถูกจับกุม

วอชิงตัน 5 ธ.ค.- ผู้ประท้วงประมาณ 200 คนจุดเทียนและตะโกนเรียกร้องให้ปลดแอกจีนใกล้ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน สนับสนุนการประท้วงในจีนที่ผู้ประท้วงต้องการให้ทางการจีนยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์และเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผู้ประท้วงที่จัตุรัสฟรีดอมพลาซาถือป้ายเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงและพรรคคอมมิวนิสต์จีนสละอำนาจ นอกจากนี้ยังถือกระดาษเปล่าสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของการคัดค้านการตรวจสอบของพรรคคอมมิวนิสต์ ผู้ประท้วงบางคนตะโกนให้ปลดแอกจีนด้วย นักศึกษาชาวจีนคนหนึ่งที่เข้าร่วมการประท้วงเผยว่า ไม่เคยสนใจเรื่องสาธารณะแบบนี้มาก่อนเพราะไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ตอนนี้เธอมาอยู่ในประเทศที่มีเสรีภาพในการแสดงออก จึงจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง และว่านโยบายโควิดของจีนมีความไม่เหมาะสมอย่างมาก ขณะที่ชายคนหนึ่งบอกว่า รู้สึกมีความกล้ามากขึ้น หลังจากที่ได้เห็นความกล้าหาญของคนหนุ่มสาวในจีน จึงอยากแสดงออกให้พวกเขาได้รู้ว่าไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างเดียวดาย การประท้วงในจีนปะทุขึ้นในวันที่ 25 พฤศจิกายน หลังจากเกิดไฟไหม้อพาร์ตเมนต์ในเมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีผู้เสียชีวิต 10 คน และมีเสียงวิจารณ์ว่ามาตรการล็อกดาวน์เพราะโควิดเป็นอุปสรรคต่อการที่คนจะออกมาและนักดับเพลิงจะเข้าไปช่วยเหลือ.-สำนักข่าวไทย