
ยิงมือปืนต้องสงสัยใกล้ทำเนียบขาว
เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีและบุคคลสำคัญของสหรัฐยิงมือปืนต้องสงสัยด้านนอกทำเนียบขาว ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้อยู่ในทำเนียบตอนที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีและบุคคลสำคัญของสหรัฐยิงมือปืนต้องสงสัยด้านนอกทำเนียบขาว ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้อยู่ในทำเนียบตอนที่เกิดเหตุ
วอชิงตัน 9 มี.ค.- กลุ่มผู้ชุมนุมร่วมกันกางธงชาติยูเครนที่อ้างว่า เป็นธงชาติยูเครนผืนใหญ่ที่สุดในโลก ใกล้ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐ เพื่อแสดงความสนับสนุนยูเครนที่ทำสงครามกับรัสเซียมานานกว่า 3 ปี กลุ่มผู้ชุมนุมจัดกิจกรรมเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ร่วมกันตะโกนคำขวัญสนับสนุนยูเครนและตำหนิรัสเซีย ขณะช่วยกันกางธงชาติยูเครนขนาด 172×110 ฟุต หรือราว 52.43×33.53 เมตร และหนัก 150 กิโลกรัม ที่ดิเอลลิปส์ (The Ellipse) ซึ่งเป็นสนามกว้างใกล้ทำเนียบขาว เพื่อแสดงความสนับสนุนยูเครน ผู้ร่วมงานมีทั้งชาวอเมริกัน ชาวยูเครน ชาวโปแลนด์ และชาวยุโรปตะวันออกที่ใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้ระงับการให้ความช่วยเหลือด้านการทหารและการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับยูเครนในสัปดาห์นี้ หลังจากปะทะคารมกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนที่มาพบที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ อีกทั้งยังกล่าวหาผู้นำยูเครนว่า ไม่จริงจังที่จะบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียที่ยึดดินแดนยูเครนไปแล้วร้อยละ 20.-820(814).-สำนักข่าวไทย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววันศุกร์ว่า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ที่เขาปะทะคารมด้วยที่ทำเนียบขาวก่อนหน้านี้ ดูไม่เหมือนผู้ที่ต้องการสันติภาพในยูเครน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะไม่ให้ผู้สื่อข่าวของเอพี (AP) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของสหรัฐ เข้าห้องทำงานรูปไข่ ในทำเนียบขาว
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล จะเดินทางเยือนสหรัฐเพื่อพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ
จิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ เปิดทำเนียบขาวอวดความสวยงามด้านในหลังได้รับการประดับตกแต่งเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเลือกแคโรไลน์ เลวิตต์ ผู้ช่วยในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของเขาให้ดำรวตำแหน่งโฆษกประจำทำเนียบขาว
วอชิงตัน 10 พ.ย.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐเชิญนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐคนใหม่ พบหารือกันที่ทำเนียบขาวในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ โฆษกทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้เชิญนายทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีพบหารือกันที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในเวลา 11.00 น.วันที่ 13 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น โดยจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการพบหารืออีกครั้ง ด้านไบเดนกล่าวกับสื่อสั้น ๆ หลังเสร็จสิ้นการเข้าร่วมพิธีมิสซาขณะไปพักผ่อนที่บ้านพักในรัฐเดลาแวร์เมื่อวันเสาร์ว่า จะพบกับทรัมป์ในวันที่ 13 พฤศจิกายน ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับทรัมป์เมื่อวันพุธ หนึ่งวันหลังการเลือกตั้ง และเชิญทรัมป์เข้าทำเนียบขาว ด้านทรัมป์เผยกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ในวันต่อมาว่า ได้ตกลงกับประธานาธิบดีไบเดนระหว่างสนทนาทางโทรศัพท์ว่า จะรับประทานมื้อเที่ยงด้วยกันในเร็ว ๆ นี้ ซีเอ็นเอ็นระบุว่า เป็นธรรมเนียมปฏิบัติในสหรัฐที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจะเชิญผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเข้าทำเนียบขาว เพื่อให้การถ่ายโอนอำนาจเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ดี เมื่อครั้งที่นายทรัมป์แพ้เลือกตั้งให้แก่นายไบเดนในการเลือกตั้งปี 2563 เขาไม่ได้เชิญนายไบเดนมาพบหารือที่ทำเนียบขาว และไม่ได้เข้าร่วมพิธีสาบานตนของไบเดนเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 ด้วย.-820(814).-สำนักข่าวไทย
ฟลอริดา 8 พ.ย. – นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศวานนี้ว่า “ซูซี ไวลส์” (Susie Wiles)หนึ่งในสองผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของเขา จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารประจำทำเนียบขาว ซึ่งเป็นการผลักดันผู้ที่ช่วยเหลือให้พรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงในรัฐบาล ไวลส์ วัย 67 ปี จะเป็นสตรีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารประจำทำเนียบชาว นายทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์ว่า ไวลส์ เป็นคนแข็งแกร่ง ฉลาด มีความคิดสร้างสรรค์และได้รับการชื่นชมและความเคารพอย่างกว้างขวาง และเขาไม่สงสัยเลยว่า เธอจะทำให้ให้ประเทศนี้ภาคภูมิใจ ไวลส์ เป็นนักยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่อยู่ในรัฐฟลอริดามาอย่างยาวนานเป็นผู้จัดการการหาเสียงเลือกตั้งของนายทรัมป์ร่วมกับคริส ลาซีวิตา นายทรัมป์ กล่าวขอบคุณทั้งสองในระหว่างกล่าวปราศรัยประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว ถือว่าเป็นตำแหน่งหนึ่งที่ทรงอิทธิพลในรัฐบาล เป็นเสมือนแม่บ้านของประธานาธิบดี ดูแลเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว จัดเตรียมเวลาและกำหนดการต่าง ๆ ของประธานาธิบดีและติดต่อกับกระทรวงอื่น ๆ ของรัฐบาลและประสานงานกับสมาชิกรัฐสภา.-813.-สำนักข่าวไทย
ฟลอริดา 7 พ.ย.- ทีมงานหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับนายทรัมป์ หลังคว้าชัยชนะการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ และมีคำเชิญให้นายทรัมป์ไปเยือนทำเนียบขาว นายสตีเวน เชือง โฆษกทีมงานหาเสียงของทรัมป์เผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนเชิญทรัมป์ไปทำเนียบขาวเพื่อเตรียมการถ่ายโอนอำนาจในการบริหารประเทศให้เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งนายทรัมป์ตั้งตาคอยที่จะได้พบปะกัน และได้กล่าวขอบคุณที่นายไบเดนโทรศัพท์มา ด้านประธานาธิบดีไบเดนจะปราศรัยต่อคนทั่วประเทศในเวลา 11.00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำเนียบขาวระบุว่า ไบเดนให้คำมั่นว่าจะทำให้การถ่ายโอนอำนาจระหว่างเขากับนายทรัมป์ซึ่งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมปีหน้าเป็นไปอย่างราบรื่น.-816(814).-สำนักข่าวไทย
วอชิงตัน 4 พ.ย.- ทางการสหรัฐติดตั้งรั้วป้องกันรอบทำเนียบขาวและบ้านพักอย่างเป็นทางการของรองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นเขตเมืองหลวงของสหรัฐเตรียมพร้อมเฝ้าระวังในระดับสูง โดยที่ด้านนอกทำเนียบขาวซึ่งมีรั้วและเครื่องกีดขวางเพื่อรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว มีการนำรั้วมาติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อสร้างเขตป้องกันที่กินพื้นที่กว้างขวางยิ่งขึ้น และมีเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาบุคคสำคัญหรือซีเคร็ตเอเจนต์ประจำการรอบอาคารทำเนียบขาว ส่วนที่บ้านพักอย่างเป็นทางการของรองประธานาธิบดีแฮร์ริสที่อยู่ห่างออกไปกว่า 4 กิโลเมตร มีการติดตั้งรั้วด้านนอกเพื่อรักษาความปลอดภัยเช่นกัน รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้ การหาเสียงในบางเวทีเต็มไปด้วยถ้อยคำที่มีความรุนแรง และมีการยื่นเรื่องฟ้องศาลต่าง ๆ ทั่วประเทศตั้งแต่ยังไม่ถึงวันเลือกตั้งจริง.-814.-สำนักข่าวไทย
วอชิงตัน 3 พ.ย.- สตรีจำนวนมากรวมตัวกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหรัฐเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น แล้วเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบขาว เพื่อเรียกร้องเรื่องสิทธิสตรีก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ตามเวลาท้องถิ่น สตรีจากเมืองต่าง ๆ เดินทางมารวมตัวกันโดยมีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงและความเสมอภาค พร้อมกับโบกธงและถือป้ายระหว่างตะโกนคำขวัญว่า จะไม่ยอมกลับหลัง จนกระทั่งขบวนไปสิ้นสุดที่ทำเนียบขาวช่วงโพล้เพล้ใกล้ค่ำ เดิมผู้จัดการชุมนุมคาดหมายว่า จะมีคนเข้าร่วมประมาณ 5,000 คน แต่ปรากฏว่ามีคนมารวมตัวกันที่ลานฟรีดอมพลาซามากถึง 10,000 คน อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอ้างผลงานการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฎีกาหลายคนที่ทำให้เกิดการพิพากษาในปี 2565 ยกเลิกคำตัดสินคดีระหว่างโรกับเวด (Roe v. Wade) ปี 2516 ที่ระบุว่าการทำแท้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นผลให้การทำแท้งกลายเป็นการตัดสินใจในระดับรัฐ ขณะที่รองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐชูนโยบายคืนสิทธิการทำแท้งให้แก่สตรีอีกครั้ง.-814.-สำนักข่าวไทย