คว่ำบาตร

โตเกียว 8 มี.ค.- สมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่นแนะนำให้เร่งเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้ง หลังจากระงับไปตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะปี 2554 เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนพลังงานหากมีการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย ญี่ปุ่นย้ำมาโดยตลอดว่า หากมีการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียที่นำโดยสหรัฐ ญี่ปุ่นจะร่วมกับกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำหรือจี 7 (G7) ดำเนินการอย่างเหมาะสม จนถึงขณะนี้ญี่ปุ่นยังไม่ได้รับผลกระทบเรื่องปริมาณน้ำมัน อย่างไรก็ดี นายอิตสึโนริ โอโนะเดระ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมและสมาชิกสภาอาวุโสของพรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพี (LDP) ที่เป็นพรรครัฐบาลเผยกับรอยเตอร์ว่า มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวจะมีผลกระทบใหญ่ต่อรัสเซีย และจะมีผลกระทบต่อญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจีอื่น ๆ ต้องผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยปริมาณของรัสเซีย จึงจะทำให้การคว่ำบาตรได้ผล ปัจจุบันรัสเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและแอลเอ็นจีรายใหญ่อันดับ 5 ของญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 5 และ 8 ของที่ญี่ปุ่นนำเข้าตามลำดับ นายโอโนะเดระระบุว่า ทางเลือกที่ดีกว่านี้คือ การเร่งเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้ง และทำความเข้าใจกับประชาชนหลังจากที่มีการรับรองความปลอดภัยแล้ว วิธีนี้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในกรณีที่ญี่ปุ่นขาดแคลนเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างน้ำมันและก๊าซ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จำนวนมากในญี่ปุ่นยังอยู่ระหว่างยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตตามมาตรฐานความปลอดภัยแบบใหม่ที่กำหนดขึ้นหลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่และสึนามิในปี 2554 ที่ทำให้เกิดอุบัติที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ปัจจุบันญี่ปุ่นเดือนเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพียง 6 เครื่อง มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกัน 6,190 เมกะวัตต์ จากที่เคยเดินเครื่องทั้งหมด 54 เครื่อง.-สำนักข่าวไทย

ตำรวจอิตาลียึดวิลล่าหรูและเรือยอชท์ ของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย 4 คน ที่ถูกอียูคว่ำบาตร ตอบโต้รัสเซียบุกโจมตียูเครน มูลค่ารวม 153 ล้านดอลลาร์

สิงคโปร์ประกาศมาตรการคว่ำบาตรธนาคารรัสเซียบางแห่ง และห้ามการส่งออกอุปกรณ์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ทางการทหาร นับเป็นการเคลื่อนไหวของสิงคโปร์ที่แทบไม่เคยคว่ำบาตรประเทศใดมาก่อน

เฮลซิงกิ 4 มี.ค.- ชาวรัสเซียแห่ขึ้นรถไฟไปฟินแลนด์ ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟเข้าสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ที่เหลืออยู่เพียงเส้นทางเดียว และเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก รถไฟจากนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซียพาผู้โดยสารเต็มขบวนเดินทางมาถึงสถานีกรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์ สตรีชาวมอสโกคนหนึ่งเผยว่า การเดินทางในเวลานี้เป็นเรื่องยากมากเพราะทุกอย่างถูกยกเลิกหมด บริษัทรถไฟวีอาร์ของฟินแลนด์ที่ให้บริการรถไฟอัลเลโกร (Allegro) เชื่อมกรุงเฮลซิงกิกับนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กร่วมกับการรถไฟรัสเซียเผยว่า เส้นทางสายนี้มีคนจองเต็มไปอีกหลายวัน ให้บริการวันละ 2 เที่ยว ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 30 นาที ยอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นพรวดพราดตั้งแต่วันเสาร์ หลังจากรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนได้ 2 วัน ผู้โดยสารมาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่เพื่อเดินทางต่อไปยังที่อื่น ด้านการรถไฟรัสเซียกำหนดเงื่อนไขว่า ผู้โดยสารจะต้องเป็นพลเรือนรัสเซียหรือฟินแลนด์เท่านั้น และต้องแสดงการตรวจลงตราหนังสือเดินทางหรือวีซ่า รวมถึงใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ขนานที่อียูให้การรับรอง ไม่ใช่วัคซีนสปุตนิกที่ฉีดอย่างแพร่หลายในรัสเซีย.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 4 มี.ค. – สหรัฐประกาศคว่ำบาตรผู้มีอำนาจ มหาเศรษฐี และเจ้าหน้าที่ของรัสเซียที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย จำนวน 8 คน เพื่อสร้างแรงกดดันทางการเงินจากกรณีที่รัสเซียนำกองทหารบุกโจมตียูเครน สหรัฐประกาศคว่ำบาตรผู้มีอำนาจ มหาเศรษฐี และเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย จำนวน 8 คน โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มมหาเศรษฐีและผู้มีอำนาจทางการเมืองที่มีความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีปูติน นายอาลิเชอร์ อุสมานอฟ มหาเศรษฐีชาวรัสเซียผู้ก่อตั้งบริษัทเหมืองแร่ ‘เมทัลโลอินเวสต์’ (Metalloinvest) ของรัสเซีย เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตรในครั้งนี้ โดยทำเนียบขาวสหรัฐระบุว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีปูติน มาตรการดังกล่าวของสหรัฐจะทำให้นายอุสมานอฟถูกอายัดทรัพย์สินทั้งหมดในสหรัฐ เช่น เรือยอชต์สุดหรูที่เพิ่งถูกเยอรมนียึดและเครื่องบินส่วนตัว นอกจากนายอุสมานอฟแล้ว ยังมีบุคคลรายอื่น ๆ ที่ถูกคว่ำบาตร เช่น นายนิโคไล โตคาเรฟ ผู้บริหารระดับสูงของทรานสเน็ฟต์ (Transneft) บริษัทท่อขนส่งน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก นายบอริสและนายอาร์คาดี โรเตนเบิร์ก สองมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย นายอิกอร์ ชูวาลอฟ นักการเมืองรัสเซียและอดีตรองนายกรัฐมนตรีรัสเซียในรัฐบาลประธานาธิบดีปูติน นายดมิตทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย และนายเยฟเกนี พริโกชิน นักธุรกิจชาวรัสเซีย เจน ซากี […]

วอชิงตัน 3 มี.ค.- ทำเนียบขาวสหรัฐเผยว่า อาจตัดสินใจคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียหากรัสเซียยังเดินหน้ารุกรานยูเครน แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ เพราะไม่อยากให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงในช่วงที่น้ำมันแพงแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี เจน ซากี โฆษกหญิงของทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอ็มเอสเอ็นบีซี (MSNBC) เมื่อวันพุธตามเวลาสหรัฐว่า รัฐบาลสหรัฐอาจคว่ำบาตรน้ำมันส่งออกของรัสเซียหากรัสเซียยังเดินหน้ารุกรานยูเครน เรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาแล้วแต่จะต้องคำนึงถึงผลกระทบทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น และว่าสหรัฐและพันธมิตรตกลงปล่อยน้ำมันสำรอง 60 ล้านบาร์เรลออกสู่ตลาดเพื่อลดผลกระทบเรื่องปริมาณและราคาน้ำมัน ต่อมาคารีน จีน-ปิแอร์ รองโฆษกหญิงประจำทำเนียบขาวแถลงว่า รัฐบาลยังไม่คิดเรื่องทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลง เพราะจะทำให้ราคาน้ำมันตามสถานีบริการในสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นด้วย นายภารัต รามามูร์ติ รองผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคเผยกับเอ็มเอสเอ็นบีซีว่า ทำเนียบขาวยังไม่ต้องการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เพราะการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซของรัสเซียในเวลานี้จะกระทบต่อผู้บริโภคในสหรัฐ และจะทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซในตลาดโลกปรับสูงขึ้น เท่ากับทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของรัสเซียมีกำไรมากยิ่งขึ้นไปอีก ด้านนายดาลีบ ซิงห์ รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า รัฐบาลกำลังหาทางลดปริมาณการใช้น้ำมันรัสเซีย ควบคู่ไปกับการประคองปริมาณน้ำมันในตลาดโลก เพราะสามารถนำเข้าน้ำมันจากแหล่งอื่นมาทดแทนได้ ด้าน สว.โจ แมนชิน พรรคเดโมแครต และ สว.ลิซา เมอร์เคาสกี พรรครีพับลิกัน ในคณะกรรมาธิการพลังงานในวุฒิสภาสหรัฐกำลังร่างกฎหมายห้ามนำเข้าน้ำมันดิบ เชื้อเพลิงเหลว และก๊าซธรรมชาติเหลวจากรัสเซีย หวังเพิ่มการกดดันรัสเซียหลังจากสหรัฐคว่ำบาตรโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียและห้ามการส่งออกเทคโนโลยีเฉพาะที่จะนำไปใช้ปรับปรุงโรงกลั่นเหล่านั้นแล้ว ปีที่แล้วสหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันจากรัสเซียเดือนละไม่ต่ำกว่า 20.4 ล้านบาร์เรล และเชื้อเพลิงเหลวร้อยละ 8.-สำนักข่าวไทย

มอสโก 2 มี.ค.- สเบอร์แบงก์ (Sberbank) ธนาคารใหญ่ที่สุดของรัสเซียประกาศถอนตัวจากตลาดยุโรปเกือบทุกแห่งแล้ว เนื่องจากเงินสดไหลออกจำนวนมาก ประกอบกับพนักงานและตัวสำนักงานสาขาอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย หลังจากรัสเซียถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรเพราะรุกรานยูเครน สเบอร์แบงก์เป็นธนาคารรัฐของรัสเซีย ตั้งขึ้นในปี 2534 โดยปรับโครงสร้างมาจากธนาคารออมทรัพย์แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย ธนาคารออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า ไม่สามารถจัดหาสภาพคล่องให้แก่สาขาในยุโรปได้อีกต่อไปตามคำสั่งของธนาคารกลางรัสเซีย แต่ยังคงมีปริมาณเงินทุนและคุณภาพสินทรัพย์มากเพียงพอที่จะชำระคืนผู้ฝากเงินทุกคน สถานการณ์ขณะนี้ทำให้ธนาคารตัดสินใจถอนตัวจากตลาดยุโรป เพราะสาขาของธนาคารกำลังประสบปัญหาเงินสดไหลออกอย่างผิดปกติ ขณะที่พนักงานและตัวสาขาเองก็ตกอยู่ในอันตราย อย่างไรก็ดี สาขาสเบอร์แบงก์ในสวิตเซอร์แลนด์ยังคงดำเนินงานตามปกติ สเบอร์แบงก์มีสินทรัพย์สุทธิในยุโรปทั้งหมด 13,000 ล้านยูโร (ราว 470,390 ล้านบาท) นับจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ส่วนเมื่อปีที่แล้วมีกำไรสุทธิต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 64 เป็น 1.25 ล้านล้านรูเบิล (ราว 367,740 ล้านบาท) มีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นร้อยละ 24.2 และมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 1.8 ล้านล้านรูเบิล (ราว 525,225 ล้านบาท).-สำนักข่าวไทย