ความสัมพันธ์

ซิดนีย์ 24 พ.ค.- รองนายกรัฐมนตรีริชาร์ด มาร์เลสของออสเตรเลียเผยว่า ความสัมพันธ์ของออสเตรเลียกับจีนยังคงเป็นเรื่องท้าทาย หลังจากมีข่าวว่านายกรัฐมนตรีจีนได้ส่งสารแสดงความยินดีกับรัฐบาลใหม่ออสเตรเลีย นายมาร์เลสให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอบีซีในวันนี้ว่า ในฐานะที่เป็นชาวออสเตรเลียคนหนึ่งเขาเข้าใจดีว่าความสัมพันธ์กับจีนมีความซับซ้อน แต่ขณะนี้จีนกำลังหาทางปรับเปลี่ยนโลกรอบตัวจีนให้เป็นไปในทิศทางที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งหมดทั้งมวลทำให้หนทางข้างหน้าค่อนข้างมีความท้าทาย ส่วนเรื่องที่สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนได้ส่งสารแสดงความยินดีกับนายแอนโทนี อัลบานีส หัวหน้าพรรคแรงงานที่ชนะเลือกตั้งและนำคณะรัฐมนตรีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์นั้น นายมาร์เลสตอบว่า ไม่ทราบว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น ด้านนายอัลบานีส นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของออสเตรเลียกล่าวก่อนออกเดินทางไปร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มภาคี 4 ฝ่าย หรือ ควอด (Quad) กับสหรัฐ ญี่ปุ่นและอินเดียที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นว่า ความสัมพันธ์กับจีนยังคงเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยาก ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีนที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดเสื่อมถอยลง เนื่องจากมีความขัดแย้งกันหลายเรื่อง ตั้งแต่การค้า ต้นตอเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไปจนถึงเรื่องที่ออสเตรเลียกล่าวหาจีนว่าแทรกแซงการเมืองออสเตรเลีย ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตเย็นชามาร่วม 2 ปี ในสมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน พรรคเสรีนิยมที่พ่ายการเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กล่าววานนี้ว่า การประชุมสุดยอดครั้งแรกที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐ กับผู้นำชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน เป็นหมุดหมายในการเริ่มต้นยุคใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับ 10 ชาติอาเซียน

นายฮวง ซีเหลียน ทูตจีนประจำกรุงมะนิลากล่าววันนี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนจะมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลว่าที่ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์

นายโยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าววันนี้หลังจากได้พบกับประธานาธิบดีดียุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ที่เพิ่งเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เห็นพ้องที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ดียิ่งขึ้น

โซล 22 เม.ย. – ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ แลกเปลี่ยนสารกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ก่อนจะอำลาตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม หลังจากพยายามเยียวยาความสัมพันธ์สองเกาหลี แต่ไม่สามารถสำเร็จลุล่วงได้ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยืนยันระหว่างการแถลงข่าวว่า ประธานาธิบดีได้แลกเปลี่ยนสารแห่งมิตรภาพกับผู้นำเกาหลีเหนือ เนื้อความระบุว่า ควรใช้การเจรจาเอาชนะยุคแห่งการเผชิญหน้า หลังจากนี้การติดต่อระหว่างสองเกาหลีจะเป็นภารกิจของรัฐบาลเกาหลีใต้ชุดใหม่ และหวังว่าการเจรจาปลดนิวเคลียร์สหรัฐ-เกาหลีเหนือจะได้รับการรื้อฟื้นโดยทันที ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลีหรือเคซีเอ็นเอ (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า ประธานาธิบดีมุนส่งสารมาเมื่อวันพุธ และรับปากว่าจะพยายามวางรากฐานเพื่อการรวมชาติ โดยตั้งอยู่บนปฏิญญาร่วมที่บรรลุในการประชุมสุดยอดกับผู้นำเกาหลีเหนือ 3 ครั้งในปี 2561 แม้ว่าสถานการณ์มีความยากเย็นก็ตาม ส่วนผู้นำเกาหลีเหนือส่งสารตอบกลับเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ของทั้งคู่ทำให้ประชาชนมีความหวังสำหรับอนาคต ขอชื่นชมนายมุนที่เพียรพยายามเพื่อจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ของประเทศจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง เคซีเอ็นเอระบุด้วยว่า การแลกเปลี่ยนสารนี้ถือเป็นการแสดงออกถึงความไว้วางใจกันอย่างลึกซึ้ง ความสัมพันธ์ของสองเกาหลีเริ่มเสื่อมถอยลง หลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างนายคิม จอง-อึนกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐในขณะนั้นไร้ผลในปี 2562 เกาหลีเหนือกลับมาทดลองขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปอีกครั้งเมื่อเดือนก่อน ฉีกประกาศพักการทดลองที่ประกาศเองเมื่อปี 2560 ด้านว่าที่ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอลของเกาหลีใต้ที่จะรับตำแหน่งในวันที่ 10 พฤษภาคมเคยเผยว่า เปิดรับการเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่จำเป็นต้องเพิ่มการป้องกันทางกลาโหมและกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐเพื่อต่อต้านการยั่วยุของเกาหลีเหนือ.-สำนักข่าวไทย

มอสโก 14 ก.พ.- รัฐบาลรัสเซียระบุว่า ความสัมพันธ์กับสหรัฐยังคง “ตกต่ำ” แม้ผู้นำสองประเทศเจรจากันเมื่อไม่กี่วันก่อน ขณะเดียวกันรัสเซียกำลังซ้อมรบครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเรียโนวอสตีว่า มีช่องทางเจรจาอยู่บ้าง หนึ่งในนั้นคือการที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐสนทนาทางโทรศัพท์กันเมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลายปีมานี้ไม่มีการเจรจากันเลย และไม่มีการติดต่อใด ๆ เลย แต่น่าเสียดายว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีในด้านอื่น ๆ เหลือล้วนแต่เป็นเรื่องไม่ดี และอยู่ในจุดที่ตกต่ำจริง ๆ สหรัฐอ้างเมื่อวานนี้ว่า รัสเซียอาจรุกรานยูเครนได้ทุกเมื่อ และอาจหาข้ออ้างเพื่อโจมตียูเครน ขณะที่รัสเซียยืนกรานมาตลอดว่า การระดมกำลังพลกว่า 100,000 นายใกล้พรมแดนยูเครน ไม่ใช่การเตรียมรุกราน และกล่าวหาตะวันตกว่าเป็นโรคหวาดผวา ล่าสุดกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงวันนี้ว่า กำลังซ้อมรบร่วมกับเบลาลุสที่อยู่ทางเหนือของยูเครน ด้วยการให้ฝูงบินขับไล่ซูคอย ซู-30 ร่วมกันลาดตระเวนบริเวณพรมแดนสองประเทศ ส่วนฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงและโจมตีมากกว่า 30 ลำกำลังซ้อมรบทางยุทธวิธีอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ขณะที่กองเรือมากกว่า 30 ลำเริ่มการซ้อมรบใกล้คาบสมุทรไครเมียตั้งแต่วันเสาร์ และจะส่งกองเรือติดขีปนาวุธไปยังทะเลดำและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูไบ 30 ม.ค.- ประธานาธิบดีอิซฮาก เฮอร์โซก ของอิสราเอลเดินทางถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี (UAE) แล้วในวันนี้ นับเป็นประมุขคนแรกของอิสราเอลที่เยือนยูเออี หลังจากทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ในระดับปกติ ประธานาธิบดีเฮอร์โซก วัย 61 ปี เป็นประมุขอิสราเอลคนแรกที่เยือนยูเออี หลังจากทั้งสองสถาปนาความสัมพันธ์ในระดับปกติเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 เขาได้รับเลือกตั้งจากสภานิติบัญญัติอิสราเอลในเดือนมิถุนายน 2564 และสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ทำเนียบประธานาธิบดีแถลงว่า เขาจะเข้าเฝ้าเชค มูฮัมเหม็ด บิน ซายอิด อัลนาห์ยาน มกุฎราชกุมาร พบปะคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเออี รวมทั้งชุมชนชาวยิวที่มีจำนวนน้อยแต่เริ่มเติบโตมากขึ้น และไปเยี่ยมชมเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ในนครดูไบที่อิสราเอลเปิดพาวิลเลียนด้วย ส่วนนายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ของอิสราเอล ซึ่งมีอำนาจบริหารประเทศมากกว่าประธานาธิบดีตามระบอบรัฐสภาอิสราเอลได้ไปเยือนยูเออีอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเดือนก่อน ยูเออีเป็นประเทศอาหรับประเทศที่ 3 ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล ต่อจากอียิปต์ในปี 2522 และจอร์แดนในปี 2537 และเป็นประเทศริมอ่าวเปอร์เซียประเทศแรกที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล การกระชับความสัมพันธ์นี้มีขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางกำลังตึงเครียด เนื่องจากสงครามเยเมนที่ดำเนินมานาน 7 ปี ได้ขยายวงมาถึงยูเออีเป็นครั้งแรก เมื่อกลุ่มกบฏฮูธีที่ยึดกรุงซานาของเยเมนอ้างว่า โจมตียูเออีหลายครั้งในเดือนนี้ ขณะสู้รบกับกองกำลังพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบีย.-สำนักข่าวไทย

ซิโอมารา คาสโตร ว่าที่ประธานาธิบดีหญิงคนใหม่ของฮอนดูรัส กล่าวในวันพุธหลังจากพบกับรองประธานาธิบดีวิลเลียม ไล ของไต้หวัน ที่อยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนฮอนดูรัสว่า ประเทศฮอนดูรัส ขอบคุณที่ไต้หวันได้ให้การสนับสนุน

ไต้หวันจะให้การต้อนรับคณะสมาชิกรัฐสภาลิทัวเนียที่จะเดินทางมาเยือนในสัปดาห์หน้า หลังจากลิทัวเนียถูกจีนลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต เพราะให้ไต้หวันเปิดสำนักงานตัวแทนโดยใช้ชื่อไต้หวัน

ปักกิ่ง 21 พ.ย.- สถานีโทรทัศน์ทางการจีนรายงานว่า จีนได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับลิทัวเนีย หลังจากลิทัวเนียให้ไต้หวันเปิดสำนักงานการค้าในชื่อ “ไต้หวัน” แทน “จีนไทเป” ซึ่งเป็นคำที่ประเทศอื่น ๆ ใช้เพื่อเลี่ยงการทำให้จีนไม่พอใจ ผู้ประกาศของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี (CCTV) รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า วันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมารัฐบาลลิทัวเนียเห็นชอบให้ทางการไต้หวันเปิดสำนักงานตัวแทนไต้หวันในลิทัวเนีย โดยไม่ใส่ใจการคัดค้านอย่างแข็งขันและการยื่นหนังสือท้วงติงหลายครั้ง การกระทำเช่นนี้ก่อให้เกิด 1 จีน 1 ไต้หวันบนเวทีโลก และละทิ้งคำมั่นทางการเมืองของรัฐบาลลิทัวเนียตามแถลงการณ์เรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เป็นการสั่นคลอนอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของจีน อีกทั้งยังเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนร้ายแรง ผู้ประกาศอ่านต่อว่า รัฐบาลจีนขอประท้วงอย่างยิ่ง คัดค้านอย่างแข็งขัน และตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับลิทัวเนียลงเหลือระดับอุปทูตเท่านั้น รัฐบาลลิทัวเนียจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด จีนขอเรียกร้องให้ลิทัวเนียเร่งแก้ไขความผิดพลาดโดยทันที และอย่าได้ดูเบาความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ความแน่วแน่ และความสามารถของชาวจีนในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดน ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานว่า ก่อนหน้านี้จีนได้ขับเอกอัครราชทูตลิทัวเนียประจำจีน และเรียกเอกอัครราชทูตจีนประจำลิทัวเนียกลับประเทศ.-สำนักข่าวไทย