ชัวร์ก่อนแชร์ : เปิดไทม์ไลน์ข่าวปลอม “ไทยกำลังเข้าสู่การแพร่ระบาดโควิด-19 เฟส 3”

30 มีนาคม 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์


ตามที่มีการแชร์ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า “ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เฟส 3” พร้อมระบุรายชื่อสถานที่ที่ไม่ควรเดินทางไปนั้น เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวแล้วพบว่า “ไม่เป็นความจริง”

บทสรุป : ไม่เป็นความจริง เป็นประเด็นเก่าที่มีการแชร์ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ในปี 2563 ที่ผ่านมา และถูกนำกลับมาแชร์ซ้ำอีกครั้ง

ไทม์ไลน์

·      26 ก.พ. 63 เริ่มพบต้นตอการแชร์ข้อมูล “ด่วน สาธารณสุขประกาศฉุกเฉิน…”
·      24 ก.พ. 63 สธ. แถลงข่าวพร้อมรับมือหากเกิดการระบาดในระยะ 3
·      12 มี.ค. 63 สธ.แถลงพบผู้ป่วยโควิดเป็นกลุ่มก้อน 11 ราย
·      13 มี.ค. 63 พบการแชร์ 30 พื้นที่เสี่ยง ที่ผู้ป่วยกลุ่มก้อน 11 ราย เดินทางไป
·      6 ก.ย. 63 ข้อความประเทศไทยเข้าสู่เฟส 3 ถูกแชร์อีกครั้ง แต่เพิ่มพื้นที่เสี่ยงเข้ามา
·      3 ก.ย. 63 สธ.แถลงข่าวพบผู้ต้องขังติดโควิดรายแรกในรอบ 100 วัน
·      ข้อความที่ถูกแชร์รวมข้อมูลวันที่ 26 ก.พ.63 และ 13 มี.ค.63 เข้าด้วยกัน
·      11 ม.ค. 64 ข้อมูลเท็จวนกลับมาแชร์ซ้ำรอบที่ 3
·      25 มี.ค. 64 กรมควบคุมโรคยืนยันประเทศไทยยังไม่เข้าสู่เฟส 3 ขออย่าเชื่อข้อมูลเท็จ


ข้อความที่ถูกแชร์

ด่วน!!!  สาธารณสุขประกาศฉุกเฉิน ตั้งใจฟังให้ดี ประเทศไทยกำลังเข้าเฟส 3 เฝ้าระวังผู้ป่วยเป็นพัน งดเข้าที่ชุมชนแออัด ใส่หน้ากากป้องกันตนเองดีที่สุด // แถลงการณ์ทุกช่องละ ตอนนี้

ศรีนครินทร์ ฉะเชิงเทรา บิ๊กซีพระรามสี่ เซ็นทรัลพระรามสาม ตลาดนัดจตุจักร สะพานขาว เดอะมอลล์บางกะปิ ระยอง จันทบุรี รังสิต สระบุรี ปากช่อง สมุย เซ็นทรัลอิสวิว สยามพารากอนสยามเซ็นเตอร์พระรามเก้า ปิ่นเกล้า เหม่งจ๋าย อารีย์ พาหุรัด เยาวราช ทาวน์อินทาวน์ Show DC สำเพ็ง ราชวิถี วัดราชกุญชรซอยลาซาล สุขุมวิท เอกมัย ทองหล่อ Big c เอกมัย BTS เอกมัย เพลินจิต ชิดลม  ทองหล่อ เป็นพื้นที่สีแดงแล้วนะ ระวังด้วยค่ะ


สืบหาต้นตอ

เปิดต้นตอการแชร์ เริ่มพบ 26 ก.พ. 63!

ข้อความการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอก 3 พบในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 โดยเริ่มจากการส่งต่อข้อความสั้นๆ ผ่านสื่อโซเซียลมีเดีย “ด่วน สาธารณสุขประกาศฉุกเฉิน ตั้งใจฟังให้ดี ประเทศไทยกำลังเข้าเฟส 3 เฝ้าระวังผู้ป่วยเป็นพัน งดเข้าที่ชุมชนแออัด ใส่หน้ากากป้องกันตนเองดีที่สุด” พร้อมคลิปวิดีโอการแถลงข่าว ณ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข

24 ก.พ. 63 สธ. แถลงพร้อมรับมือหากเกิดการระบาดในระยะ 3

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบความเชื่อมโยงแล้วพบว่า ก่อนวันที่จะมีการแชร์ข้อมูลว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่เฟส 3 นั้น ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวความคืบหน้าของสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 โดยในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวในนาทีที่ 11.52 มีการระบุว่า “…..ระยะต่อไปหลังจากนี้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมต่างๆ จะเป็นตัวกำหนดของการแพร่ระบาดในระยะต่อไปหรือระยะที่เราเรียกว่าระยะที่ 3 ก็จะมีการชี้แจงเข้าไปทุกหน่วย…..”

สาธารณสุขย้ำไม่ใช่การแพร่ระบาดในรอบที่ 3

จากนั้นในนาทีที่ 25.53 ของคลิปวิดีโอมีการสอบถามเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิดในระยะที่ 3 ว่า “…..รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข อาจมีการประกาศให้เป็นระยะ 3 ที่นี้ว่าการระบาดระยะ 3 มันจะใช่หรือป่าว เพราะเรายังยืนยันอยู่ที่ระยะ 2 แล้วถ้าระยะ 3 มันจะก่อให้เกิดการแพนิคหรือไม่….”

จากนั้นนายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงทันทีภายหลังมีการสอบว่า ในช่วงบ่ายวันนี้( 24 ก.พ.63) จะมีประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน และคณะกรรมการอีก 30 ท่าน ขอนำเรียนว่าวาระสำคัญวาระหนึ่งก็คือพิจารณาการประกาศโรคติดต่ออันตราย ส่วนประเด็นพิจารณาประกาศระยะ 3 ไม่ได้อยู่ในวาระ อย่างไรก็ตามการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยอยู่ในเชิงรุกตลอด แม้ตอนนี้เราจะอยู่ในระยะ 2 ต้นๆ แต่เราทำงานในเชิงรุกตลอด ซึ่งหมายความว่า เราจะมีการเตรียมแผนเพื่อรับมือไว้ในระยะ 3 อยู่แล้ว

ตัวคลิปวิดีโอไม่ระบุวันที่ชัดเจน เป็นบ่อเกิดของความเข้าใจที่คาดเคลื่อน

ข้อความดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนสับสน เกิดความตื่นตระหนก และเข้าใจว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยได้เข้าสู่การแพร่ระบาดของโรคในระลอก 3 แล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะบริบทของการแถลงข่าวในวันดังกล่าว เป็นเพียงการชี้แจงการเตรียมความพร้อมเพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดในระยะที่ 3 ไม่ได้เป็นการแถลงข่าวว่าประเทศไทยเข้าสู่การแพร่ระบาดในรอบที่ 3 อีกทั้งคลิปวิดีโอที่มีการแถลงข่าว ไม่ได้มีภาพหรือข้อความที่แสดงถึงวันที่ เดือน ปี ในการแถลงข่าว ดังนั้นเมื่อมีการส่งต่อคลิปวิดีโอ อาจทำให้ผู้รับสารเข้าใจว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงวันเวลาที่ได้รับคลิปวิดีโอในช่วงเวลานั้นๆ 

12 มี.ค. 63 สธ.แถลงพบผู้ป่วยโควิดเป็นกลุ่มก้อน 11 ราย

วันที่ 12 มีนาคม 2563 นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ในวันนี้(12 มี.ค.63) มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้ 1 ราย เป็นหญิงอายุ 62 ปี รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร และพบผู้ป่วยยืนยันเป็นกลุ่มก้อน 11 ราย อายุ 25 – 38 ปี เป็นคนไทยทั้งหมด ซึ่งเป็นการค้นพบจากการขยายการคัดกรองการป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน

13 มี.ค. 63 พบการแชร์ 30 พื้นที่เสี่ยง ที่ผู้ป่วยกลุ่มก้อน 11 ราย เดินทางไป

ภายหลังการแถลงข้อมูลการพบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นกลุ่มก้อน 11 ราย ประชาชนได้ส่งข้อมูลเข้ามาสอบถามกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ในวันที่ 13 มีนาคม 2563 ถึงการแชร์ข้อความ 30 สถานที่ ที่ผู้ป่วยกลุ่มก้อน 11 ราย ได้เดินทางไป โดยเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุข ออกมาชี้แจงว่า เรื่องพื้นที่เสี่ยงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่หลักๆ เราควรปรับพฤติกรรมในการหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัย สิ่งสำคัญคือการล้างมือให้สะอาด และไม่ไปสัมผัสบริเวณใบหน้าและดวงตา

6 ก.ย. 63 ข้อความประเทศไทยเข้าสู่เฟส 3 วนกลับมาแชร์ซ้ำอีกครั้ง แต่เพิ่มพื้นที่เสี่ยงเข้ามา

จากนั้นในวันที่ 6 กันยายน 2563 ข้อมูลที่ระบุว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่เฟส 3 ได้ถูกนำมาเผยแพร่อีกครั้ง ผ่านผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก
รายหนึ่ง แต่ได้มีการเพิ่มเติมสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาด้วย โดยเฟซบุ๊กดังกล่าวมีผู้ติดตามมากกว่า 4,105 คน และมีการแชร์ข้อมูลต่อไปอีก 11 ครั้ง ซึ่งหลังจากที่มีการแชร์ข้อมูลดังกล่าวออกมา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ผลิตอินโฟรกราฟิกออกมาชี้แจงภายในวันเดียวกัน(6 กันยายน 2563) ว่า เป็นข่าวปลอม

3 ก.ย. 63 สธ.แถลงข่าวพบผู้ต้องขังติดโควิดรายแรกในรอบ 100 วัน

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบ แล้วพบว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าว กรณีพบผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรก ในรอบ 100 วัน ที่ไม่มีรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศ เป็นผู้ต้องขังใหม่ อยู่ในทัณฑสถานบําบัดพิเศษกลาง เข้ามาในเรือนจำวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ไม่แสดงอาการใดๆ แต่ตรวจพบว่าติดโควิด-19 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 ซึ่งในห้องมีผู้ต้องขังอื่นร่วมด้วย 30 คน

 “กรณีนี้เป็นการตรวจพบผู้ต้องขังที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการกักกันก่อนที่จะเข้าสู่แดนปกติของทัณฑสถาน รายนี้เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ หลังจากที่ผ่านมา 100 วัน ไม่มีรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อในประเทศ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการสอบสวนโรค ซึ่งพบว่ามีผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ” นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในช่วงการแถลงข่าวพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรก ในรอบ 100 วัน ที่ไม่มีรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ

ข้อความที่พบในวันที่ 6 ก.ย.63 เป็นการรวมข้อความของวันที่ 26 ก.พ.63 และ 13 มี.ค.63 เข้าด้วยกัน

การแถลงข่าวครั้งนี้ของกระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นการแถลงข่าวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายน 2563 เนื่องจากเป็นการพบผู้ป่วยรายแรก ในรอบ 100 วัน ที่ไม่มีรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศ และจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ข้อความที่พบในวันที่ 6 กันยายน 2563 เป็นการนำข้อมูลข่าวปลอมที่พบในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 และ ข้อมูลเท็จที่พบในวันที่ 13 มีนาคม 2563 มารวมกัน

11 ม.ค. 64 ข้อมูลเก่าวนกลับมาแชร์ซ้ำรอบที่ 3

ล่าสุด การแชร์ข้อความว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่เฟส 3 ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้วนกลับมาแชร์ซ้ำอีกครั้ง โดยมีประชาชนส่งข้อมูลดังกล่าวมาสอบถามกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ว่าเป็นความจริงหรือไม่ และมีการส่งต่อข้อมูลดังกล่าวเข้ามาสอบถามกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์มากขึ้นเรื่อยๆ และสอบถามข้อมูลเข้ามาอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2564  

25 มี.ค. 64 กรมควบคุมโรคยืนยันประเทศไทยยังไม่เข้าสู่เฟส 3 ขออย่าเชื่อข้อมูลเท็จ

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์จึงได้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา และพบว่า “ไม่เป็นความจริง”  โดยกรมควบคุมโรคได้ขอความร่วมมืออย่าหลงเชื่อข่าวปลอมดังกล่าว และขอให้ติดตามสถานการณ์การประกาศจากช่องทางหลักของกรมฯ

อย่างไรก็ตามการแชร์ข่าวปลอมข้อมูลเท็จในครั้งนี้ อาจเริ่มมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นกับ Cluster ที่ จ.สมุทรสาคร ในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา และพบตัวเลขผู้ป่วยระดับนิวไฮ ของ Cluster ที่ จ.สมุทรสาครเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา รวมถึงการติดเชื้อโควิด-19 ของดีเจดังในช่วงกลางเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่การระบาดในเฟส 3 แล้วหรือไม่

บทสรุป : ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่การระบาดใหญ่รอบที่ 3 มักพบข้อมูลเท็จภายหลังการแถลงข่าวใหญ่จากทางการ

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงการแชร์ข้อความว่า “ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เฟส 3” นั้น ไม่เป็นความจริง และ มีจุดสังเกตว่า ทุกครั้งที่มีการแถลงข่าวจากทางราชการเมื่อพบสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งสำคัญ หรือพบการระบาดใหญ่ในกลุ่มคนหมู่มาก มักจะมีข่าวปลอม ข้อมูลเท็จเผยแพร่ตามมาในภายหลัง ซึ่งอาจจะเป็นการตื่นตระหนก หรือฟังสารไม่ครบถ้วน แล้วเกิดการส่งต่อข้อมูลข่าวสารที่คาดเคลื่อน นำมาสู่การแชร์ข่าวปลอม ข้อมูลเท็จโดยไม่ตั้งใจ หรืออาจจะมีขบวนการเผยแพร่ข่าวปลอมเพื่อหวังให้เกิดอะไรบางอย่างขึ้นในสังคมก็เป็นอีกเรื่องที่น่าคิด

ข้อมูลอ้างอิง

1.[Live] แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
https://www.facebook.com/127034180656279/videos/220092839168989
2.ด่วน!!!  สาธารณสุขประกาศฉุกเฉิน ตั้งใจฟังให้ดี
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3339534396272186&id=100006469767348
3.กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1475254409327440&id=470988516420706
4. แถลงข่าววันที่ 3 กันยายน 2563 กรณีผู้ต้องขังติดโควิด
https://www.facebook.com/470988516420706/videos/329252695155021
5.ข่าวปลอม อย่าหลงเชื่อ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1635436189975927&id=470988516420706
6. [Live] การแถลงข่าวจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด19 หรือ ศบค.ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลวันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/239551237663208
7.รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2563
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/27100
8.กรมควบคุมโรค ชี้แจงกรณีมีการแชร์ข่าว“สธ.ประกาศฉุกเฉิน และประเทศไทยกำลังเข้าสู่เฟส 3” ไม่เป็นความจริง ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1635603739959172&id=470988516420706

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย