ชัวร์ก่อนแชร์: ดื่มนมบ่อยทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน จริงหรือ?

13 มิถุนายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีคลิปวิดีโอข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในหลายประเทศ โดยอ้างว่าการดื่มนมไม่มีประโยชน์ต่อความแข็งแรงของกระดูก เนื่องจากความเป็นกรดของนมจะไปดึงแคลเซียมออกมาจากกระดูก นำไปสู่โรคกระดูกพรุน การรับโปรตีนจากนมวัวในปริมาณมาก ยังกระตุ้นการขับแคลเซียมทางปัสสาวะ และอ้างว่าประชากรป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน ส่วนใหญ่จะมาจากชาติตะวันตกที่นิยมการดื่มนมวัว


บทสรุป :

  1. เป็นข้ออ้างจากหมอที่ถูกห้ามรักษาในออสเตรเลียเพราะเผยแพร่ข้อมูลเท็จ
  2. ความเป็นกรดในนมจะหายไปจากกระบวนการย่อยอาหาร
  3. แคลเซียมจากการดื่มนม ป้องกันการไม่ให้ร่างกายดึงแคลเซียมจากกระดูก ลดโอกาสโรคกระดูกพรุน
  4. ชาติตะวันตกที่นิยมดื่มนมแต่ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนบ่อย มาจากหลายปัจจัย ทั้งสังคมผู้สูงอายุและการขาดวิตามินดีจากแสงแดด เป้นต้น

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ข้ออ้างจากหมอที่ถูกห้ามรักษา


เจ้าของข้อความกล่าวอ้างที่แชร์ทางออนไลน์ คือ บาร์บารา โอนีล นักธรรมชาติบำบัดชาวออสเตรเลีย ที่ถูกสั่งห้ามรักษาผู้ป่วยในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลียเป็นการถาวรตั้งแต่ปี 2019 จากข้อหาเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางการแพทย์โดยไม่มีหลักฐานซึ่งเป็นภัยต่อสุขภาพประชาชน

แคลเซียมในนมวัวและร่างกายมนุษย์

โครงสร้างหลักของนมวัวมีน้ำเป็นส่วนประกอบ 87% โดย 13% ที่เหลือได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ได้แก่ แคลเซียม และ ฟอสฟอรัส

โดยน้ำนม 1 ลิตรมีโปรตีน 35 กรัม และปริมาณแคลเซียม 1,200 มิลลิกรัม

มนุษย์มีปริมาณแคลเซียมในร่างกายประมาณ 920-1,200 กรัม โดย 99% อยู่ที่กระดูกและฟัน มีสัดส่วนคิดเป็น 1.5% ของน้ำหนักตัว

ข้อมูลจาก Academy of Nutrition and Dietetics หน่วยงานด้านอาหารและโภชนาการของสหรัฐอเมริการะบุว่า แคลเซียมคือแร่ธาตุที่ร่างกายมนุษย์ผลิตเองไม่ได้ การดื่มนมวัวซึ่งมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด จึงมีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก

การขับแคลเซียมทางปัสสาวะจากการดื่มนม

มีการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มนมมากเกินไปกับความแข็งแรงของกระดูก จากกระบวนการขับแคลเซียมทางปัสสาวะ อย่างไรก็ดี งานวิจัยหลายชิ้นต่างยืนยันว่า การได้รับแคลเซียมอย่างเหมาะสมจากน้ำนม มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างชัดเจน

การดื่มนมไม่ใช่สาเหตุของโรคกระดูกพรุน

มูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ หรือ International Osteoporosis Foundation ได้จัดทำข้อมูล Fact Sheet เพื่อชี้แจงประเด็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดื่มนมและโรคกระดูกพรุนดังนี้

  1. นมมีความเป็นกรด การบริโภคนมและโยเกิร์ตเพิ่มความเป็นกรดในเลือด ร่างกายจึงต้องดึงแคลเซียมจากกระดูกเพื่อป้องกันสภาวะกรดเกินในร่างกาย การดื่มนมจึงเสี่ยงทำให้กระดูกพรุน – ข้อมูลเท็จ

นมและโยเกิร์ตไม่ใช่อาหารที่สร้างกรดในร่างกาย ความเป็นกรดในนมจะหายไประหว่างกระบวนการย่อยอาหาร หากร่างกายได้รับปริมาณแคลเซียมอย่างเพียงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องดึงแคลเซียมมาจากกระดูก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคกระดูกพรุน

  1. ชาติตะวันตกที่นิยมบริโภคผลิตภัณฑ์จากนม กลับพบผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนและกระดูกหักมากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ แสดงว่านมคือสาเหตุของโรคกระดูกพรุน – ข้อมูลเท็จ

สาเหตุการเกิดโรคกระดูกพรุนมีหลายปัจจัย ทั้งอายุ พันธุกรรม และ พฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การทำกิจกรรม รวมถึงน้ำหนักตัว ทั้งหมดนี้ล้วนมีความสัมพันธ์ต่อโรคกระดูกมากกว่าการดื่มนม

หลายประเทศที่มีประชากรป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนจำนวนมาก พบว่าเป็นประเทศที่ประชากรมีอายุขัยยืนยาว เช่น ประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย การมีอายุยืนยาวส่งผลให้พบจำนวนผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนมากขึ้นเช่นกัน

แม้การดื่มนมอย่างเดียวจะไม่รับประกันการป้องกันโรคกระดูกพรุน แต่การดื่มนมก็ไม่ใช่สาเหตุของการป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนเช่นกัน

การกินเกลือไม่ช่วยเสริมกระดูก

บาร์บารา โอนีล ยังเผยแพร่ความเชื่อผิด ๆ ด้วยการแนะนำให้ผู้ฟังเลี่ยงการดื่มนมวัว แล้วหันมารับแคลเซียมจากการบริโภคเกลือแทน

แม้การบริโภคเกลืออย่างเหมาะสม จะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณโซเดียมคลอไรด์ที่เพียงพอต่อร่างกาย อย่างไรก็ดี ในเกลือมีปริมาณแคลเซียมที่น้อยมาก การบริโภคเกลือจำนวนมากกลับยิ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายและสุขภาพของกระดูกโดยรวม

ข้อมูลจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ระบุว่า เกลือ 1 ช้อนชา มีแคลเซียมเพียง 1.44 มิลลิกรัมเท่านั้น

สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) ระบุว่า ผู้ใหญ่ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน

ดังนั้นการบริโภคเกลือเพียงอย่างเดียว นอกจากไม่ช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอแล้ว ยังส่งผลเสียต่อการรับโซเดียมคลอไรด์มากเกินปกติอีกด้วย

องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ระบุว่า ใน 1 วันไม่ควรบริโภคโซเดียมเกิน 2,300 มิลลิกรัมหรือปริมาณเกลือ 1 ช้อนชา แต่พบว่าชาวอเมริกันบริโภคโซเดียมเฉลี่ย 3,400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งการได้รับโซเดียมมากเกินไปเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคความดันเลือดสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

ข้อมูลจากภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า คนไทยบริโภคโซเดียมเกือบ 3,632 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ 1.8 ช้อนชา สูงกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้เกือบ 2 เท่า โดยมาตรฐานของ WHO กำหนดว่าใน 1 วันไม่ควรบริโภคโซเดียมเกินวันละ 2,000 มิลลิกรัมหรือปริมาณเกลือ 1 ช้อนชา หรือปริมาณน้ำปลาไม่เกิน 4 ช้อนชา และปริมาณซีอิ๊วไม่เกิน 5 ช้อนชา

นอกจากนี้ งานวิจัยปี 2012 ของคณะแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา ยังพบว่า การบริโภคโซเดียมมากเกินไป ทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมจากทางปัสสาวะมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน นอกจากนี้ แคลเซียมปริมาณสูงในปัสสาวะ ยังเพิ่มความเสี่ยงการเกิดก้อนนิ่วในไตเช่นกัน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://leadstories.com/hoax-alert/2024/04/fact-check-dairy-consumption-does-not-lead-to-calcium-deficiency-due-to-acidity.html
https://factly.in/this-video-alleging-milk-being-a-significant-contributor-to-osteoporosis-disease-is-misleading/
https://www.osteoporosis.foundation/sites/iofbonehealth/files/2019-03/2015_ServeUpDairyProducts_FactSheet_English_0.pdf
https://www.nstda.or.th/sci2pub/sodium-affects-bone-mass/
https://www.hfocus.org/content/2022/05/25190

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย