“โกอินเนีย 1987” โศกนาฏกรรมจากการขาดความเข้าใจ “ซีเซียม-137”

29 มีนาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


“ซีเซียม-137” คือสารกัมมันตรังสีที่นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งวงการแพทย์และแวดวงอุตสาหกรรม แต่หากนำไปใช้อย่างขาดความรัดกุม ผลเสียจากการสัมผัสซีเซียม-137 โดยปราศจากสิ่งป้องกันอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ดังเช่นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในเมืองโกอินเนีย ประเทศบราซิล เมื่อปี ค.ศ. 1987 เมื่อการสัมผัส “ซีเซียม-137” โดย “ไม่รู้ตัว” ส่งผลต่อสุขภาพของชาวเมืองนับแสน และคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปถึง 4 ราย จนนิตยสาร Time ยกเป็นหนึ่งในหายนะทางนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์


เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อโรงพยาบาล Instituto Goiano de Radioterapia (IGR) ในเมืองโกอินเนีย สั่งซื้อเครื่องฉายรังสีที่บรรจุสารซีเซียม-137 มารักษาคนไข้ครั้งแรกในปี 1977

กระทั่งปี 1985 โรงพยาบาล IGR ตัดสินใจย้ายไปเปิดกิจการที่เมืองอื่นจะเตรียมทุบอาคารทิ้ง แต่ถูกขัดขวางโดย Society of Saint Vincent de Paul องค์กรผู้ถือสิทธิ์ในตัวอาคาร ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายนำไปสู่การสู้คดี โดยศาลมีคำสั่งห้ามขนย้ายสิ่งของออกจากอาคาร รวมถึงซีเซียม-137 ที่ถูกทิ้งไว้ในเครื่องฉายรังสี

ตัวแทนของโรงพยาบาล IGR พยายามร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานถึงความกังวลที่มีต่อซีเซียม-137 ที่ถูกทิ้งไว้ แต่ไม่มีหน่วยงานใดให้ความสำคัญ ทั้งสถาบันประกันภัยข้าราชการพลเรือน (Ipasgo) หรือคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์แห่งชาติบราซิล (CNEN)


แม้จะมีการว่าจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้มีคนเข้าออกโรงพยาบาลร้างแห่งนี้โดยพลการ แต่ในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1987 โรแบร์โต ดอส ซานโตส อัลเวส และ แวกเนอร์ โมตา เปไรร่า ชาวเมืองโกอินเนีย 2 ราย ใช้โอกาสที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ได้เข้าเวรในวันนั้น พากันลักลอบเข้าตัวอาคาร

เมื่อได้พบกับเครื่องฉายรังสีที่ไม่มีป้ายเตือนถึงอันตรายที่อยู่ข้างใน ทั้งสองได้ทำการแยกชิ้นส่วนเครื่องฉายรังสี แล้วนำอุปกรณ์ที่บรรจุสารซีเซียม-137 กลับไปยังบ้านพักของตนเอง ด้วยความตั้งใจจะนำ “สิ่งมีค่า” ที่อยู่ในเครื่องฉายรังสีไปขาย

ระหว่างการแยกชิ้นส่วนในเย็นวันนั้น โจรทั้งคู่เริ่มมีอาการคลื่นไส้อย่างหนักซึ่งเป็นผลจากการสัมผัสรังสีเกินขนาด แวกเนอร์ โมตา เปไรร่า เลิกล้มความพยายามในวันที่ 15 กันยายน หลังเกิดอาการท้องร่วง, เวียนศีรษะ ส่วนนิ้วบนมือทั้งสองข้างเริ่มบวมและไหม้จากการสัมผัสรังสี

ต่างจากคู่หูอย่าง โรแบร์โต ดอส ซานโตส อัลเวส ที่ใช้ไขขวงเจาะแคปซูลจนทะลุเห็นสารซีเซียม-137 ที่อยู่ภายในได้สำเร็จในวันที่ 16 กันยายน

สิ่งที่พบสร้างความตื่นตาแก่เขาอย่างมาก เมื่อเขาได้เห็นแสงสีฟ้าสดใสส่องสว่างออกมาจากรูแคปซูลขนาดเล็ก โดยพบว่าต้นกำเนิดแสงคือฝุ่นผงที่ไม่ติดไฟ

2 วันต่อมา โรแบร์โต ดอส ซานโตส อัลเวส ได้นำแคปซูลที่บรรจุ “วัตถุเรืองแสง” ไปขายให้กับ เดอไวร์ เฟอร์ไรรา เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า เดอไวร์ เฟอร์ไรรา รู้สึกประทับใจ “วัตถุเรืองแสง” ที่ได้รับมาอย่างมาก จึงนำไปตั้งไว้ในบ้าน ให้ มาเรีย ผู้เป็นภรรยาและสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ ได้ชื่นชมความงามของวัตถุปริศนาชิ้นนี้ พร้อมสั่งให้คนงานช่วยกันเจาะเอาผงเรืองแสงออกมาจากแคปซูลให้มากยิ่งขึ้น

วันที่ 24 กันยายน อีโว เฟอร์ไรรา น้องชายของ เดอไวร์ เฟอร์ไรรา ได้นำ “ผงเรืองแสง” กลับไปยังบ้านพักของตนเอง เขานำผงปริศนาโปรยไปตามพื้นบ้าน ขณะนั้น ไลด์ ลูกสาววัย 6 ขวบของเขากำลังนั่งกินแซนด์วิชอยู่บนพื้นบ้าน เด็กสาวนำผงเรืองแสงมาทาตามตัว พร้อมกินแซนด์วิชที่ปนเปื้อนผงเรืองแสงเข้าไปอีกด้วย

หลังจากนั้นไม่นาน มาเรีย ภรรยาเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าที่เริ่มป่วย สังเกตว่าเพื่อนบ้านและคนในครอบครัวที่สัมผัสผงเรืองแสงต่างล้มป่วยกันทีละคน เธอจึงนำแคปซูลไปโรงพยาบาลในวันที่ 28 กันยายน ก่อนที่จะได้รับการยืนยันในวันถัดมาว่า สิ่งที่บรรจุอยู่ในแคปซูลคือสารกัมมันตรังสี “ซีเซียม-137”

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ชาวเมืองโกอินเนียจำนวน 112,000 ราย ต้องถูกเกณฑ์มาตรวจการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี และพบว่ามีผู้สัมผัสสารซีเซียม-137 จำนวน 249 ราย และมีถึง 20 รายที่ป่วยจากการสัมผัสรังสีเกินขนาด

ในเดือนต่อมาพบผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้แก่ คนงานร้านรับซื้อของเก่า 2 ราย โดยคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและปอดล้มเหลว ส่วนอีกรายเสียชีวิตด้วยโรคระบบทางเดินหายใจและโรคต่อมน้ำเหลือง

ไลด์ หลานสาววัย 6 ปีของเจ้าของร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตหลังได้รับปริมาณรังสีระดับ 6 Gy โดยเธอมีอาการบวมบริเวณลำตัวท่อนบน, ผมร่วง, ไตและปอดล้มเหลว และอาการเลือดออกภายใน

มาเรีย ภรรยาวัย 37 ปีของเดอไวร์ เฟอร์ไรรา เสียชีวิตหลังได้รับปริมาณรังสีระดับ 5.7 Gy โดยเธอมีอาการท้องร่วง, ผมร่วง, อาการเลือดออกภายใน และไตวายเฉียบพลัน

แม้ เดอไวร์ เฟอร์ไรรา เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า จะรอดชีวิตทั้ง ๆ ที่ได้รับปริมาณรังสีสูงถึง 7 Gy แต่ความเศร้าจากการสูญเสียคนในครอบครัว ทำให้เขาป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง และเสียชีวิตจากโรคตับแข็งในปี 1994

ส่วน อีโว เฟอร์ไรรา น้องชายของ เดอไวร์ เฟอร์ไรรา เสียชีวิตในปี 2003 ด้วยโรคถุงลมโป่งพอง

ด้านหัวขโมยต้นเรื่องอย่าง โรแบร์โต ดอส ซานโตส อัลเวส และ แวกเนอร์ โมตา เปไรร่า แม้จะไม่เสียชีวิตเพราะสารซีเซียม-137 แต่ก็ต้องกลายเป็นคนพิการ โดย แวกเนอร์ โมตา เปไรร่า ต้องถูกตัดนิ้วบางส่วนจากมือทั้งสองข้าง ส่วน โรแบร์โต ดอส ซานโตส อัลเวส ต้องถูกตัดแขนขวาเพราะการสัมผัสสารกัมมันตรังสี

ในส่วนของการพิจารณาคดี แพทย์ 3 คนของโรงพยาบาล IGR ถูกดำเนินคดีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาท

คำพิพากษาจากศาลอุทธรณ์ (8th Federal Court of Goiás) เมื่อปี 2000 ตัดสินให้คณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์แห่งชาติบราซิล (CNEN) ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่อเหยื่อเป็นเงินรายละ 1.3 ล้านเรอัลบราซิลหรือประมาณ 8 ล้านบาท และต้องรับผิดชอบค่ารักษาที่เกิดกับความผิดปกติทั้งทางกายและทางใจ ต่อเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยครอบคลุมไปจนถึงลูกหลานรุ่นที่ 3 ของเหยื่อทุกราย

ข้อมูลอ้างอิง:

https://en.wikipedia.org/wiki/Goi%C3%A2nia_accident
https://web.archive.org/web/20120318233148/http://www.oecd-nea.org/law/nlb/Nlb-66/023-032.pdf
https://www.youtube.com/watch?v=lnkwI86yR08
the Goiania Cesium 137 radiological accident – Neptunium

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย