สธ.เผย 25 นร.ใกล้โรงหลอมเหล็กปราจีนฯ ป่วย “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A”

สธ. 28 มี.ค.- ผู้ตรวจราชการ สธ. เขตสุขภาพที่ 6 เผยผลสอบสวนโรคกรณีเด็กนักเรียนในโรงเรียนใกล้โรงหลอมเหล็ก จ.ปราจีนบุรี มีอาการป่วย 25 คน ผลตรวจพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H3N2) ไม่เกี่ยวข้องกับซีเซียม-137 ขณะที่ผลตรวจปัสสาวะคนงาน 52 คน ไม่พบการเปรอะเปื้อนของซีเซียม-137 เช่นกัน


นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 กล่าวถึงความคืบหน้าผลการสอบสวนโรคในเด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านโคกกระท้อน ตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ใกล้โรงงานหลอมเหล็กที่มีการหลอมวัตถุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ทยอยมีอาการป่วยต่อเนื่องหลายราย ว่าได้รับรายงานผลการสอบสวนโรคกรณีดังกล่าวจาก นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จังหวัดปราจีนบุรี ว่าจากการลงพื้นที่สอบสวนโรคร่วมกันระหว่างสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 (สคร.) จังหวัดชลบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี และโรงพยาบาลกบินทร์บุรี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 พบว่า โรงเรียนดังกล่าวมีนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 รวมกัน 129 คน และบุคลากรรวม 11 คน มีอาการป่วยทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อนตั้งแต่วันที่ 21-27 มีนาคม 2566 พบผู้ป่วยจำนวน 25 ราย คิดเป็น 19.38% ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 7 ราย ตามมาด้วยประถมศึกษาปีที่ 3 และ 1 ชั้นละ 5 ราย ประถมศึกษาปีที่ 5 และ 4 ชั้นละ 4 ราย ส่วนใหญ่มีอาการไข้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น และไอ ปัจจัยเสี่ยงมาจากการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ซึ่งเป็นช่วงสอบปลายภาค นักเรียนที่มีอาการป่วยรายแรกจึงไม่ได้หยุดเรียน และมาร่วมสอบกับเพื่อนตามปกติ

นพ.สุเทพ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นการป่วยกลุ่มก้อนของโรคไข้หวัด (Common Cold) ได้สั่งยารักษาตามอาการ โดยให้ผู้ป่วยรับยาที่ รพ.สต.ลาดตะเคียน และ รพ.สต.หาดนางแก้ว ส่วนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) จากโรงพยาบาลกบินทร์บุรี ในกลุ่มที่มีอาการ 19 ราย ผลปกติทุกราย และตรวจโควิด-19 ด้วย ATK ในกลุ่มนักเรียนที่มีอาการ 23 ราย ผลเป็นลบทุกราย ทีมสอบสวนโรค สคร.ที่ 6 ได้เก็บตัวอย่างจากผู้ป่วย 5 ราย ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อไวรัสก่อโรคระบบทางเดินหายใจ ด้วยเทคนิค RT-PCR พบสารพันธุกรรมของไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A สายพันธุ์ 3 (H3N2) ทั้งหมด


ดังนั้น จึงสรุปว่าการป่วยเป็นกลุ่มก้อนดังกล่าวเกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับซีเซียม-137 ซึ่งทีม MCATT โรงพยาบาลกบินทร์บุรี ได้สอบถามพูดคุยกับครู ผู้ปกครอง และนักเรียน เพื่อเยียวยาจิตใจ ขณะที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี และ สคร.ที่ 6 ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจและสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย

สำหรับการตรวจวัดปริมาณรังสีซีเซียม-137 ในตัวอย่างปัสสาวะของคนงานในโรงงานหลอมเหล็ก ที่เก็บตัวอย่างเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 ด้วยเครื่องแกมมาสเปคโตรมิเตอร์ จำนวน 52 ตัวอย่าง มีค่าอยู่ในระดับปริมาณรังสีพื้นหลัง ไม่พบการเปรอะเปื้อนกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในร่างกายของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด และเก็บตัวอย่างปัสสาวะจากคนงานในโรงงานที่ยังไม่เคยส่งตัวอย่างเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่วนการเก็บตัวอย่างในสิ่งแวดล้อมและตรวจวัดรังสีแกมมาในอากาศแบบเรียลไทม์ ภายในจังหวัดปราจีนบุรี และรอบโรงงานหลอมเหล็ก ได้รับข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจในการเฝ้าระวังและตอบสนองกรณีวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในพื้นที่เกิดเหตุ จังหวัดปราจีนบุรี ว่าอยู่ในเกณฑ์ความปลอดภัย และไม่พบบริเวณที่มีรังสีสูงอันอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร