16 มีนาคม 2566
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : Reuters Fact Check (สหราชอาณาจักร)
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ประเภทข่าวปลอม : ทำให้เข้าใจผิด
บทสรุป:
- เป็นการเสนอข่าวแบบ Cherry Picking
- เป็นการนำอัตราการฉีดวัคซีนที่แตกต่างในแต่ละประเทศ มาเชื่อมโยงกับอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินอย่างไม่ถูกต้อง
ข้อมูลที่ถูกแชร์:
มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทาง Facebook และ Twitter ในต่างประเทศ โดยอ้างรายงานข่าวที่พบว่า ชาติในทวีปยุโรปที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง กลับพบการเสียชีวิตส่วนเกินในปี 2022 เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตรงข้ามกับประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศต่ำ กลับพบการเสียชีวิตส่วนเกินในปี 2022 น้อยลงอย่างมาก จนคลิปรายงานข่าวทำยอดวิวรวมกันกว่า 2 แสนครั้ง และมีการแชร์ไปแล้วกว่า 5,700 ครั้ง
FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:
คำกล่าวอ้างดังกล่าว นำมาจากรายงานโดยสถานีข่าว GB News ของสหราชอาณาจักร ออกอากาศเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2022 โดยผู้ประกาศ มาร์ค สเตย์น นำเสนอข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อประชากร 100 คนในชาติของทวีปยุโรป ที่รวบรวมโดย Statista บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติจากประเทศเยอรมนี
ข้อมูลที่รวบรวมจนถึงเดือนมกราคม 2023 พบว่า โปรตุเกส คือชาติในทวีปยุโรปที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อประชากร 100 คนสูงที่สุด โดยฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 272 โดสต่อประชากร 100 คน ตามมาด้วยประเทศมอลต้า ที่ฉัดวัคซีนประมาณ 258 โดสต่อประชากร 100 คน และ เบลเยี่ยม ที่ฉัดวัคซีนประมาณ 253 โดสต่อประชากร 100 คน
ส่วน บัลแกเรีย คือชาติในทวีปยุโรปที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อประชากร 100 คนน้อยที่สุด โดยฉีดวัคซีนไปเพียง 67 โดสต่อประชากร 100 คน
อีกสถิติที่นำมาเปรียบเทียบในรายงาน คือ อัตราการเสียชีวิตส่วนเกินของชาติยุโรปในเดือนมิถุนายน 2022 ที่รวบรวมโดย Eurostat หน่วยงานด้านสถิติของสหภาพยุโรป
เมื่อเทียบกับอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยของเดือนมิถุนายนในปี 2016 จนถึงปี 2019 พบว่า บัลแกเรีย คือชาติที่มีอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินน้อยที่สุดในปี 2022 โดยน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ -7.9% ทั้งๆ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อประชากรน้อยที่สุด ส่วนประเทศโปรตุเกสที่มีคนฉีดวัคซีนโควิด-19 มากที่สุด กลับมีอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินสูงที่สุดในปี 2022 โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 23.9%
มาร์ค สเตย์น ผู้ประกาศในรายการตั้งข้อสรุปว่า ประเทศที่ฉีดวัคซีนน้อยที่สุด กลับมีอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินน้อยที่สุด ส่วนประเทศที่ฉีดวัคซีนมากกลับมีอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินสูงที่สุด ก่อนจะสรุปรายการด้วยความเห็นเชิงกระทบกระเทียบว่า “ความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ไม่ใช่ผลลัพธ์ของเหตุการณ์จริงหรือ” (Correlation is not Causation?)
อย่างไรก็ดี การนำอัตราการฉีดวัคซีนและอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินมาเปรียบเทียบ เพื่ออ้างว่าวัคซีนโควิด-19 ไม่มีประโยชน์ในการป้องกันการเสียชีวิต ถือเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ถูกต้อง
โฆษกของ Statista ชี้แจงต่อ Reuters Fact Check ว่า การนำอัตราการฉีดวัคซีนของคนทั้งประเทศมาเทียบกับอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินที่เกิดขึ้นเพียงเดือนเดียว เป็นเรื่องที่ไร้สติอย่างมาก
เจฟฟรีย์ มอร์ริส ผู้อำนวยการศูนย์ชีวสถิติ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) อธิบายต่อ Reuters Fact Check ว่า รายงานข่าวของ GB News คือรูปแบบของการ Cherry Picking ด้วยการนำอัตราการฉีดวัคซีนที่แตกต่างในแต่ละประเทศ มาใช้สนับสนุนแนวคิดของตนเองโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง หากจะอ้างว่าวัคซีนโควิด-19 ก่อให้เกิดการเสียชีวิตส่วนเกินเพิ่มขึ้น จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกประเทศ ไม่ใช่เกิดเฉพาะประเทศที่ผู้อ้างจงใจทำให้ผู้คนหลงเชื่อเท่านั้น
การที่ผู้ประกาศกระทบกระเทียบแนวคิด “ความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ไม่ใช่ผลลัพธ์ของเหตุการณ์” (Correlation is not Causation) ถือเป็นการไม่ยอมรับแนวทางหาผลลัพธ์อย่างเป็นเหตุเป็นผล ทางรายการไม่แม้แต่จะพิสูจน์ความถูกต้องของข้อกล่าวอ้าง ด้วยการนำข้ออ้างไปเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากประเทศที่จงใจให้ผู้คนหลงเชื่อ
นอกจากนี้ อัตราการเสียชีวิตส่วนเกินยังมาจากสาเหตุอันหลากหลาย การนำอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินมาเทียบกับอัตราการฉีดวัคซีนในแต่ละประเทศ ไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าวัคซีนป้องกันการเสียชีวิตได้ดีหรือไม่
เจฟฟรีย์ มอร์ริส อธิบายว่า การจะหาความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการฉีดวัคซีนกับอัตราการเสียชีวิตส่วนเกิน จำเป็นต้องใช้ข้อมูลในระดับบุคคล ทั้งสาเหตุการเสียชีวิต, สถานะการฉีดวัคซีน และการเปรียบเทียบระหว่างประชากรที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีน
นอกจากนี้ ยังมีตัวแปรกวนที่ต้องใช้พิจารณาอีกหลายอย่าง ทั้งอายุ, เพศ, สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม, โรคประจำตัว, ความเสี่ยงติดเชื้อของแต่ละอาชีพ รวมถึงประวัติการติดเชื้อโควิด-19
โฆษกของ Eurostat หน่วยงานด้านสถิติของสหภาพยุโรปชี้แจงว่า อัตราการเสียชีวิตส่วนเกินอาจเกิดจากสาเหตุที่หลากหลาย ซึ่งกรณีของประเทศโปรตุเกสอาจเป็นผลมาจากคลื่นความร้อนที่ส่งผลกระทบต่อประเทศโปรตุเกสและสเปนในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
โฆษกของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป (ECDC) อธิบายว่า การนำข้อมูลสองแหล่งมาเปรียบเทียบเพื่อหาความสัมพันธ์ บางครั้งอาจทำให้ผู้คนหลงเชื่อได้ไม่ยาก เราสามารถนำอัตราการเพิ่มขึ้นของสิ่งใด ๆ เช่นยอดขายรถยนต์หรืออัตราการอาบน้ำต่อครัวเรือนมาอ้างว่ามีความสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตส่วนเกิน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย
โฆษกของ ECDC ยังย้ำว่า มีงานวิจัยมากมายที่พิสูจน์ได้ว่า วัคซีนโควิด-19 สามารถลดความรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมาก รวมถึงช่วยลดอัตราการเสียชีวิตอีกด้วย
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter