“สนามดอกบัวยักษ์” สังเวียนเปิด-ปิด เอเชียนเกมส์ 2022

จีน 23 ก.ย.-พาชมความยิ่งใหญ่และสวยงามของสนามดอกบัวยักษ์ หรือ Big Lotus Stadium ความจุ 80,000 ที่นั่ง ที่ใช้ในพิธีเปิด-ปิด การแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2022 จุดเช็กอินสำคัญสะท้อนเอกลักษณ์เมืองหางโจวได้อย่างลงตัว

สนามดอกบัวยักษ์ หรือ Big Lotus Stadium ความจุ 80,000 ที่นั่ง ภายในหางโจว โอลิมปิก สปอร์ต เซ็นเตอร์ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทั่วเอเชียกว่า 12,500 คน รวมถึงชาวจีนเองจะต้องไม่พลาดมาเยี่ยมชม และถือเป็นจุดเช็กอินสำคัญของเอเชียนเกมส์ในครั้งนี้ หลังจีน เจ้าภาพมหกรรมกีฬาของชาวเอเชียได้ทุ่มงบประมาณในการจัดแข่งขันไปมากกว่า 1,400 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยเฉพาะการก่อสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่ที่มีความทันสมัยถึง 14 สนาม สำหรับสนามดอกบัวยักษ์จะใช้ในพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน และยังใช้จัดแข่งขันกรีฑาและฟุตบอลชายนัดชิงชนะเลิศอีกด้วย 


ด้านการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากเนื้อผ้าและวิธีการทอผ้าไหมโบราณ ด้วยรูปแบบทางสถาปัตยกรรมสะท้อนภาพเกลียวคลื่นของแม่น้ำเฉียนถัง ส่วนหลังคาของสนาม ประกอบไปด้วยโครงสร้างแบบกลีบดอกไม้ใหญ่-เล็ก รวมกว่า 55 กลีบ อันมีที่มาจากบัวพื้นเมืองของทะเลสาบตะวันตก หนึ่งในทิวทัศน์ที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ของเมืองหางโจว ทำให้สนามดอกบัวยักษ์เป็นภาพสะท้อนเมืองหางโจวได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะการใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบน้อยกว่าสนามรังนกที่กรุงปักกิ่งถึง 67% เพื่อทำให้เอเชียนเกมส์ 2022 เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ กรีน เอเชียนเกมส์

ส่วนพิธีเปิดการแข่งขันคืนนี้ เวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เจ้าภาพจะเน้นการแสดงแสงสีเสียงโทนฟ้าและเขียว เพื่อแสดงถึงความสวยงามของระบบนิเวศ มนุษยชาติ และกีฬาของจีนที่เต็มไปด้วยความทันสมัย นำเสนอในภาพของภูเขาสีเขียวและน้ำสีฟ้า โดยเจ้าภาพยืนยันว่าการแสดงจะสั้นกระชับแต่ยิ่งใหญ่อลังการ 


ไฮไลต์การจุดคบเพลิง ที่เจ้าภาพยังไม่เฉลยผู้จุดไฟคบเพลิง และรูปแบบในการจุดที่ยังเป็นความลับสุดยอด แต่จะให้คนจำนวนมากมีส่วนร่วมในการจุดคบเพลิงในครั้งนี้ด้วยระบบดิจิทัล ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้สมัครร่วมจุดคบเพลิงในพิธีเปิด ในแอพพลิเคชั่น “Go HangZhou” มากกว่า 80 ล้านคน นอกจากนี้พิธีเปิดหางโจวเกมส์ จะไม่มีการจุดพลุ เพื่อต้องการให้การแข่งขันครั้งนี้ปล่อยคาร์บอนออกมาสู่ชั้นบรรยากาศให้น้อยที่สุด และได้นำเอาเทคโนโลยีมาสร้างความตื่นตาตื่นใจ เพื่อต้องการให้เอเชียนเกมส์ครั้งนี้ เป็น “Smart Hangzhou 2022” อย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”