ปอดเหล็กเอธิโอเปีย คว้าแชมป์โอเวอร์ออล“อะเมซิ่งมาราธอน” สัญชัย ดีสุดมาราธอนไทย

กรุงเทพฯ – 4 ธ.ค. 2565   การแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง รายการเดียวที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกรีฑาโลก รายการ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน Amazing Thailand Marathon Bangkok 2022 Presented by Toyota ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ โดยเมื่อคืนวันที่ 3 ธันวาคม (เช้าตรู่วันที่ 4 ธันวาคม) มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธาน โดยจุดสตาร์ทอยู่ที่ ราชมังคลากีฬาสถาน (ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร, 21.1 กิโลเมตร) และโลหะปราสาท ถ.ราชดำเนิน (ระยะทาง 10 กิโลเมตร, 5 กิโลเมตร) ผ่านเส้นทางที่เป็นแลนมาร์คสำคัญของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระที่นั่งอนันตสมาคม, สะพานพระราม 8, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร, วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) ฯลฯ ก่อนจะเข้าเส้นชัยที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมแข่งขันกว่า 25,000 คน รวมทั้ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะเข้าร่วมแข่งขันในประเภทฮาล์ฟมาราธอน (ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร) ด้วย


ผลการแข่งขัน ระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร ชายทั่วไป (โอเวอร์ออล) แชมป์ตกเป็นของ อาริ ยิเมอร์ จากเอธิโอเปีย 2.21.36 ชั่วโมง ได้ครองถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเงินรางวัล 1 แสนบาท อันดับ 2 สัญชัย นามเขต 2.24.24 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 50,000 บาท อันดับ 3 ณัฐวุฒิ อินนุ่ม 2.27.07 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 30,000 บาท

ระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร หญิงทั่วไป (โอเวอร์ออล) แชมป์ได้แก่ เชลมิธ มูริวกี จากเคนยา 2.39.38 ชั่วโมง ได้ครองถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมเงินรางวัล 1 แสนบาท อันดับ 2 อเล็กซานดรา โมโรโซว่า จากรัสเซีย 2.49.07 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 50,000 บาท อันดับ 3 มากาเร็ต เอ็นจูกูน่า จากเคนยา 2.50.14 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 30,000 บาท


ประเภท มาราธอน 42.195 กิโลเมตร นักวิ่งสถิติดีที่สุดชาวไทย ชาย อันดับ 1 สัญชัย นามเขต 2.24.24 ชั่วโมง ได้ครองถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท อันดับ 2 ณัฐวุฒิ อินนุ่ม 2.27.07 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 30,000 บาท อันดับ 3 ธนาทิพย์ ดีฉิม 2.36.13 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 20,000 บาท

ประเภท มาราธอน 42.195 กิโลเมตร นักวิ่งสถิติดีที่สุดชาวไทย หญิง อันดับ 1 ลินดา จันทะชิด 2.55.30 ชั่วโมง ได้ครองถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท อันดับ 2 โสรยา ต๊ะวงศ์ 3.12.15 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 30,000 บาท, อันดับ 3 ระเบียง รังเพียง 3.16.00 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 20,000 บาท

ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ชายทั่วไป (โอเวอร์ออล) แชมป์ได้แก่ เกปา ออนเจรี ออนดิมา จากเคนยา 1.04.07 ชั่วโมง ได้ครองถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท อันดับ 2 อเล็กซานเดอร์ เอนจาย จากเคนยา 1.04.09 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 25,000 บาท อันดับ 3 คินดู ซิวเมออน จากเอธิโอเปีย 1.04.24 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 15,000 บาท


ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร หญิงทั่วไป (โอเวอร์ออล) แชมป์ได้แก่ มาร์ทา ไบฮาน จากเอธิโอเปีย 1.19.47 ชั่วโมง ได้ครองถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท อันดับ 2 แอน มูกูฮี จากเคนยา 1.20.36 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 25,000 บาท อันดับ 3 ฟายา ฮัสเซน จากเคนยา 1.21.50 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 15,000 บาท

ประเภท ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร นักวิ่งสถิติดีที่สุดชาวไทย ชาย อันดับ 1 ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม 1.09.58 ชั่วโมง ได้ครองถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท อันดับ 2 ชุติเดช ถนอมทรัพย์ 1.13.47 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 15,000 บาท อันดับ 3 วงศ์บวร พัศดี 1.15.03 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 10,000 บาท

ประเภท ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร นักวิ่งสถิติดีที่สุดชาวไทย หญิง อันดับ 1 อรอนงค์ วงศร 1.24.17 ชั่วโมง ได้ครองถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท อันดับ 2 อรนุช เอี่ยมเทศ 1.27.40 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 15,000 บาท อันดับ 3 ณัฐธยาน์ ธนรณวัฒน์ 1.28.06 ชั่วโมง รับเงินรางวัล 10,000 บาท

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์หลังจากเข้าเส้นชัยว่า ตนตัดสินใจมาวิ่งรายการนี้ในวินาทีสุดท้าย โดยร่วมวิ่งในระยะฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร
“การแข่งขันรายการนี้จัดได้อย่างยอดเยี่ยม นักวิ่งได้ วิ่งผ่าเมืองจริง ๆ ตลอดเส้นทางได้มาตรฐาน มีความสวยงามได้ผ่านแลนด์มาร์คต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร การปิดถนนทำได้ดี และปลอดภัย เรื่องของน้ำดื่ม ขนม ไฟสว่าง ห้องน้ำมีตลอดทาง ต้องขอบคุณผู้จัดการแข่งขันอย่างมาก โดยหลังจากนี้ กรุงเทพมหานคร จะได้หารือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้จัดงานภาคเอกชน เพื่อเตรียมยกระดับการแข่งขันครั้งต่อไปให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ สมกับที่ได้รับรองจากสมาคมกรีฑาโลก”

อนึ่ง การแข่งขัน อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน Amazing Thailand Marathon Bangkok 2022 เป็นรายการที่จัดในเมืองหลวงเพียงรายการเดียวที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกรีฑาโลก โดยในปัจจุบัน รายการนี้ ถือเป็น 1 ใน 5 ของมาราธอนในเมืองหลวงที่จัดได้ดีที่สุดในทวีปเอเชีย ซึ่งการแข่งขันรายการนี้ ประกอบไปด้วยกิจกรรมระดับโลกมากมาย อาทิ งานเอ็กซ์โป ที่ได้มาตรฐานสากล หรือ การประชุมสัมมนากรีฑาโลก “เวิลด์ แอธเลติก โกลบอล รันนิ่ง คอนเฟอเรนซ์ 2022” จัดขึ้นโดยความร่วมมือจากสมาคมกรีฑาโลก ซึ่งในระหว่างการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสมาคมกรีฑาโลก ได้หารือกับ ททท. และผู้จัดมืออาชีพ ไทยแลนด์ไตรลีก เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการมอบสิทธิ์ให้รายการนี้ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอนชิงแชมป์โลก ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ ปี 2025 (พ.ศ. 2568) โดยฝ่ายผู้จัดไทยได้รับข้อหารือ และจะได้นำเรียนต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในลำดับต่อไป

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]