สปสช.เปิดออนไลน์ รับฟัง-พัฒนา ‘ระบบหลักประกันสุขภาพ’

กทม.22ส.ค.-สปสช.จัดเวทีรับฟังความเห็นระดับประเทศเปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ “เว็บไซต์-ไลฟ์สด” เพิ่มช่องทางการเข้าถึง หลากหลายภาคส่วนร่วมให้ข้อเสนอพัฒนา “ระบบหลักประกันสุขภาพ” เสนอขยายสิทธิยา นอกบัญชี-พัฒนาระบบส่งต่อ-เพิ่มบริการฉุกเฉิน


สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นทั่วไประดับประเทศ ประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 21 ส.ค.63 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งมีการถ่ายทอดสดและรับฟังความเห็นผ่านช่องทางเฟสบุ๊คและเว็บไซต์

นายอนุทิน กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของไทย ได้ดำเนิน การดูแลประชาชนผู้มีสิทธิกว่า 48 ล้านคน ได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงมาตลอดเวลากว่า 18 ปี จนได้รับการยอมรับจากนานาชาติที่ยกย่องให้เป็นต้นแบบของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งนอกจากนโยบายรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนอย่างจริงจังแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งคือการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งจากทุกภาคส่วน ซึ่งจากการจัดรับฟังความเห็นมาอย่างต่อเนื่องของ สปสช. ได้เกิดข้อเสนอที่นำมาสู่การปรับปรุงและพัฒนาระบบในด้านต่างๆ ทั้งการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็น การเพิ่มสิทธิประโยชน์ ค่ารักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงการเข้าถึงยาบัญชี จ(2) รายการยาสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเฉพาะที่มีราคาแพง เป็นต้น


ด้าน นพ.เจษฎา โชคดำรุงสุข ประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารและรับฟังความเห็นฯ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ได้มีการพัฒนาการประชุมในรูปแบบออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงการรับฟังและร่วมให้ความคิดเห็นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาระบบบริการที่ดีขึ้นต่อไป โดยขั้นตอนการรับฟังความเห็น ทางอนุกรรมการฯ จะรวบรวมข้อมูลเป็นหมวดหมู่เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะมอบหมายให้อนุกรรมการแต่ละคณะที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ โดย สปสช.จะติดตามและประเมินผลว่างานต่างๆ ก้าวหน้าไปเพียงใด และนำกลับมาเสนอต่อประชาชน

ขณะที่ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ข้อเสนอต่างๆ ในปีนี้มีความชัดเจน ซึ่งประเด็นข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานโดยตรงนั้นสามารถดำเนินได้ทันที และหลายข้อเสนอเป็นทิศทางเดียวกับที่มีนโยบายหรือยุทธศาสตร์ไว้ เช่น การเร่งรัดให้เกิดศูนย์ประสานงานต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการบริหารจัดการในระดับท้องถิ่น

ส่วนข้อเสนอของสิทธิประโยชน์ใหม่ๆพบว่ามีข้อเสนอที่ดีในหลายเรื่อง เช่น การขยายรูปธรรมโรคของสิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ (UCEP) ที่เพิ่มขึ้น การให้มีหน่วยร่วมบริการในระบบการดูแลระยะยาวฯ (LTC) โดยเฉพาะในวัด รวมถึงการพัฒนาระบบส่งต่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางสำนักงานฯ และผู้ให้บริการจะหารือกันเพื่อแก้ปัญหาต่อไป


“ตลอด 18 ปีจากการมี พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ เพิ่มความเป็นเจ้าของในระบบที่เป็นรูปธรรมเพิ่มขึ้นในแต่ละปี เป็นการพัฒนาที่ไม่หยุด เช่นเดียวกับข้อเสนอหลายเรื่องที่ได้รับในวันนี้ จะถูกนำไปดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้นโยบายและกฎหมายต่อไป” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

และ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ดูแลคนในประเทศกว่า 48 ล้านคนเป็นระบบที่ใหญ่มาก ฉะนั้นการพัฒนาจะต้องอาศัยการรับฟังจากทุกฝ่ายและนำไปดำเนินการ ซึ่งตลอด 18 ปีที่ผ่านมาผลจากการรับฟังความคิดเห็นต่างๆ ได้ถูกนำไปพัฒนาและจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมหลายประการ เช่น การเพิ่มสิทธิประโยชน์ผ่าตัดตาต้อกระจก ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี การล้างไต เป็นต้น

“ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นออนไลน์ ซึ่งมีการพัฒนาเว็บไซต์ https://hearing.nhso.go.th/ที่ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมเสนอความคิดเห็นใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา โปรแกรมจะจัดหมวดหมู่ความเห็นเพื่อนำไปเสนอต่อผู้เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถติดตามความ ก้าวหน้าของข้อเสนอต่างๆ ว่าได้ถูกพัฒนาไปเพียงใด นับเป็นความ ก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในปีนี้” ทพ.อรรถพร กล่าว

สำหรับข้อเสนอที่ได้รับจากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นออนไลน์ครั้งนี้ อาทิ การให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ชดเชยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าซ้ำ, สนับสนุนจัดตั้งห้องปฏิบัติการจำลองการใช้ชีวิตประจำวันอย่างอิสระ (Independent Living Room) ในกลุ่มผู้ป่วยบริบาลฟื้นฟูสมรรถภาพระยะกลาง รวมถึงการให้สิทธิในการดูแลผู้ป่วยบริบาลระยะกลางเท่าเทียมกันในทุกสิทธิการรักษา เป็นต้น

ขณะเดียวกันยังมีข้อเสนอให้ขยายสิทธิประโยชน์ยานอกบัญชีในกลุ่มผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้, พัฒนาระบบการส่งต่อที่มีความสะดวกรวดเร็ว ครอบคลุมกลุ่มประชาชนและการให้บริการ, เพิ่มบริการฉุกเฉินให้มีความครอบคลุมมากขึ้น ไม่เฉพาะกรณีเจ็บป่วยเท่านั้น, ขยายการรับบริการให้สามารถเข้าโรงพยาบาลอื่นได้โดยไม่ต้องมีหนังสือส่งตัว ตลอดจนการให้ สปสช.ทำหน้าที่ผลักดันการบูรณาการระบบหลักประกันสุขภาพทุกระบบให้เป็นระบบเดียว ลดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล

ส่วนข้อเสนอประเด็นของพระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็น การให้ความรู้แก่พระสงฆ์ที่เข้าไม่ถึงสิทธิการรักษา,เพิ่มช่องทางพิเศษให้แก่พระสงฆ์ในทุกโรงพยาบาล, ขยายบริการการดูแลผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงเข้าไปถึงในวัด, พัฒนาศักยภาพของวัดให้สามารถรองรับการดูแลพระที่ป่วยระยะสุดท้ายได้, การสนับสนุนการทำงานระหว่างศูนย์ประสานงานวิถีพุทธ เชื่อมโยงกับกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอในการให้รวมกองทุนย่อยต่างๆ ซึ่งในบางกองทุนอาจมีการบริหารจัดการและกลุ่มเป้าหมายที่ทับซ้อนกัน, อบรมคณะกรรมการกองทุนตำบลให้มีความรู้ในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ, สนับสนุนภาคประชาชนเข้าถึงแหล่งงบประมาณได้มากขึ้น, มีการแต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด ติดตามการทำงานของตำบลให้มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการเสนอเพิ่มค่าดำเนินการโครงการรับยาใกล้บ้าน โมเดล 3 เป็นต้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำไทยเลือกสันติวิธี แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- นายกฯ ลั่น “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ย้ำไทยเลือกสันติวิธี ปมชายแดนไทย-กัมพูชา แต่หากปะทะเราพร้อม ยอมรับเป็นเพื่อนที่ดี แต่จะขอบ้านเราไม่ได้ หลังถูกจี้ถาม “ตระกูลชิน” เกี่ยวดอง “ฮุน เซน” แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ บอกปรึกษาทหารแล้ว งง สื่อฯ ทำไมวันนี้ ดุจัง ปลอบ ไม่เป็นไรนะ ไม่ได้ลงพื้นที่ดูหน้างาน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์ชายแดน ว่า ได้เน้นย้ำสถานการณ์ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี ต้องรวมกันเป็นหนึ่ง สิ่งสำคัญมาก ๆ คนไทยต้องรักกันสามัคคีกัน ไม่ใช่การเมืองในประเทศที่จะต้องมีการแบ่งฝ่ายกัน ทุกๆ ฝ่ายต้องช่วยกันรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ต้องสื่อสารเรื่องนี้ว่าถึงเวลาที่เรามีปัญหาระหว่างประเทศเราต้องสามัคคีกัน ต้องใช้ความเป็นหนึ่ง รักกันของคนในชาติ รัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ฝ่ายค้าน รัฐบาลก็คือประเทศไทย และการแสดงความเห็นและการปล่อยข่าวปลอมเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น นายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ถ้าถามว่ารัฐบาลเคลื่อนไหวอย่างไรนั้น รัฐบาลทำเต็มที่และรักษาอธิปไตยของเราเป็นสิ่งที่จำเป็น รัฐบาลและทหาร คุยกันตลอดว่า จะไปทางไหนอย่างไรเราต้องมั่นใจว่าเราเป็นประเทศไทยเพลงชาติไทย เขาเรียกว่า […]

‘อี แจ-มยอง’ คว้าชัยเลือกตั้ง ปธน.เกาหลีใต้

โซล 4 มิ.ย. – อี แจ-มยอง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ พร้อมประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุน ขณะที่ คิม มุน-ซู คู่แข่งจากพรรคพลังประชาชน ออกมายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว นายอี ได้ชัยชนะการเลือกตั้งหลังจากการนับคะแนนผ่านไปร้อยละ 94.4 และเมื่อช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน นายอี ได้คะแนนเสียงไปแล้วร้อยละ 48.8 และนายคิม คู่แข่งคนสำคัญจากพรรคพลังประชาชน แนวอนุรักษ์นิยม ได้ร้อยละ 42 แม้ว่าคะแนนที่ยังไม่ได้นับ จะตกเป็นของนายคิมแต่ก็ยังตามนายอีไม่ทัน ซึ่งทำให้นายอี ยืนยันชัยชนะของเขาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเบื้องต้นอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 ปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2540 ในจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 44.4 ล้านคน มีผู้มาใช้สิทธิราว 35.24 ล้านคนตามหน่วยเลือกตั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศ จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77.1 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนในปี 2565 นายอีกล่าวว่า เขาจะไม่มีวันลืมหน้าที่ของประธานาธิบดีในการสร้างความเป็นเอกภาพของผู้คนในประเทศ และว่าเขาจะหาวิธีให้ประเทศอยู่ร่วมกับเกาหลีเหนือได้โดยผ่านการเจรจาและพูดคุยกัน ด้าน นายคิม […]

รัฐบาลออกแถลงการณ์ปมไทย-กัมพูชา ยันปกป้องอธิปไตยเต็มที่

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- รัฐบาล ออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยัน ตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ยึดหลักแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และสวัสดิภาพของประชาชน ย้ำ ชายแดน มีความสงบเรียบร้อย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมทุกภาคส่วนของ รัฐบาลภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เช้าวันนี้ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 07.00 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าวดังต่อไปนี้ แถลงการณ์รัฐบาล “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” รัฐบาลขอยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม โดยจุดเริ่มต้นของสถานการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ในขณะที่กองกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่ฝ่ายไทยซึ่งเป็นแนวที่ถือปฏิบัติเสมอมา แต่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีสถานการณ์จากการปะทะดังกล่าวทำให้กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ภายหลังจากเกิดเหตุรัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับรวมถึงนายกรัฐมนตรี […]

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย