สปสช.เปิดออนไลน์ รับฟัง-พัฒนา ‘ระบบหลักประกันสุขภาพ’

กทม.22ส.ค.-สปสช.จัดเวทีรับฟังความเห็นระดับประเทศเปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ “เว็บไซต์-ไลฟ์สด” เพิ่มช่องทางการเข้าถึง หลากหลายภาคส่วนร่วมให้ข้อเสนอพัฒนา “ระบบหลักประกันสุขภาพ” เสนอขยายสิทธิยา นอกบัญชี-พัฒนาระบบส่งต่อ-เพิ่มบริการฉุกเฉิน


สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นทั่วไประดับประเทศ ประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 21 ส.ค.63 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งมีการถ่ายทอดสดและรับฟังความเห็นผ่านช่องทางเฟสบุ๊คและเว็บไซต์

นายอนุทิน กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของไทย ได้ดำเนิน การดูแลประชาชนผู้มีสิทธิกว่า 48 ล้านคน ได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงมาตลอดเวลากว่า 18 ปี จนได้รับการยอมรับจากนานาชาติที่ยกย่องให้เป็นต้นแบบของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งนอกจากนโยบายรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนอย่างจริงจังแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งคือการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งจากทุกภาคส่วน ซึ่งจากการจัดรับฟังความเห็นมาอย่างต่อเนื่องของ สปสช. ได้เกิดข้อเสนอที่นำมาสู่การปรับปรุงและพัฒนาระบบในด้านต่างๆ ทั้งการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็น การเพิ่มสิทธิประโยชน์ ค่ารักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงการเข้าถึงยาบัญชี จ(2) รายการยาสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเฉพาะที่มีราคาแพง เป็นต้น


ด้าน นพ.เจษฎา โชคดำรุงสุข ประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารและรับฟังความเห็นฯ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ได้มีการพัฒนาการประชุมในรูปแบบออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงการรับฟังและร่วมให้ความคิดเห็นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาระบบบริการที่ดีขึ้นต่อไป โดยขั้นตอนการรับฟังความเห็น ทางอนุกรรมการฯ จะรวบรวมข้อมูลเป็นหมวดหมู่เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะมอบหมายให้อนุกรรมการแต่ละคณะที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ โดย สปสช.จะติดตามและประเมินผลว่างานต่างๆ ก้าวหน้าไปเพียงใด และนำกลับมาเสนอต่อประชาชน

ขณะที่ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ข้อเสนอต่างๆ ในปีนี้มีความชัดเจน ซึ่งประเด็นข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานโดยตรงนั้นสามารถดำเนินได้ทันที และหลายข้อเสนอเป็นทิศทางเดียวกับที่มีนโยบายหรือยุทธศาสตร์ไว้ เช่น การเร่งรัดให้เกิดศูนย์ประสานงานต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการบริหารจัดการในระดับท้องถิ่น

ส่วนข้อเสนอของสิทธิประโยชน์ใหม่ๆพบว่ามีข้อเสนอที่ดีในหลายเรื่อง เช่น การขยายรูปธรรมโรคของสิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ (UCEP) ที่เพิ่มขึ้น การให้มีหน่วยร่วมบริการในระบบการดูแลระยะยาวฯ (LTC) โดยเฉพาะในวัด รวมถึงการพัฒนาระบบส่งต่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางสำนักงานฯ และผู้ให้บริการจะหารือกันเพื่อแก้ปัญหาต่อไป


“ตลอด 18 ปีจากการมี พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ เพิ่มความเป็นเจ้าของในระบบที่เป็นรูปธรรมเพิ่มขึ้นในแต่ละปี เป็นการพัฒนาที่ไม่หยุด เช่นเดียวกับข้อเสนอหลายเรื่องที่ได้รับในวันนี้ จะถูกนำไปดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้นโยบายและกฎหมายต่อไป” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

และ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ดูแลคนในประเทศกว่า 48 ล้านคนเป็นระบบที่ใหญ่มาก ฉะนั้นการพัฒนาจะต้องอาศัยการรับฟังจากทุกฝ่ายและนำไปดำเนินการ ซึ่งตลอด 18 ปีที่ผ่านมาผลจากการรับฟังความคิดเห็นต่างๆ ได้ถูกนำไปพัฒนาและจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมหลายประการ เช่น การเพิ่มสิทธิประโยชน์ผ่าตัดตาต้อกระจก ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี การล้างไต เป็นต้น

“ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นออนไลน์ ซึ่งมีการพัฒนาเว็บไซต์ https://hearing.nhso.go.th/ที่ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมเสนอความคิดเห็นใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา โปรแกรมจะจัดหมวดหมู่ความเห็นเพื่อนำไปเสนอต่อผู้เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถติดตามความ ก้าวหน้าของข้อเสนอต่างๆ ว่าได้ถูกพัฒนาไปเพียงใด นับเป็นความ ก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในปีนี้” ทพ.อรรถพร กล่าว

สำหรับข้อเสนอที่ได้รับจากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นออนไลน์ครั้งนี้ อาทิ การให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ชดเชยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าซ้ำ, สนับสนุนจัดตั้งห้องปฏิบัติการจำลองการใช้ชีวิตประจำวันอย่างอิสระ (Independent Living Room) ในกลุ่มผู้ป่วยบริบาลฟื้นฟูสมรรถภาพระยะกลาง รวมถึงการให้สิทธิในการดูแลผู้ป่วยบริบาลระยะกลางเท่าเทียมกันในทุกสิทธิการรักษา เป็นต้น

ขณะเดียวกันยังมีข้อเสนอให้ขยายสิทธิประโยชน์ยานอกบัญชีในกลุ่มผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้, พัฒนาระบบการส่งต่อที่มีความสะดวกรวดเร็ว ครอบคลุมกลุ่มประชาชนและการให้บริการ, เพิ่มบริการฉุกเฉินให้มีความครอบคลุมมากขึ้น ไม่เฉพาะกรณีเจ็บป่วยเท่านั้น, ขยายการรับบริการให้สามารถเข้าโรงพยาบาลอื่นได้โดยไม่ต้องมีหนังสือส่งตัว ตลอดจนการให้ สปสช.ทำหน้าที่ผลักดันการบูรณาการระบบหลักประกันสุขภาพทุกระบบให้เป็นระบบเดียว ลดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล

ส่วนข้อเสนอประเด็นของพระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็น การให้ความรู้แก่พระสงฆ์ที่เข้าไม่ถึงสิทธิการรักษา,เพิ่มช่องทางพิเศษให้แก่พระสงฆ์ในทุกโรงพยาบาล, ขยายบริการการดูแลผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงเข้าไปถึงในวัด, พัฒนาศักยภาพของวัดให้สามารถรองรับการดูแลพระที่ป่วยระยะสุดท้ายได้, การสนับสนุนการทำงานระหว่างศูนย์ประสานงานวิถีพุทธ เชื่อมโยงกับกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอในการให้รวมกองทุนย่อยต่างๆ ซึ่งในบางกองทุนอาจมีการบริหารจัดการและกลุ่มเป้าหมายที่ทับซ้อนกัน, อบรมคณะกรรมการกองทุนตำบลให้มีความรู้ในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ, สนับสนุนภาคประชาชนเข้าถึงแหล่งงบประมาณได้มากขึ้น, มีการแต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด ติดตามการทำงานของตำบลให้มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการเสนอเพิ่มค่าดำเนินการโครงการรับยาใกล้บ้าน โมเดล 3 เป็นต้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ป่วนปัตตานี! ลอบบึ้มชุด รปภ.งานกีฬา อบต.น้ำดำ เจ็บ 4 นาย

21 ก.ค.- ป่วนงานกีฬา อบต.น้ำดำ ปัตตานี คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่อาสาฯ ขณะรักษาความปลอดภัย บาดเจ็บ 4 นาย วันที่ 21 ก.ค.68 เมื่อเวลา 16.50 น. เกิดเหตุระเบิดบริเวณสามแยกคอกควาย บ้านบือแนยามู หมู่ที่ 4 ตำบลน้ำดำ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เบื้องต้นแรงระเบิด ทำให้ อส.ชคต.น้ำดำ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 4 นาย อาการหูอื้อ ถูกนำส่งโรงพยาบาลทุงยางแดง จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว กำลังรักษาความปลอดภัยสนามกีฬา งานกีฬา อบต.น้ำดำ ระหว่างทางได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” เหน็บ “ฮุนเซน” เคลมไอเดียทักษิณคิดเพื่อไทยทำ

21 ก.ค.- “แพทองธาร” เหน็บ “ฮุนเซน” เคลมไอเดีย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ถามเป็นของเขาได้อย่างไร เหมือนตอนปล่อยคลิปเสียงแล้วมาบอกไม่ได้ปล่อย ด้าน “สรวงศ์” ขอสื่อไทยเลิกเป็นกระบอกเสียงกัมพูชา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังร่วมงานแถลงข่าวทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2569 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนางสาวแพทองธาร ตอบสั้นๆ กรณีที่มีรายงานข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะไปร่วมงานเลี้ยงดินเนอร์พรรคร่วมในวันพรุ่งนี้ว่า “ไม่ทราบเลยค่ะ ” ส่วนวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.)ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมีอะไรพูดเป็นพิเศษกับผู้เข้าร่วมงานหรือไม่ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า “ให้รอฟัง” เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาระบุว่ามีส่วนร่วมในการคิดนโยบาย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” นางสาวแพทองธาร นิ่งคิดก่อนที่จะหันไปถามนายสรวงศ์ ว่า “เป็นของเขาได้อย่างไร” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าเขาเคลมว่าเป็นแบบนั้น นางสาวแพทองธาร ยิ้ม นิ่งคิดก่อนที่นายสรวงศ์จะบอกว่า “สื่อไทยต้องเลิกเป็นกระบอกเสียงให้กัมพูชา” นางสาวแพทองธารจึงพูดต่อว่า “ก็เหมือนที่เขาบอกว่าปล่อยคลิป แล้วก็บอกว่าไม่ได้ปล่อย ใช่ไหม เหมือนกันนั่นแหละ” -สำนักข่าวไทย

มติ มส. เคาะแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง

21 ก.ค.- ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง กรณีการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุที่ผิดพระธรรมวินัย พร้อมกำหนดกรอบเวลาวินิจฉัยรู้ผลภายใน 10 วัน หากมีหลักฐานชัด และขั้นตอนการสละสมณเพศของพระที่กระทำผิด ย้ำการปรับครั้งนี้ เพื่อความรวดเร็วในการจัดการ เพิ่มบทบาทสำนักพุทธฯ แสวงหาข้อมูลและร่วมมือกับหน่วยงานอื่น รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม ร่วมแถลงข่าวเปิดเผย ภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้ โดย รศ.ดร.ชัชพล ระบุว่าที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติม กฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง เพื่อใช้ในการเร่งรัดการปฏิบัติต่อพระสงฆ์ที่ประพฤติผิดต่อพระธรรมวินัย หนึ่ง เกี่ยวกับการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุตามพระธรรมวินัย กฎนี้เดิมตราขึ้นปีตั้งแต่ปี 2521 โดยจะมีการเพิ่มเติมที่ให้อำนาจข้าราชการมีส่วนนำเสนอประเด็นได้โดยไม่ต้องรอคณะสงฆ์อย่างเดียว โดยอำนาจวินิจฉัยยังเป็นคณะสงฆ์ ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ จะมีส่วนในการสนับสนุนข้อมูล พยานหลักฐาน ช่วยเร่งรัดกระชับกระบวนการให้จัดการได้ไวขึ้น โดยร่างกฎมหาเถรมาคมเรื่องลงนิคหกรรม ที่จะบังคับใช้เพิ่มเติมใหม่ จะมีการเพิ่มเติมหมวด โดยเฉพาะวิธีการปฏิบัติเมื่อปรากฏหลักฐานพระสงฆ์กระทำผิดชัดแจ้ง เช่น แบ่งเป็นในการพิจารณาพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดพระธรรมวินัย เนื่องจากเสพเมถุน หรือต้องอาบัติปาราชิกอื่นๆ […]

“บิ๊กเต่า” เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกาเป็นเหตุให้สึก

บก.ปปป. 21 ก.ค. – รอง ผบช.ก. เผยพบเส้นเงินพระลูกวัดนครสวรรค์-ฆราวาส โยงสีกา 2 ราย เป็นเหตุให้สึก ส่วนการทุจริตก่อสร้างพุทธอุทยาน และ มจร. อยู่ระหว่างตรวจสอบให้ชัด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียน “ทิดสฤษดิ์” หรือ อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมว่า หลังเกิดกรณีของ “กอล์ฟ” ได้ตรวจสอบเอาผิดพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมถึงชั้นเทพ ส่วนกรณีวัดที่จังหวัดนครสวรรค์ มีสมณศักดิ์สูงกว่าคือชั้นธรรม ซึ่งเรื่องอาญาในการทุจริต โดยมีข้อมูลเชื่อมโยงกันเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี วันนี้จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดพิจิตร เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน แม้พระจะสึกไปแล้วยังต้องได้รับการตรวจสอบจากตำรวจด้วยว่าจะเข้าข้อหาอาญาทุจริตหรือไม่ จากการตรวจสอบมีเส้นเงินที่ตรวจสอบพบเกี่ยวกับกอล์ฟ หลายเส้นเงิน ทาง ผบช.ก. จึงสั่งให้ตรวจสอบทุกวัด ทุกรูป แม้จะตรวจสอบไม่พบจากคลิปวิดีโอหรือแชตไลน์ ก็ให้ทำการตรวจสอบคู่ขนานกันไปด้วย ส่วนกรณีการตรวจสอบก่อสร้างของพุทธอุทยาน และโครงการในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ หรือ มจร.นครสวรรค์ ที่สร้างมานานแล้วยังไม่แล้วเสร็จนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า […]