สธ. 1 ส.ค.- อธิบดีกรมควบคุมโรค เชื่อสถานการณ์โควิดจะคงที่ แต่ยังต้องเคร่งครัดมาตรการ 2U ห่วงกรณีรีบาวด์ ป่วยโควิดรับยาแพ็กซ์โลวิด แต่เกิดติดเชื้อซ้ำเหมือน “โจ ไบเดน” ชี้เป็นสาเหตุให้รับยาต้านต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โควิด -19 ว่า ขณะนี้แนวโน้มการติดเชื้อคงตัว แต่จะลดลงใน 2-3 สัปดาห์ โดยวันนี้พบการติดเชื้อ 2,108 คน ปอดอักเสบ 879 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 457 คน เสียชีวิต 19 ราย ซึ่งอัตราการเสียชีวิตลดลงจากเดิม 30 คน/วัน แต่ในส่วนของผู้เสียชีวิตยังคงเป็นผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนถึง 32% และบางคนก็ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน 3 เดือนแล้ว ดังนั้นจึงควรคงมาตรการ 2U คือการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น และมาตรการส่วนบุคคล เว้นระยะห่าง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย
นพ.โอภาส ยังกล่าวถึงการจ่ายยาต้านไวรัสรักษาการติดเชื้อโควิด-19 ว่า ในคนทั่วไปที่มีการรับวัคซีนครบ ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง สามารถรับยาตามอาการ ไม่จำเป็นต้องรับยาต้านไวรัส ให้รับยาเป็นดุลยพินิจของแพทย์ เพราะยังไม่สามารถตอบได้ถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้นหรือระยะยาว โดยขณะนี้เกิดปรากฏการณ์รีบาวด์ หลังจากจ่ายยาต้านไวรัสรักษาโควิด จากกรณีของโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ หลังรับยาต้านแพ็กซ์โลวิด แต่กลับปรากฏติดเชื้อโควิดซ้ำ 2 เรื่องนี้ยังต้องติดตาม เพราะสมมุติฐานของการรับยาต้านเชื้อควรจะหมดไป แต่กลับเกิดลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ต้องจ่ายยาต้านไวรัส และอยู่ในการดูแลของแพทย์
นพ.โอภาส กล่าวว่า คาดว่าภายใน 2 เดือน ยาภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ long Actiong Antibody (LAAB) จะทยอยมาถึง 250,000 โดส คาดว่าจะทยอยฉีดให้กับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำในกลุ่มคนไตวายเรื้อรัง และคนปลูกถ่ายอวัยวะ เริ่มตั้งแต่คนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป. -สำนักข่าวไทย