มอบเงินช่วยเหลือแรงงานไทยกลับจากยูเครน

สถาบันบำราศนราดูร 2 มี.ค.- เปิดใจแรงงานไทยเดินทางกลับจากยูเครน เผย ดีใจกลับบ้านอย่างปลอดภัย ไม่ขอกลับไปอีก ขณะที่ ก.แรงงาน มอบเงินช่วยเหลือ พร้อมประสานพาแรงงานไทยที่เหลือเดินทางกลับ


แรงงานชาวไทยที่เดินทางกลับจากยูเครน ขนสัมภาระและกระเป๋าเดินทาง เข้ากักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด-19  ที่อาคาร Quarantine Center สถาบันบำราศนราดูร หลังจากเดินทางกลับถึงไทยเมื่อช่วงเช้าวันนี้

นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน  กล่าวว่า มีแรงงานไทยไปทำงานในในยูเครน 139 คน ส่วนใหญ่ทำอาชีพนวด และสปา เบื้องต้นมีแรงงานแจ้งความประสงค์ เดินทางกลับไทยประมาณ 100 กว่าคน และมีแจ้งความประสงค์เข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ โดยแรงงานที่เดินทางกลับมาและเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จะได้รับเงินช่วยเหลือ คนละ 15,000 บาท   คนไทยชุดแรกจำนวน 38 คน เดินทางโดยเครื่องบินสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 923 ออกจากกรุงบูคาเรสต์มาถึงประเทศไทยเวลา 06.25 น. วันนี้ เป็นสมาชิกกองทุนฯ 21 คน ส่วนคนไทยชุดที่สอง จำนวน 58 คน เดินทางโดยเครื่องบินสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 384 ออกจากกรุงวอร์ซอมาถึงประเทศไทยเวลา 12.05 น. วันนี้เช่นกัน เป็นสมาชิกกองทุนฯ จำนวน 48 คน โดยมอบเงิน  รวมมอบเงิน 69คน รวม 1,035,000 บาท   หากแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาแล้วมีความประสงค์อยากจะหางาน ทางกระทรวงแรงงานมีระบบในการจัดหางาน ทางการหางานในประเทศและต่างประเทศที่จะคอยช่วยเหลือหลังจากนี้


ปลัดกระทรวงแรงงาน ยอมรับว่า ในยูเครนยังอยู่ระหว่างการสู้รบการเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบากเป็นอุปสรรคในการอพยพ บางพื้นที่มีหน่วยทหารตรวจตามเส้นทาง เมืองบางแห่งมีระเบิดทำให้แรงงานไทยต้องหลบภัยและพยายามเดินทางออกไปยังจุดปลอดภัย เพื่อข้ามชายแดน  โดยกระทรวงแรงงาน ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่ออพยพคนไทยกลับมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานมีโรงแรมที่พักและจัดรถไปสู่ประเทศข้างเคียงของยูเครนเพื่อขึ้นเครื่องบินพาณิชย์กลับมาสู่ประเทศไทยอย่างปลอดภัย

นางสาวสุภาพ โพธิลเดา (อ่าน โพ-ธิ-ละ-เดา) อายุ 46 ปี แรงงานไทยที่เดินทางกลับจากยูเครน เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ได้เดินทางกลับสู่บ้านเกิดหลังจากเดินทางไปทำงานที่ประเทศยูเครนได้เพียง 6-7เดือน ซึ่งทำงานอยู่ทางตอนใต้แม้สถานการณ์จะไม่รุนแรงเท่าเมืองหลวงแต่เพื่อความปลอดภัยจึงตัดสินใจเดินทางกลับ โดยระหว่างเดินทางอพยพออกมาพบว่ายังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ถนนและสะพานหลายสายถูกตัดขาดบางช่วงต้องลงจากรถและเดินเท้าเป็นระยะทางไกล ขณะที่แรงงานไทยบางส่วนที่อยู่ในกรุงเคียฟยังไม่สามารถเดินทางออกมาได้และมีบางส่วนตัดสินใจไม่เดินทางกลับมาเพราะมีครอบครัวอยู่ที่นั่น โดยหลังจากนี้ตนเองจะเดินทางพักผ่อนก่อน แล้วจะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดมหาสารคาม และ หากสถานการณ์ในยูเครนสงบลง ก็คงไม่ขอเดินทางกลับไปทำงานที่นั่นอีก – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

นักวิชาการชี้เลือกตั้งนายก อบจ.ไม่ใช่ภาพสะท้อนเลือกตั้งใหญ่

การเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผ่านพ้นไปแล้วทั้ง 47 จังหวัด ขณะนี้รอประกาศผลอย่างเป็นทางการจาก กกต. แต่ผลที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าผู้สมัครที่มีเครือข่ายพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุนได้ชัยชนะหลายจังหวัด แต่นักวิชาการชี้ว่ายังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นภาพชัดถึงผลสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตได้

เปิดใจ 5 ตัวประกันคนไทย บอกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่

เปิดใจ 5 ตัวประกันคนไทย บอกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ได้ชีวิตใหม่ ไม่สิ้นเคยหวัง เชื่อว่าต้องได้กลับบ้านในสักวัน เผยอยากกินลาบ-ซอยจุ๊

ดาวเทียมพบฝุ่นหนักในอาเซียน หลายประเทศทะลุ 190 AQI

ดาวเทียมพบฝุ่นหนักในอาเซียน “เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย” หลายประเทศทะลุ 190 AQI ส่วนไทย อีก 2 วัน มีลมแรงช่วยพัดฝุ่นกระจายตัวดีขึ้น ด้าน ปภ.ช. สั่งพรุ่งนี้ (3 ก.พ.) ดีเดย์ ทุกหน่วยทั่วประเทศเคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” ฝ่าฝืนจับสถานเดียว