เชียงใหม่พบโอไมครอน 2 ราย อยู่ในการควบคุมของ สธ.แล้ว

เชียงใหม่ 26 ธ.ค.-จังหวัดเชียงใหม่ แถลงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาผ่านระบบ Test & Go ขณะนี้ติดตามไทม์ไลน์และควบคุมผู้เสี่ยงสูง-เสี่ยงต่ำได้ครบแล้วทั้งหมด ยืนยันยังไม่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ ย้ำประชาชนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด และเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเร็วเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันสายพันธุ์โอไมครอน

วันนี้ (26 ธ.ค. 64) ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค COVID-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และแพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงการสอบสวนเบื้องต้นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ที่มีความสำคัญทางสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่


นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ แต่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องแจ้งให้ประชาชนทุกคนทราบ เพื่อเตรียมตัว ตื่นตัว และตระหนักไปพร้อมกัน เนื่องจากได้มีการตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกพบว่ามีชาวต่างชาติ 2 ราย ที่เดินทางมาจากอังกฤษและเยอรมนี ผ่านระบบ Test & Go พบว่ามีการติดเชื้อและคาดว่าจะเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งขณะนี้สามารถติดตามไทม์ไลน์และควบคุมได้แล้ว จึงขอแจ้งให้ประชาชนทุกคนทราบว่ามีเชื้อสายพันธุ์ใหม่เข้ามาแล้ว แต่อย่าได้ตื่นตระหนก เพราะตอนนี้ได้สอบสวนและควบคุมโรคแล้ว

นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งผลตรวจสายพันธุ์ของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาผ่านระบบการคัดกรองแบบ Test & Go จำนวน 2 ราย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจยืนยันโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าจะทราบผลยืนยันในอีก 2 วัน อย่างไรก็ตามทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคอย่างเข้มข้นตั้งแต่ได้รับรายงาน


โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นชายชาวเยอรมัน อายุ 22 ปี เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 17 ธันวาคม ผลตรวจ RT-PCR ในวันแรกไม่พบเชื้อ ผู้ติดเชื้อรายนี้อยู่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 17-20 ธันวาคมและได้เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 20 ธันวาคม ด้วยสายการบินไลออนแอร์ SL510 ก่อนจะเข้าพักในคอนโดที่จองไว้ ย่านช้างคลาน และได้เดินทางไปเที่ยวใน อำเภอแม่วาง (private tour) ในวันที่ 21 ธันวาคม เริ่มมีอาการผิดปกติ วันที่ 22 ธันวาคม จึงเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน พบว่าติดเชื้อ จากผลการติดตามผู้สัมผัสของผู้ติดเชื้อรายแรกพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 18 ราย เสี่ยงต่ำ 7 ราย ขณะนี้ติดตามตัวได้ทั้งหมดแล้ว โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ประกอบด้วย (1) ผู้สัมผัสในเที่ยวบิน ซึ่งเป็นผู้ที่นั่งอยู่ใน 2 แถวหน้า-หลัง และแถวเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ จำนวน 13 ราย อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 4 ราย ตรวจแล้วผลลบแล้ว 3 ราย และได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อในวันนี้อีก 1 ราย (2) พนักงานขับรถแท็กซี่ 1 ราย ผลตรวจรอบแรกเป็นลบ (3) พนักงานขับรถและไกด์นำเที่ยว 2 ราย อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ (4) เพื่อนร่วมเดิมทางไปที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 ราย ได้ติดตามเพื่อเข้ารับการตรวจวันนี้ (5) หมอนวด 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 7 ราย เป็นพนักงานร้านกาแฟ ผลตรวจเป็นลบ 6 ราย และอยู่ระหว่างรอผลอีก 1 ราย

ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่ 2 เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 64 ปี เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 18 ธันวาคม ผลตรวจ RT-PCR ในวันแรกไม่พบเชื้อ ได้เดินทางต่อมายังจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 ธันวาคม ด้วยสายการบินไทยสไมล์ WE110 และเข้าพักที่บ้านเช่าใน อำเภอสันทราย ผู้ติดเชื้อรายนี้ได้ตรวจ ATK ด้วยตนเองในวันที่ 24 ธันวาคมพบผลบวก จึงเข้ารับการตรวจ RT-PCR ที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ด ก่อนจะทราบผลติดเชื้อในเวลาต่อมา ขณะนี้รักษาตัวในโรงพยาบาลสันทราย

จากผลการติดตามผู้สัมผัสของผู้ติดเชื้อพบผู้สัมผัส ได้แก่ (1) เพื่อนที่ร่วมเดินทาง 3 ราย เข้ารับการตรวจแล้วทั้งหมด ผลเป็นลบ 2 ราย อีก 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ (2) ผู้สัมผัสในเที่ยวบิน WE110 ที่นั่งอยู่ 2 แถวหน้า-หลัง และแถวเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลจากสายการบิน และ (3) พนักงานขับรถแท็กซี่ 1 ราย อยู่ระหว่างการติดตาม


ด้านแพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่เจอยังเป็นผู้ที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่ง 2 รายนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาตามระบบ Test & Go เมื่อตรวจ RT-PCR ไม่พบเชื้อจึงเดินทางมาต่อมายังจังหวัดเชียงใหม่ มีการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในทุกๆ แห่ง ที่ผู้ติดเชื้อมีประวัติเดินทางไป และแจ้งให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสุงทุกคนหยุดกิจกรรมทุกอย่าง และเข้ารับการตรวจ RT-PCR แล้ว ซึ่งบางรายผลออกแล้วเป็นลบ และบางรายอยู่ระหว่างรอผล โดยผู้ที่ผลตรวจรอบแรกเป็นลบจะต้องกักตัวจนครบ 14 วัน และทำการตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าเมื่อพบผู้ติดเชื้อทางสาธารณสุข สามารถดำเนินการและตรวจจับเชื้อ สวบสวนโรค ควบคุมโรคได้ทันที

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เน้นย้ำให้พี่น้องประชาชนเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น และยังไม่มีการระบาดในพื้นที่ แต่เป็นการระบาดจากต่างประเทศเข้ามา จังหวัดเชียงใหม่ได้รณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเร็วที่สุด เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน รวมทั้งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะมีการวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเป็นระบบ โดยผ่านการประเมินจากทีมแพทย์ ซึ่งมาตรการทุกอย่างจะต้องเข้มงวดเหมือนเดิม โดยเฉพาะร้านอาหารต่างๆ ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]