สปสช.ย้ำเป้าหมายสู่ปีที่ 20 ปชช.เข้าถึงบริการสาธารณสุข

กทม. 27 พ.ย.- ครบ 19 ปีก้าวสู่ปีที่ 20 ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช.ย้ำยึดมั่นเป้าหมายให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขและไม่ล้มละลายจากการเจ็บป่วย แต่จะปรับระบบการทำงานให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและโลกยุค Disrupted มากขึ้น

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวในงานเสวนาในหัวข้อ “เข้าสู่ 2 ทศวรรษ ระบบหลักประกันสุขภาพไทยไปไกลแค่ไหน” เนื่องในโอกาสครบรอบ 19 ปี วันสถาปนาสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า หลักการของระบบหลักประกันสุขภาพที่ สปสช. ยึดถือมาตลอด 19 ปี คือหลักการที่ให้ประชาชนเข้าถึงบริการและไม่ล้มละลายจากการเจ็บป่วย เป็นเป้าหมายในภาพใหญ่ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ซึ่งนับตั้งแต่มีการจัดตั้งขึ้นมา ระบบหลักประกันสุขภาพประสบความสำเร็จความสำเร็จในแง่การเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชนและลดการล้มละลายจากการเจ็บป่วย ขณะเดียวกันยังมีความสำเร็จที่โดดเด่นอีกประการ คือการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สปสช.มีการรับฟังความคิดเห็นและนำปัญหาของประชาชนมาจัดทำนโยบาย อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในอดีตที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเรื่องรับประกันความสำเร็จในอนาคต สปสช.ยังมีความท้าทายที่ต้องปิดจุดอ่อนและทำให้ระบบก้าวหน้าต่อไป


นพ.จเด็จ กล่าวว่า ตอนนี้เป็นการก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 20 ของระบบหลักประกันสุขภาพในประเทศไทย ซึ่งทิศทางการพัฒนาระบบในอนาคตนั้น ในส่วนของเป้าหมายยังไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวคือทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพและไม่ล้มละลายจากการเจ็บป่วย อย่างไรก็ดี ในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า หากจะทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพสำเร็จมากขึ้น สปสช. ต้องใช้ทฤษฎีในการทำงานที่ต่างไปจากเดิม ซึ่งตนในฐานะเลขาธิการ สปสช.จะเน้นหนักใน 2 ทฤษฎีในการขับเคลื่อนงานคือทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ซึ่งอธิบายว่าจริงๆแล้วมนุษย์ไม่ค่อยมีเหตุผลแต่ สปสช.ทำได้ ตัวอย่างเช่น อยากให้คนเข้าถึงบริการมากขึ้น แต่ก็อยากได้รับบริการที่รวดเร็วด้วย ซึ่ง สปสช. ได้พัฒนาระบบบริการในเรื่องตามทฤษฎีนี้ เช่น การส่งยาที่บ้าน การผ่าตัดวันเดียวกลับ การให้ยามะเร็งที่บ้าน เป็นต้น ซึ่งระบบบริการลักษณะนี้ สมัยก่อนทำไม่ได้แต่ปัจจุบันทำได้และจะมีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ยังมีทฤษฎีที่ว่าด้วยโลกกำลังจะ Disrupted บริการบางอย่างไม่จำเป็นต้องเป็นของใหม่ที่แพงกว่ามาแทนที่ของเก่า บางครั้งของใหม่ที่ถูกกว่าเดิมมาแทนของเก่าก็มี เช่น ช่วงเดือน ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ผู้คนยังไม่เชื่อมั่นในเรื่อง Home Isolation ซึ่งมีต้นทุนบริการประมาณ 10,000 บาท/คน มีแต่คนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ สู้ Hotel Isolation ซึ่งมีต้นทุนบริการประมาณ 60,000 บาทไม่ได้ แต่ สปสช. พบว่าผู้ติดเชื้อโควิดไม่ชอบไปโรงแรมแต่อยากอยู่บ้านแล้วส่งยามาให้มากกว่า แสดงว่าบริการที่ต้นทุนถูกกว่าไม่ได้แย่เสมอไป ความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยีต้องแพงถึงจะดีก็อาจจะไม่จริง ดังนั้นในระยะต่อไป สปสช.ต้องปรับวิธีทำงานโดยนำทฤษฎีใหม่ๆ มาประยุกต์


“อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือความรวดเร็ว สปสช.พยายามเอาความรวดเร็วมาประยุกต์ เช่น เมื่อเราได้รับการติดต่อให้จัดงบประมาณสำหรับผู้ได้รับความเสียหายจากการฉีดวัคซีนโควิด เมื่อวิเคราะห์แล้วพบว่าปัจจัยที่จะทำให้นโยบายนี้ล้มเหลวคือการจ่ายเงินช้า เราถึงพยายามจ่ายเยียวยาให้เร็วที่สุดใน 5 วัน และต้องไม่ใช่ 5 วันทำการเพราะธนาคารยังสามารถจ่ายเงินวันเสาร์-อาทิตย์ได้ เป็นต้น ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ต้องปรับเพื่อไปสู่เป้าหมาย ถ้าเราปรับกระบวนการ ปรับวิธีคิด ปรับบุคลิก แม้เป้าหมายจะเหมือนเดิมแต่ความสำเร็จจะแตกต่างออกไป” นพ.จเด็จ กล่าว

ด้าน น.ส.ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง กล่าวว่า ที่ผ่านมาเครือข่ายผู้ป่วยโรคมะเร็งได้รับการช่วยเหลือจาก สปสช. อย่างมากในเรื่องสิทธิประโยชน์ อีกทั้งผู้ป่วยยังเชื่อมั่นในเรื่องมาตรฐานการรักษาที่ทัดเทียมกับกองทุนสุขภาพอื่นๆ ทั้งนี้ โรคมะเร็งเป็นโรคที่ต้องแข่งกับเวลา มีความยุ่งยากในการรักษา มีค่าใช้จ่ายสูง ไม่ได้เดือดร้อนเฉพาะผู้ป่วยแต่ยังกระทบถึงครอบครัวด้วย ผู้ป่วยหลายคนไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้ล่วงหน้าแต่การมีระบบหลักประกันสุขภาพก็สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัวหลายครอบครัวให้ผ่านเวลาที่ยากลำบากมาได้ พร้อมกล่าวถึงข้อเสนอการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพในอนาคตจากมุมมองผู้ป่วยว่ามี 4 ประเด็นหลักคือ

1.โรคมะเร็งป้องกันได้โดยการตรวจคัดกรอง แต่ยังมีบางชุดสิทธิประโยชน์ที่ไม่เอื้อให้มาตรวจคัดกรอง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ ดังนั้นถ้าทำให้เกิดความร่วมมือจากหลายๆ ภาคีในการรณรงค์ให้คนมาตรวจคัดกรอง จะเป็นประโยชน์ ช่วยป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยมะเร็งมากขึ้น


2.คุณภาพชีวิตผู้ป่วย ผู้ป่วยบางคนไม่อยากได้ยาราคาแพงแต่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีมากกว่า ดังนั้นการพัฒนาสิทธิประโยชน์จึงอยากให้มองเรื่องคุณภาพชีวิตผู้ป่วยเป็นหลักและเปิดให้ผู้ป่วยมีสิทธิเลือกทางเดินของตัวเองในการรักษา ไม่ใช่พิจารณาแค่ความคุ้มค่าทางตัวเงินอย่างเดียว

3.การมีส่วนร่วมของผู้ป่วย การรวมพลังของเครือผู้ป่วยยังขาดความต่อเนื่อง แม้ สปสช.จะเปิดให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วม แต่ส่วนมากเป็นการเปิดให้แสดงความเห็นของงานที่เสร็จแล้ว แต่เครือข่ายผู้ป่วยอยากเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่กระบวนการวางแผน การกำหนดทิศทาง และอยากให้สร้างเครือข่ายผู้ป่วยในเชิงรุกที่เป็นมากกว่าการทำกิจกรรมร่วมกัน

4.การพัฒนาเทคโนโลยี ปัจจุบันมีโครงการผู้ป่วยมะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ แต่ระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยบริการที่ไม่ได้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขยังมีปัญหา การเก็บข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ถ้าร่วมมือกันทั้งภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายผู้ป่วย ฐานข้อมูลนี้จะเป็น evidence base ที่สำคัญของรัฐในการนำไปพิจารณากำหนดนโยบายและงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ในอนาคต .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”