พม. เผยแนวทางช่วยเหลือเด็กได้รับผลกระทบโควิด

กทม. 21 ส.ค.-พม. เผยแนวทางช่วยเหลือเด็กกำพร้า เด็กขาดผู้ดูแลจากผลกระทบโควิด-19 ทั้งนี้พบเด็กติดเชื้อมากขึ้น เฉลี่ยกว่า 2,000 รายต่อวัน

นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รองปลัด พม.) ในฐานะโฆษกกระทรวง พม. เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น กระทรวง พม. มีความห่วงใยกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือโดยด่วน ขณะนี้พบว่าเด็กติดเชื้อมีจำนวนมากขึ้น โดยเฉลี่ยติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 2,000 รายต่อวัน และเด็กติดเชื้อสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-19 สิงหาคม 2564 มีจำนวน 104,392 คน ซึ่ง กทม. เป็นจังหวัดที่มีเด็กติดเชื้อมากที่สุดถึง 11,107 คน


นางสาวแรมรุ้ง กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. ได้ดำเนินการช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ดังนี้ 1) คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ให้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทุกระดับในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีกลไก การกำกับติดตาม และประสานส่งต่อเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ และ 2) กระทรวง พม. ได้พัฒนาแนวทางการประสานงานส่งต่อการช่วยเหลือเด็กรวมถึงผู้ปกครอง โดยจัดกลุ่มเด็กที่ได้รับผลกระทบออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เด็กพึงได้รับการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพ เช่น ยากจน เลี้ยงดูมิชอบ ทารุณกรรม ผู้ปกครองไม่สามารถเลี้ยงดูได้ กลุ่มที่ 2 เด็ก พ่อแม่หรือผู้ปกครองติดเชื้อ และ กลุ่มที่ 3 เด็กติดเชื้อ พ่อแม่หรือผู้ปกครอง ไม่ติดเชื้อ กลุ่มที่ 4 เด็กไม่ติดเชื้อ พ่อแม่หรือผู้ปกครองติดเชื้อ และกลุ่มที่ 5 เด็กกำพร้า กรณีบิดามารดาหรือผู้ปกครองเสียชีวิตจากการติดเชื้อ มีจำนวน 234 คน ในพื้นที่ กทม. และ 48 จังหวัด แบ่งเป็นกำพร้าบิดา กำพร้ามารดา และกำพร้าบิดาและมารดา ทั้งนี้มีเด็กที่ได้รับการช่วยเหลือดูแลที่ครอบคลุม โดยเข้าสู่ระบบการจัดการรายกรณี ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม-19 สิงหาคม 2564 รวมจำนวน 2,900 คน

นางสาวแรมรุ้ง กล่าวต่อไปอีกว่า กระทรวง พม. ยังมีกลไกการเข้าถึงกลุ่มเด็กและประชาชนที่ประสบปัญหาทางสังคมเชิงรุก ได้แก่ 1) อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ทั่วประเทศ 195,360 คน แบ่งเป็น กทม. 5,119 คน และจังหวัด 190,241 คน 2) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง และ “Mobile Application คุ้มครองเด็ก” เป็นช่องทางการแจ้งเหตุครอบคลุมทุกสภาพปัญหา รวมถึงเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และ 3) การจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. กองทุนความเสมอภาคเพื่อการศึกษา กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และเปิดบริการ Line Official Account @savekidscovid19 เพื่อเป็นศูนย์กลางประสาน เชื่อมต่อบริการของหน่วยงาน องค์กรเอกชน ภาคประชาสังคม และอาสาสมัครในการช่วยเหลือเด็กและ ครอบครัวได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งเด็กติดเชื้อหรือผู้ปกครองติดเชื้อ หรือเด็กผู้ปกครอง และสมาชิกในครอบครัวติดเชื้อทั้งหมด รวมทั้งเด็กที่ไม่มีผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเสียชีวิตจากโควิด-19 ทั้งนี้ เมื่อข้อมูลจาก Line OA ที่แจ้งเหตุเข้ามาไม่ว่าจะที่ไหนในประเทศไทยจะถูกส่งต่อเข้าระบบระบบสารสนเทศเพื่อการคุ้มครองเด็ก Child Protection Information System (CPIS) แบบ Real Time โดยมีบ้านพักเด็กและครอบครัว 77 แห่ง เป็นผู้จัดการรายกรณี รับหน้าที่เป็นผู้ประสานการช่วยเหลือตามสภาพปัญหาและความต้องการของเด็กและครอบครัว สำหรับ กทม. แบ่งพื้นที่การทำงานเป็น 6 โซน ตามการแบ่งโซนของ กทม. ได้แก่ 1) กรุงเทพเหนือ 7 เขต 2) กรุงเทพตะวันออก 9 เขต 3) กรุงเทพกลาง 9 เขต 4) กรุงเทพใต้ 10 เขต 5) กรุงธนเหนือ 8 เขต และ 6) กรุงธนใต้ 7 เขต อีกทั้งมีรูปแบบการจัดบริการความช่วยเหลือด้านกาย จิต สังคม การศึกษา ที่มุ่งเน้นการป้องกันการแยกเด็กออกจากครอบครัว เพื่อลดผลกระทบเชิงลบทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อเด็กที่เกิดจากการพรากจากผู้ดูแล นอกจากนี้ กระทรวง พม. ยังได้เสริมสร้างความสามารถขององค์กรและแสวงหาความร่วมมือ เพื่อการให้บริการแบบไร้รอยต่อ ด้วยแนวปฏิบัติและการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) โดยความร่วมมือกับองค์กรยูนิ เซฟ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเครือข่ายการเลี้ยงดูเด็กทดแทน (Alternative Care Network) ด้วยการจัดทำคู่มือและการฝึกอบรม


นางสาวแรมรุ้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนโยบายการให้ความช่วยเหลือเด็กในสถานการณ์โควิด-19 ที่พ่อแม่ ผู้ปกครองอยู่ระหว่างการรักษา หรือยังไม่มีความพร้อมในการรับเด็กกลับไปเลี้ยงดู รวมถึงกรณีที่พ่อแม่ ผู้ปกครองเสียชีวิต ผ่านระบบการเลี้ยงดูทดแทนรูปแบบต่าง ๆ แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะแรก เป็นการเลี้ยงดูทดแทนแบบฉุกเฉินสำหรับเด็กกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงที่ต้องได้รับการดูแลในระยะกักตัว 14 วัน เพื่อติดตามอาการในสถานที่กักตัว (State Quarantine-SQ) กรณีไม่สามารถจัดหา SQ ได้ จะส่งเด็กให้อยู่ในการดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว 77 แห่ง 2) ระยะที่สอง เป็นการเลี้ยงดูทดแทนแบบชั่วคราวสำหรับเด็กที่พ้นระยะกักตัว 14 วัน ที่พ่อแม่ ผู้ปกครองยังไม่มีความพร้อมในการรับเด็กกลับไปเลี้ยงดู หรือพ่อแม่ ผู้ปกครองเสียชีวิต แบ่งเป็น 2.1) ครอบครัวเครือญาติอุปถัมภ์ โดยญาติรับเลี้ยงดูเด็กทั้งในระยะสั้นและยาว 2.2) ครอบครัวอุปถัมภ์ โดยครอบครัวอาสาสมัครที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติรับเลี้ยงดูเด็กตามระยะเวลาที่กำหนด 2.3) สถานสงเคราะห์ ซึ่งจะเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กชั่วคราว ผ่านการจัดบริการด้านต่าง ๆ ในระยะยาว และ 3) ระยะที่สาม เป็นการเลี้ยงดูในครอบครัวทดแทนถาวร โดยครอบครัวบุญธรรมคนไทยและคนต่างชาติที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมายที่กำหนด โดยมีสิทธิ หน้าที่ และความผิดชอบต่อเด็กตามกฎหมาย นอกจกานี้ ยังมีระบบอาสาสมัครดูแลเด็ก โดยร่วมมือกับกองทุนความเสมอภาคเพื่อการศึกษา (กสศ.) พัฒนาระบบการรับสมัครอาสาสมัครในการดูแลเด็กประเภทต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะสามารถขับเคลื่อนได้เต็มรูปแบบในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

นางสาวแรมรุ้ง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ กระทรวง พม.ได้มีการจัดตั้งศูนย์แรกรับเด็กและครอบครัว ณ อาคารธัญญารมย์สถาบันพระชาบดี อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ตามมติเห็นชอบของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ซึ่งมี นายจุติ ไกรฤฏษ์ รมว.พม. เป็นประธาน โดยมีกระทรวงสาธารณสุขช่วยดูแลจัดการระบบและดูแลทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัด ซึ่งศูนย์แห่งนี้จะให้การช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทั้งในจังหวัดปทุมธานี กทม. และปริมณฑล สามารถรองรับได้ 10 ครอบครัว (40 เตียง) โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากกองทุนเสริมสร้างสุขภาพแห่งชาติ (สสส.) คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนสิงหาคม 2564 ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้พยายามเสริมบริการดูแลเด็กและครอบครัวให้มากที่สุด โดยพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งขอเชิญชวนประชาชนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเครือข่ายคุ้มครองเด็ก หากพบเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเหตุได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ผ่าน Line OA @savekidscovid19 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง และ Mobile Application คุ้มครองเด็ก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย

23 มิ.ย.- ‘ปลัดฯ บุญสงค์’ รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดระยะเวลาการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย ขณะที่ล่าสุดแจ้งขอกลับเพิ่ม 9 ราย วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ รับและพบปะพูดคุยให้กำลังใจแรงงานไทยซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท Chemo Aharon Ltd. จำนวน 22 ราย ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม สัญญาจ้าง 2 ปี และเป็นกลุ่มแรงงานที่สิ้นสุดโปรเจคระยะสั้น จึงเดินทางกลับประเทศไทย โดย ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีกำหนดเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด โดยทางบริษัท […]

กองทัพสั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ชายแดนไทย-กัมพูชา

23 มิ.ย.- “กองทัพ” สั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยกเว้นช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม-นักเรียน วันที่ 23 มิ.ย.68 เวลา 19.10 น. กองทัพภาคที่ 1 ได้เผยแพร่คำสั่งกองทัพภาคที่ 1 เรื่องควบคุมการเปิด – ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท ลงนามโดย พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สำหรับเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยปัจจุบัน ปรากฏข่าวสารทหารกัมพูชามีการรุกลํ้าอธิปไตยในพื้นที่ของประเทศไทยโดยการลาดตระเวน ปรับปรุงที่มั่น และดัดแปลงภูมิประเทศ รวมถึงมีการนำประชาชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ความปลอดภัยของประชาชนตามแนชายแดนได้รับความเดือดร้อน และเกิดความตึงเครียด จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ที่เดินทางข้ามแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงยังปรากฎการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ Call Center และ Hybrid Scamซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในประเทศ และในภูมิภาคเป็นวงกว้าง กองทัพภาคที่ 1ในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนไทย – […]

นายกฯ ขีดเส้น 3 เดือนเห็นผล แก้อาชญากรรมข้ามชาติ

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- นายกฯ นำแถลงไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ สั่งตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้มการเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดนักพนันบินไปเสียมราฐ จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้านทหาร-ตำรวจ จับมือ ปปง. คว่ำบาตรขบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือนสถิติแจ้งความต้องลดลง ไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมอาสาเป็นเจ้าภาพร่วมมือนานาชาติ ขณะ “นายกฯ” สั่ง ตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้ม การเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดบินเล่นพนัน – จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้าน ทหารตำรวจ จับ มือ ปปง.คว่ำบาตร กระบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือน เห็นผล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ […]

ผบ.ตร.ยันเอาผิด “ฮุน เซน” ได้หรือไม่ขึ้นกับพยานหลักฐาน

23 มิ.ย. – ผบ.ตร. ระบุสอบสวนปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” อาจเชิญนายกฯ ไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีเอาผิด “ฮุน เซน” ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน จึงมีการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน ย้ำตำรวจไม่หนักใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจเพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร ส่วนจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึง อย่างสมเด็จฮุน เซน ด้วยหรือไม่นั้น การจะเอาผิดได้หรือไม่อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิดผู้นำประเทศกัมพูชา ได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง […]