ดีเอสไอ 3ก.พ.-“ศรีสุวรรณ” ร้องดีเอสไอเอาผิดนายอำเกอบ้านลาด-กรมที่ดินใช้อำนาจโดยมิชอบออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน น.ส.3 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเพชรบุรีให้นายทุนหลอกขายชาวต่างชาติ เสียหายรวม 2พันล้านบาท
ที่กรมสอบสวนคดีพิตษ (Dsi) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นำชาวต่างชาติสัญชาติรัสเชียและอังกฤษ พบ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ ยื่นคำร้องเอาผิดนายอำเภอบ้านลาดและเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอบ้านลาด จ.เพชรบุรี เนื่องจากมีชาวต่างชาติกว่า 100 ราย ถูกบริษัทต่างชาติที่มาจดทะเบียนในประเทศไทย โดยมีคนไทยเป็นนอมินีให้ ทำการหลอกขายบ้านพักพร้อมที่ดินจัดสรรให้ ในโครงการ “Phetchaburi Park Project” ประกอบไปด้วยโรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านดี่ยว สวนอาหารและสวนน้ำ ในพื้นที่กว่า 555 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลไร่โคก อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
ได้ทำการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ของที่ดินทั้งหมดในโครงการดังกล่าว ซึ่งมีทั้งหมด 21 แปลง เนื้อที่รวม 555 ไร่ 1 งาน 49 ตรว. ซึ่งอยู่ในรูปของน.ส.3 แต่ปรากฏว่า ที่ดินทั้งหมด 99 % อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก-เขาปุ้มจริง ตามกฏกระทรวง ฉบับที่ 458(พ,,2515) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2515 และเมื่อตรวจสอบต่อไปว่า น.ส.3 ดังกล่าวนั้น ได้ทำการออกโดยกรมที่ดินช่วงปื2533 ภายหลังจากการประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้ว จึงเชื่อว่าการออกเอกสารสิทธิ์ น.ส 3 ทั้ง 21 แปลงดังกล่าวของกรมที่ดิน น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอาจมีการรวมมือกันกระทำผิดอย่างเป็นกระบวนการ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157
ทั้งนี้ ที่ดินดังกล่าว สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี ได้ทำการลงไปรังวัดสำรวจตรวจสอบพิกัดของที่ดินแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.63 และรายงานให้อธิบดีกรมป่าไม้ทราบแล้วว่าที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนฯ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการใด
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่ากรณีนี้กระทบภาพลักษณ์ของประเทศและมีข้อมูลว่าบริษัทนี้มีคนไทยเป็นนอมีนี มีเจ้าของเป็นชาวอังกฤษ และรัสเซีย เปิดขายเฉพาะชาวต่างชาติไม่ขายคนไทย ขณะนี้เจ้าของจริงได้หอบเงินออกจากไทยไปแล้วซึ่งเป็นมูลค่าเสียหายจำนวนมาก ส่วนนอมินีไทยยังอยู่แต่ได้ทุบอาคารสำนักงานขายปิดไปแล้ว
นายมาคอส เฮิร์ท (Marcos Hurst) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ได้จองซื้อคอนโดมิเนียม 3 ล้านบาทในคอมเพล็กซ์ดังกล่าวตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จแล้วแต่ไม่มีการโอน เมื่อรู้ว่าโครงการส่อเค้าว่าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนและถูกหลอกเจ้าของโครงการได้เจรจาจะ ซื้อคืน แต่ที่สุดก็เงียบหายไป
ด้านอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า จะเร่งตรวจสอบเนื่องจากคดีนี้มีความเสียหายมูลค่าสูงและเป็นพื้นที่กว่า 555ไร่ มีการกระทำส่อในการบุกรุกป่า ซึ่งเข้าข่าย ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษด้วย.-สำนักข่าวไทย