กระทรวงแรงงาน 19 ม.ค.- “สุชาติ” มั่นใจลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวเป็นไปตามเป้า ขณะที่ยอดผู้ลงทะเบียน 5 วัน 72,604 คนแล้ว
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวในระบบออนไลน์ ที่กระทรวงแรงงานเปิดให้แรงงานต่างด้าว ทั้งมีและไม่มีนายจ้าง โดยให้ทั้งนายจ้างลงให้ลูกจ้าง และลูกจ้างลงทะเบียนได้เอง ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม – 13 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นไปตามคาดหมาย จนถึงวันนี้เข้าสู่วันที่ 5 มียอดแรงงานต่างด้าวมาลงทะเบียนออนไลน์ ณ เวลา 13.30 น. ของวันที่ 19 มกราคม 2564 แบ่งเป็น 1.นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อเอง จำนวน 19,647 ราย มีแรงงานต่างด้าวในความดูแล 67,276 คน 2.แรงงานต่างด้าวที่ไม่มีนายจ้าง แบ่งเป็น เมียนมา 3,139 คน กัมพูชา 1,532 คน ลาว 657 คน รวม 5,328 คน รวมยอดทั้งหมด 72,604 คน เฉลี่ยมีผู้มาลงทะเบียนวันละกว่า 10,000 คน ขณะที่มีระยะเวลาลงทะเบียน 30 วัน เฉลี่ยวันละประมาณ 10,000 คน
นายสุชาติ กล่าวว่า ตามคาดการณ์น่าจะมีแรงงานต่างด้าวมาลงทะเบียนออนไลน์ครั้งนี้ประมาณ 500,000 คน แต่ขอให้ทำความเข้าใจว่า ในจำนวนทั้งหมดนี้ไม่ใช่แรงงานที่หลบหนีเข้ามา แต่อาจเกิดจากสาเหตุการไม่ได้รับการต่อสัญญา หรือใช้พาสปอร์ตผิดประเภท เช่น นักท่องเที่ยวแล้วเข้ามาทำงาน ซึ่งขณะนี้กำลังจำแนกประเภทของแรงงานต่างด้าวที่มาขึ้นทะเบียนเหล่านี้
ขณะที่ไม่พบปัญหาในการลงทะเบียนออนไลน์ เพราะระบบสามารถรองรับได้วันละ 1,000,000 คน
ส่วนปัญหาที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นก็ได้รับการแก้ไข คือ เรื่องภาษาที่จัดล่าม 3 ภาษา คือ เมียนมา ลาว กัมพูชา ไว้สื่อสารครบแล้ว ขณะที่นายจ้างเองก็มีหมายเลข 1506 กด 2 ไว้ให้คำปรึกษา สัดส่วนผู้มาลงทะเบียน คือ เมียนมา อันดับ 1 รองลงมา กัมพูชา และลาว จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด คือ 1.กรุงเทพฯ 2.ชลบุรี 3.สมุทรปราการ 4.ปทุมธานี ซึ่ง จ.สมุทรสาคร ไม่ติดอันดับ คงต้องรออีกหลายวัน
ส่วนกรณีที่อาจมีนายหน้าเถื่อนมาเชิญชวนให้ลงทะเบียนผ่านนั้น ขอชี้แจงผู้ประกอบการและลูกจ้างว่า การที่กระทรวงแรงงานเปิดลงทะเบียนออนไลน์นั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการและนายจ้างประสานกับกระทรวงแรงงานเองโดยตรง เพราะเป็นขั้นตอนที่ไม่ยาก แต่หากผ่านนายหน้าเถื่อนอาจมีปัญหาคดีความตามมาจากการถูกหลอกเงิน ย้ำการขึ้นทะเบียนแรงงานวางระบบไว้ง่ายที่สุด แม้แรงงานที่ไม่มีนายจ้าง ประสานมาก็มีผู้สื่อสารภาษาประจำชาติตนได้ อย่างไรก็ตาม ได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมอนิเตอร์เรื่องนี้อยู่ เพื่อไม่ให้เหตุดังกล่าวเกิดเพิ่มมากขึ้น
รมว.แรงงาน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกในสถานประกอบการของ จ.สมุทรสาคร ว่า กระทรวงแรงงานได้ให้การสนับสนุนทางจังหวัด โดยสำนักงานประกันสังคมร่วมสนับสนุน นำเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งที่มีความพร้อมสูงเข้าตรวจแรงงาน โรงงานละประมาณ 2,000-3,000 คน สามารถรู้ผลภายใน 24 ชั่วโมง ทำให้มียอดแรงงานทั้งต่างด้าวและคนไทยที่ได้รับการตรวจในระบบประกันสังคม ตั้งแต่วันที่ 9-19 มกราคม 2564 แบ่งเป็นแรงงานต่างด้าวประมาณ 6,000 คน คนไทยประมาณ 4,000 คน รวมประมาณ 10,000 คน พบว่า ในแรงงานต่างด้าวจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 10% หรือขณะที่คนไทยติดประมาณ 2% ขณะนี้มีการตรวจไปได้ราว 10,000 คน มีต่างด้าวติดประมาณ 900 คน คนไทยติดกว่า 100 คน
วิเคราะห์ต่อไปได้ว่า การตรวจพบผู้ติดเชื้อในโรงงานจะมีน้อย เพราะในโรงงานมีระบบควบคุมป้องกันเชื้อ ใส่หน้ากากปิดผง ใส่ถุงมือ หรือมีระบบเซฟตี้ที่ดี เหตุมีแรงงานต่างด้าวติดเชื้อกันในปริมาณสูงกว่าคนไทย เกิดจากที่พักอาศัยที่แออัด ไม่ใช่ติดจากภายในโรงงานด้วยกัน จึงทำให้ไม่มีการแพร่ระบาดกันในโรงงาน
ซึ่งนอกจาก จ.สมุทรสาคร ยังมี จ.ชลบุรี ที่ได้รับการร้องขอจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้กระทรวงแรงงานลงร่วมตรวจเชิงรุกด้วย เนื่องจากมีการรายงานผลที่รวดเร็ว ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เร็ว แต่ทั้งนี้ การตรวจคัดกรองเชิงรุกรายงานต่างด้าวเป็นการทำงานในภาพรวมของคณะกรรมการจังหวัด ไม่ได้แบ่งแยกเป็นกระทรวงสาธารณสุข หรือกระทรวงแรงงาน แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชม คือ ทางต่างประเทศที่รับออเดอร์สินค้าจากโรงงานอาหาร จ.สมุทรสาคร ได้ชื่นชมผ่านมาทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า โรงงานอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทย สามารถบริหารจัดการเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ มีการตรวจคัดกรองเชิงรุกหาเชื้อโควิด-19 ภายในวันเดียวจบ และสามารถนำคนป่วยเข้าสู่การรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการเข้า Factory Quarantine ส่วนคนปกติก็ทำงานต่อ ทำให้คู่ค้าต่างประเทศมีความเชื่อมั่น
นายสุชาติ กล่าวตอนท้ายว่า ระบบการตรวจคัดกรองเชิงรุกมีประโยชน์อย่างมากต่อภาคส่งออกของประเทศ เพราะหากไม่มีการตรวจเช่นนี้ หากเกิดการติดเชื้อขึ้นทั้งโรงงานจะขาดคนทำงาน ภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกระทรวงแรงงานเองต้องรับผิดชอบหลายเรื่อง ทั้งแรงงานตกงานเพราะโรงงานปิด กระทรวงแรงงานต้องรับผิดชอบดูแลกองทุนว่างงานชดเชย และกว่าอุตสาหกรรมจะฟื้นกลับมาทำงานใหม่ได้ จะยากมากกว่าการตรวจเชิงรุกแล้วชะลอการผลิต แต่ระบบยังสามารถดำเนินต่อไปได้ อุตสาหกรรมจะเดินต่อไป แม้ชะลอตัวก็ตาม และมั่นใจจะร่วมกับ จ.สมุทรสาคร ทำการตรวจแรงงานในโรงงานให้ครบ 100%
“การเจอตัวเลขติดเชื้อไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือตรวจให้มากที่สุดอย่างสิงคโปร์ทำ และแยกออกมาให้เร็วที่สุด ถ้ามัวแต่กลัวตัวเลขจะเดินผิดทาง ตั้งเป้าไว้ 100,000 คน ใช้เงิน 200 กว่าล้านบาท เทียบไม่ได้กับการใช้งบประมาณไปรองรับการตกงานที่ต้องเสีย ค่าใช้จ่ายนับ 10,000 ล้านบาท” นายสุชาติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
