“พล.อ.ประวิตร” ขับเคลื่อนแผนบริหารจัดการน้ำ

สำนักข่าวไทย 24 พ.ย.- “พล.อ.ประวิตร” ย้ำหน่วยงานรัฐบริหารจัดการน้ำให้ประชาชนมีน้ำอุปโภค บริโภค เกษตร พอเพียง ต่อเนื่อง ระยะยาว


เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 พ.ย.2563 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางตรวจเยี่ยมผลการปฏิบัติตามนโยบายและแผนงานบูรณาการหน่วยงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พร้อมเป็นประธานการประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการคาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศ เร่งรัดมาตรการเตรียมการรองรับภัยแล้งปี 2563/64 รวมถึงการติดตามความก้าวหน้างบกลางปี 2563 พร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรค ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้ กนอช. พร้อมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดเสี่ยงได้รับผลกระทบปัญหาขาดแคลนน้ำ ณ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ อาคารจุฑามาศ ถนนวิภาวดีรังสิต

พลเอกประวิตร กล่าวว่า นโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรน้ำของประเทศในปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องน้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งแผนระยะเร่งด่วนตามที่รัฐบาลได้อนุมัติงบกลางในปี 2563 เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งและเก็บกักน้ำในฤดูฝนที่ผ่านมา โดยได้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผน รวมถึงการวางโครงสร้างการบริหารจัดการน้ำของประเทศในระยะยาวควบคู่กัน ซึ่งจากการรายงานผลการดำเนินงานด้านน้ำปีที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานได้ร่วมมือกันขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นผลสำเร็จที่น่าพอใจ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงาน เป็นไปตามเป้าหมาย สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมการรับมือในช่วงฤดูแล้ง ได้มอบหมายทุกหน่วยติดตามประเมินสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกำหนดพื้นที่เป้าหมายเฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค เกษตรต่อเนื่อง และไม้ผลเศรษฐกิจ เพื่อพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที โดยให้ สทนช. บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนจัดสรรน้ำและแหล่งน้ำสำรองให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน รวมถึงกำหนดแนวทาง และมาตรการในการแก้ไขปัญหาหน่วยงานต้องบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีความรุนแรง ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกรอบแนวทางการบริหารจัดการน้ำ และ 9 มาตรการรับมือฤดูแล้งปี 2563/64 เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากพบว่ามีโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก็ให้เร่งเสนอขอรับการสนับสนุนงบกลางเพิ่มเติมโดยเฉพาะโครงการที่ท้องถิ่นมีความต้องการ. อย่างไรก็ตาม นอกจากแผนบริหารจัดการน้ำตามฤดูกาลแล้ว สทนช.ต้องเป็นกลไกเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขับเคลื่อนแผนงานโครงการสำคัญให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนแม่บทน้ำ 20 ปีให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม และติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องเพื่อรายงานคณะกรรมการทรัพยากน้ำแห่งชาติ (กนช.) ทราบเป็นระยะๆ โดยให้ สทนช.ร่วมกับ สำนักงบประมาณกำหนดแนวทางให้สามารถจำแนกแผนงานโครงการด้านน้ำในทุกมิติงบประมาณ ให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามแนวทางที่ กนช.กำหนด สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจกับประชาชน ให้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำรวมถึงการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ไปในทิศทางเดียวกันให้ประชาชนทราบด้วย


รองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้สั่งการให้หน่วยงานภายใต้ กอนช.ติดตามสภาพอากาศ แนวโน้มปริมาณฝนและพายุที่อาจจะเข้าสู่บริเวณภาคใต้ ซึ่งพบว่าปรากฏการณ์ลานีญ่ายังมีอิทธิพลในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน จึงอาจจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักได้ โดยเฉพาะ 3 ลุ่มน้ำหลัก ได้แก่ ลุ่มน้ำสงขลา ลุ่มน้ำปัตตานี และลุ่มน้ำตาปี ซึ่งเบื้องต้น กอนช.ได้ประเมินพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยเป็นรายตำบล และแจ้งเตือนหน่วยงานในระดับพื้นที่เตรียมการรับมืออทุกภัยภาคใต้ไว้ล่วงหน้าแล้ว มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ การอพยพ แก้ไชปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำ เครื่องจักรเครื่องมือเพื่อพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดภัยไว้เช่นกัน ขณะเดียวกัน รองนายกฯยังได้กำชับทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการรับมือสถานการณ์น้ำน้อยในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน อีสานตอนบน และภาคกลาง เพื่อบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ในช่วงฤดูแล้งปี 2563/64 นี้ให้เป็นไปตามแผน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.โต้กัมพูชาอ้างขุดพบ MK-84 ชี้ระเบิดเก่าขึ้นสนิม ยันไม่ใช่ของไทย

31 ก.ค.- โฆษกกองทัพอากาศ ยันระเบิดที่ถูกขุดพบจากกัมพูชา ไม่ใช่ของกองทัพอากาศที่ปฏิบัติกับฐานที่มั่นทางทหารของกัมพูชา ตั้งข้อสังเกตเก่า เหมือนถูกขุดจากใต้ที่พักอาศัย จากกรณีที่พบระเบิด MK-84 ที่กัมพูชาขุดขึ้น ตามที่เฟซบุ๊กของนายแฮง รัตนา เอาภาพมาลงนั้น พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ระบุกว่า ได้มีข้อสังเกตว่า ระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพเก่าและมีลักษณะคล้ายถูกขุดขึ้นมาจากใต้ที่พักอาศัยของประชาชน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากปฏิบัติการทางอากาศในช่วงที่ผ่านมา ดูจากสภาพที่ขึ้นสนิมไม่ใช่ของกองทัพอากาศไทย เนื่องจากลูกระเบิดที่กองทัพอากาศใช้มีสภาพใหม่และสมบูรณ์ ไม่เป็นสนิมขนาดนั้น ดูจากเส้นรอบวงโดยประมาณและความยาวคาดว่าเป็นลูกระเบิดอากาศขนาด 2000 ปอนด์ แบบตะวันตกที่มีใช้ทั่วไปสภาพความลึก และวางขนานกับพื้น ไม่เหมือนทิ้งจากเครื่องบิน .-313 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปากตระกูลฮุน

กระทรวงมหาดไทย 31 ก.ค.- “ภูมิธรรม” เสียใจผู้อพยพจบชีวิตเหตุเครียดอยากกลับบ้าน ขอประเมินให้ปลอดภัยก่อน บอกไทยประสบความสำเร็จยึดดินแดนได้ ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปาก 2 พ่อลูกตระกูลฮุน ชี้ ทหารกัมพูชา 18 นาย รุกล้ำเข้าไทยหลังประกาศหยุดยิง เตรียมส่งตัวคืน แต่อีกฝ่ายปล่อยเฟกนิวส์ จึงต้องคุมตัวสอบก่อน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพสามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้พบว่ามีประชาชนฆ่าตัวตาย เพราะเครียดต่อสถานการณ์และอยากกลับบ้าน ว่าตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต พร้อมยอมรับว่าเป็นความห่วงใยของรัฐบาล แม้ว่าจะอยากให้เดินทางกลับบ้านพักเลยแต่สถานการณ์ยังไม่มั่นใจ 100 % เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่กัมพูชาพูดสามารถเชื่อได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามักบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งต้องรอการประเมินอีกครั้งหนึ่งก่อนว่าหากไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็สามารถเดินทางกลับบ้านพักได้ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการที่กัมพูชาพาผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงพื้นที่ เป็นเพราะเขาเป็นผู้ก่อเหตุจึงมั่นใจว่าเราจะไม่ทำอะไร และเราเองก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มั่นใจว่ากัมพูชาจะกระทำอย่างไร ส่วนไทยจะใช้มาตรการเชิงรุกทั้งด้านการทูตและด้านพื้นที่อย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้เราไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา การดำเนินการต่างๆเราก็คุยกับนานาชาติอยู่เสมอ แต่ข้อสำคัญอยู่ที่หลักฐานเพราะเขาพูดไปได้เรื่อยๆ แต่เราพูดมีหลักฐานรองรับ ขณะที่ข้อเท็จจริงเรื่องปราสาทตาควายที่มีการพูดกันว่าทางกัมพูชาเข้าครอบครองตัวปราสาท แต่เราได้ครอบครองเพียงพื้นที่โดยรอบ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากพูดถึงในแง่การยุทธ์ การยึดคืนในพื้นที่ต่างๆ ถือว่าเราประสบความสำเร็จ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แล้วพื้นที่ตัวปราสาทเป็นเช่นไร […]

กต.นำผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่จุดปะทะชายแดนพรุ่งนี้

31 ก.ค. – โฆษก กต. เตรียมนำผู้ช่วยทูตทหาร ลงพื้นที่จุดปะทะ พรุ่งนี้ (1 ส.ค.68) ขณะที่ ผบ.ทสส.มาเลเซีย พบแม่ทัพภาคที่ 1 และ 2 เพื่อรับฟังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงว่าที่ทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ เตือนไทยทำสงครามกับเพื่อนบ้านจะเป็นอันตรายต่อความเป็นพันธมิตรไทย-สหรัฐ ตรวจสอบแล้วว่ามีการพูดจริง แต่เป็นการพูดในการพิจารณารับรองของกับวุฒิสภาสหรัฐ กัมพูชาเอาไปปั่นกระแส เสมือนว่าพูดโจมตีประเทศไทย ส่วนกรณีกัมพูชาเชิญผู้แทนทางทูตและผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจาก 13 ประเทศ ลงพื้นที่จุดผ่อนปรน เรื่องนี้ไทยไม่กังวล แต่กัมพูชาควรกังวลมากว่า เพราะเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เพราะฉะนั้นถ้าทูตสำรวจละเอียดจริง ก็คงเห็นข้อเท็จจริง และขณะนี้กระทรวงกลาโหมของไทยกำลังประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และจะนำผู้ช่วยทูตทหารและสื่อมวลชนลงพื้นที่ในส่วนของไทยเหมือนกัน โดยคาดว่าจะเป็นวันศุกร์นี้ (1 ส.ค.) จะได้เห็นสถานที่ เห็นข้อเท็จจริง และเห็นพื้นที่ที่เกี่ยวกับการทำร้ายประชาชน ผบ.ทสส.มาเลเซีย พบแม่ทัพภาพ 1-2 รับทราบข้อเท็จจริง ด้าน พลเอก ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย […]

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย