ปฏิรูปบัตรทอง กทม.ดึง รพ.เอกชน เข้าระบบมากขึ้น

กรุงเทพฯ 10 ต.ค.- ผอ.รพ.ภูมิพลฯ หวังปฏิรูปบัตรทอง กทม.ช่วยดึง รพ.เอกชนเข้าระบบมากขึ้น ลดภาระโรงพยาบาลรัฐในการดูแลผู้ป่วย หวังเห็นการใช้ระบบสารสนเทศเชื่อมโยงข้อมูลการรักษาและการยืนยันสิทธิระหว่างหน่วยบริการทั่วทั้งพื้นที่ กทม.


พล.อ.ต.ทวีพงษ์ ปาจรีย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ให้ความเห็นกรณีที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เตรียมปรับระบบบริการปฐมภูมิใหม่ในพื้นที่ กทม. โดยการเพิ่มจำนวนสถานพยาบาลมาเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในระบบบัตรทองอีก 500 แห่ง ทำงานเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายบริการปฐมภูมิในพื้นที่ ตลอดจนมีกลุ่มโรงพยาบาลรับส่งต่อ 2-3 แห่งในโซนนั้นๆ โดยกล่าวว่า โรงพยาบาลภูมิพลฯ แม้เป็นโรงพยาบาลทหาร แต่เข้าร่วมให้บริการกับ สปสช.ตั้งแต่ยุคแรก ถือเป็นโรงพยาบาลใหญ่ในโซนเหนือของ กทม. ดูแลเขตหลักสี่ บางเขน สายไหม ดอนเมือง รองรับประชากรกว่า 300,000 คน

ทั้งนี้ ในช่วงแรกที่ให้บริการมีคนไข้มารับบริการจำนวนมากวันละนับพันราย โรงพยาบาลจึงได้รับคลินิกเอกชนเข้ามาเป็นเครือข่าย 25 แห่ง เพื่อกระจายคนไข้ไปรักษาในหน่วยปฐมภูมิใกล้บ้าน ปรากฏว่าสามารถลดจำนวนผู้ที่มาโรงพยาบาลได้ 80% อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะกระจายคนไข้ไปแล้ว แต่หลักการคือโรงพยาบาลยังให้คำมั่นสัญญาว่าผู้ป่วยยังคนไข้ของโรงพยาบาลอยู่ โรงพยาบาลจะรับผิดชอบในเรื่องการดูแลคุณภาพของหน่วยบริการเครือข่าย การวางระบบส่งต่อเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าถ้าต้องส่งต่อคนไข้ก็จะมีโรงพยาบาลรองรับ อีกทั้งยังมีการรักษาโรคร่วมกับคลินิกเครือข่านในหลายๆโรค เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง เป็นต้น ดังนั้นหัวใจสำคัญของการปฏิรูประบบปฐมภูมิของ สปสช.ครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้คนไข้ได้รับบริการที่ดีขึ้น ถ้า สปสช.สามารถกระจายคลินิกให้มากขึ้น มีคุณภาพดีขึ้น การส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคดีขึ้นจริงๆ จำนวนผู้ที่ต้องมานอนที่โรงพยาบาลก็จะลดลง


“ตอนนี้เป็นปัญหาว่าโรงพยาบาลแต่ละแห่งมีความหนาแน่นมาก หวังว่าโมเดลนี้จะช่วยดึงดูดโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมมากขึ้น อย่างโรงพยาบาลภูมิพลฯตั้งอยู่โซนตอนเหนือของ กทม. ซึ่งไม่ค่อยมีโรงพยาบาลรัฐแล้ว หากระบบใหม่ของ สปสช. สามารถเพิ่ม Capacity โรงพยาบาลอื่น เช่น โรงพยาบาลเอกชน ให้เข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น ก็จะแบ่งเบาภาระในการดูแลผู้ป่วยในได้มากขึ้น” พล.อ.ต.ทวีพงษ์ กล่าว

พล.อ.ต.ทวีพงษ์ กล่าวว่า อีกประเด็นที่อยากเห็นคือการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยบริการ เช่น เรื่องใบส่งตัวจากคลินิกปฐมภูมิไปโรงพยาบาลรับส่งต่อ ซึ่งข้อมูลในใบส่งตัวจะมี 2 ส่วน คือข้อมูลการรักษากับข้อมูลสิทธิ แต่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะใช้ยืนยันเรื่องสิทธิการรักษาเสียมากกว่า ดังนั้นถ้าสามารถเชื่อมโยงระบบสารสนเทศ ส่งข้อมูลสุขภาพจากคลินิกเข้าโรงพยาบาลและทำเรื่องการยืนยันสิทธิด้วย ก็น่าจะลดการใช้ใบส่งตัวลง 90% แต่ตกลงกันในเครือข่ายให้เรียบร้อยว่า Flow จะเป็นอย่างไร หวังว่าถ้าปฏิรูประบบใหม่แล้วทำแบบนี้ได้ทั้ง กทม.ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก

ด้านนางสุจิน รุ่งสว่าง อนุกรรรมการหลักประกันสุขภาพเขตพื้นที่ (อปสข.) เขต 13 กทม. กล่าวว่า การยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการเอกชนหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในช่วงนี้ประชาชนได้รับผลกระทบ ซึ่งทาง อปสข. หน่วย 50(5) และเครือข่ายภาคประชาชนได้ลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับพี่น้องเพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกและกังวลเกินไป และหากมองไปในอนาคตก็หวังว่าการปฏิรูประบบปฐมภูมิในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนได้รับการดูแลที่ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาแม้จะพูดเรื่องคลินิกชุมชนใกล้บ้านใกล้ใจ แต่ก็ไม่เกิดจริง ประชาชนหลายคนอยู่ในพื้นที่หนึ่งแต่ไปได้สิทธิการรักษานอกพื้นที่ ดังนั้นหวังว่าเมื่อมีการปรับระบบบริการแล้วประชาชนจะได้สิทธิในการใช้บริการในพื้นที่ที่อาศัยจริงๆ เพื่อให้การเข้าถึงบริการสะดวกขึ้น ไม่ต้องเสียค่าเดินทางข้ามพื้นที่อีกต่อไป


นางสุจิน ยังย้ำความสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนว่าจะทำให้สามารถแก้ปัญหาวิกฤตครั้งนี้ได้ และตามแผนปฏิรูประบบบริการครั้งนี้จะมีศูนย์บริการสาธารณสุขจะเป็นแม่ข่าย ซึ่งทางหน่วย 50 (5) ภาคประชาชนก็จะเข้าไปร่วมมือช่วยทำงานเพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักแก่หน่วยบริการ และทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างมีคุณภาพต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

นายกฯ ปัดตอบ ผลสำรวจอยากให้ปรับ ครม.

“นายกฯ อิ๊งค์” ไม่ตอบคำถามผลสำรวจอยากให้ปรับ ครม. บอกพรุ่งนี้ตอบทีเดียว ก่อนแซว “ประเสริฐ” ปรับให้แล้ว เหตุพูดตำแหน่ง “จุลพันธ์” ผิด จาก รมช.คลัง เป็น รมช.มหาดไทย

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]