กรมราชทัณฑ์ 1 ต.ค.-รมว.ยุติธรรม ปัดยังไม่ทราบกรณี “ศรีสุวรรณ” หอบเอกสารส่งคณะทำงานเพิ่มเติม เพื่อขอฟื้นคดี “วัฒนา” ทุจริตคลองด่าน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้รับมอบอำนาจของนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำเอกสาร 2 กล่อง ประกอบด้วย สำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงและบัญชีพยานโจทก์ คำฟ้องคำให้การ คำพิพากษา บัญชีระบุพยาน คำแถลงการณ์ปิดคดีอาญานักการเมือง คดีทุจริตคลองด่านของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลแขวงดุสิต และอื่นๆ ยื่นให้กับคณะทำงานของนายสมศักดิ์เพิ่มเติมเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอรื้อฟื้นคดีทุจริตคลองด่าน และกลับมาสู้คดีไทย ว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ว่าจะมาหรือฟื้นคดีในเรื่องใด หรือประเด็นใด และส่วนตัวก็ยังไม่ทราบว่าทางกระทรวงฯ มีอำนาจในการรับเรื่องเพื่อที่จะตรวจสอบและหรือคดีหรือไม่
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2020/10/S__174645258-1.jpg)
ส่วนกระแสข่าวหลังจากนายศรีสุวรรณยื่นเอกสารแล้ว ทางคณะกรรมการพิจารณารับคำร้องขอการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ ซึ่งมีนายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้รื้อคดีได้ ทางกระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีต่อศาลนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ไม่ทราบเรื่อง ไม่ทราบขั้นตอน คงต้องมีการศึกษารายละเอียดในเรื่องนี้อีกครั้งว่า สามารถทำได้หรือไม่ หรือเป็นหน้าที่ของศาล
สำหรับคดีนี้ นายวัฒนาถูก ป.ป.ช. ชี้มูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ซึ่งถือเป็นโครงการก่อสร้างโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ที่มีศักยภาพในการบำบัดน้ำเสียมากที่สุดในเอเชียในขณะนั้น โดยนายวัฒนา ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ทำการกว้านซื้อดินจากชาวบ้านในราคาถูก และได้ออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบรุกล้ำที่ดินสาธารณะประโยชน์ แล้วนำไปขายต่อให้รัฐโดยปั่นราคาขึ้นจาก 1 แสนบาท/ไร่ เป็น 1.1 ล้านบาท/ไร่ รวมกว่า 1,903 ไร่ ในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา แต่นายวัฒนากลับไม่ได้เดินทางมา จนต่อมามีข่าวว่านายวัฒนาเดินทางหนีออกจากประเทศผ่านประเทศกัมพูชา
ปัจจุบันนายวัฒนาอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับตามคำพิพากษาจำคุกในคดีทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 10 ปีและให้ริบพระผงสุพรรณเลี่ยมทองของกลาง พร้อมกับออกหมายจับเพื่อติดตามตัวจำเลย มารับโทษและปรับเงินนายประกัน 2ล้าน2แสนบาทถ้วน ต่อมานายวัฒนาได้ยื่นขออุทธรณ์คดีดังกล่าว แต่ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาวันที่ 30 พ.ค.2561 ศาลแขวงดุสิตนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาโดยมีคำสั่งให้ออกหมายจับ .-สำนักข่าวไทย