ระวัง!!! จุดประทัด เผากระดาษเงิน ช่วงสารทจีน

กรมควบคุมโรค 1ก.ย.-กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนในช่วงเทศกาลสารทจีนปีนี้ ควรระมัดระวังอุบัติเหตุจากการจุดประทัด โดยเฉพาะเด็กเล็กผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิด ห้ามเด็กจุดประทัดเด็ดขาด อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงได้ รวมถึงอันตรายจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง และการจุดธูปเทียน หากสูดหายใจเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสารทจีนของทุกปี ประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนจะจัดพิธีไหว้บรรพบุรุษและไหว้เจ้าขึ้น โดยมีการจุดประทัดเพื่อเป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้ายและทำให้กิจการเจริญรุ่งเรือง ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 2 กันยายน 2563 นั้น กรมควบคุมโรค จึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอุบัติเหตุจากการจุดประทัด โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก ผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอาจได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงจากความประมาทและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

คำแนะนำในการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ ควรปฏิบัติ ดังนี้
1.ไม่เล่นผาดโผน ไม่ควรจุดใกล้วัตถุไวไฟหรืออาคารบ้านเรือน
2.ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กนำประทัดมาเล่นเด็ดขาด
3.ควรจุดให้ห่างจากตัวประมาณ 1 ช่วงแขน
4.ห้ามพยายามจุดประทัดที่จุดแล้วไม่ติดหรือไม่ระเบิดอย่างเด็ดขาด
5.ไม่เก็บประทัด ดอกไม้ไฟ ไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือที่มีอากาศร้อน เพราะอาจเกิดการเสียดสีและระเบิดได้
6.ควรเตรียมภาชนะบรรจุน้ำไว้ใกล้บริเวณที่เล่น
7.ห้ามประกอบหรือดัดแปลงประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุไว้เล่นเองเด็ดขาด


ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 อย่างเคร่งครัด หากเกิดอุบัติเหตุ ให้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้รีบห้ามเลือดและใช้ผ้าสะอาดปิดบาดแผลหรือพันแผลบริเวณเหนือแผลให้แน่นเพื่อป้องกันเลือดออก ไม่ควรใช้เชือกหรือสายรัดเพราะจะทำให้เส้นประสาทหรือหลอดเลือดเสียได้ และขอให้รีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร.1669

นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีอันตรายที่เกิดจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง การจุดธูปเทียน ซึ่งส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสารเคมี เมื่อถูกความร้อนในขณะเผา จะก่อให้เกิดไอระเหยของสารพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้จุดหรือผู้เผา รวมถึงผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เมื่อสูดหายใจเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ เช่น ตาแห้ง แสบตา น้ำตาไหล ระคายเคืองจมูก จาม ไอ ระคายคอ หายใจลำบาก และยังทำให้ปวดศีรษะ โดยเฉพาะเด็กจะได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ใหญ่

สำหรับวิธีการป้องกันสารเคมีจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง ควรยืนอยู่เหนือลม เผานอกอาคารที่พักอาศัยและเผาทีละน้อย เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเขม่าเถ้ากระดาษ และไม่ควรเผาขณะที่มีเด็กหรือมีผู้คนเดินผ่านไปมา ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัส ส่วนการป้องกันอันตรายจากธูปเทียน ควรเปิดประตู หน้าต่างทุกครั้ง รวมถึงเปิดพัดลมเพื่อช่วยระบายอากาศหรือควันธูปเทียน หลีกเลี่ยงการพักผ่อนนอนหลับในห้องและบริเวณที่มีการจุด และเมื่อธูปเทียนดับแล้วควรทิ้งเวลาสักระยะหนึ่งก่อนเข้าไปใช้ห้องหรือบริเวณดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยอีสาน อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย-ใต้ตอนบน ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยภาคใต้ตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อยในภาคอีสาน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว